“ทีทีดับบลิว” กำไรสุทธิไตรมาส 1/62 เพิ่มขึ้น 69.8 ล้าน – แจงยุติโครงการเมาะลำไย

บมจ.ทีทีดับบลิว ผู้ผลิตน้ำประปารายใหญ่ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 กำไรสุทธิ 737.9 ล้าน เพิ่มขึ้น 10.4% ด้านที่ประชุมผู้ถือหุ้นแจงยุติโครงการผลิตน้ำประปาที่เมืองเมาะลำไย เมียนมา เนื่องจากการเมืองไม่แน่นอน

น.ส.วลัยณัฐ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ ในพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม และปทุมธานี-รังสิต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 737.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.8 ล้านบาท หรือ 10.4% เมื่อเทียบจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ถือว่าเติบโตดีขึ้น เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการบริหารงานด้านต้นทุนในการดำเนินงานที่ลดลง รวมทั้งมีรายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้น 32.1 ล้านบาท โดยสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2562 มีจำนวน 22,698 ล้านบาท หนี้สิน 9,607.5 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 13,090.5 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.73 เท่า ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนบนพื้นฐานขององค์ความรู้และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง

ก่อนหน้านี้ ทีทีดับบลิว ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2562 มีรายได้ 737.9 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ 668.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.4% โดยรายได้จากการขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น 56.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% รายได้จากการขายน้ำประปาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 37.4 ล้านบาท หรือ 3.9% เนื่องจากยอดขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และราคาขายน้ำประปาที่ปรับขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นรายได้จากการขายน้ำประปาเพิ่มขึ้นจำนวน 35 ล้านบาท และยอดขายน้ำประปาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจำนวน 2.4 ล้านบาท อีกทั้งรายได้จากการขายน้ำประปาของบริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด เพิ่มขึ้นจำนวน 19.2 ล้านบาท หรือ 4.3% เนื่องจากยอดขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น 10 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 2.8% รวมทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 7.5 ล้านบาท หรือ 80.4% เนื่องจากผลตอบแทนจากการบริหารเงินสดเพิ่มขึ้น

ส่วนต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนการบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 16.1 ล้านบาท หรือ 3.9% เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจำนวน 16.4 ล้านบาท ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวน 5.5 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมเพิ่มขึ้นจำนวน 0.8 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดินสำหรับวางแนวท่อเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านบาท ในขณะที่ค่าสารเคมีลดลงจำนวน 7.3 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจำนวน 3.5 ล้านบาท หรือ 5.6% ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจำนวน 32.1 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยของบริษัทร่วมมียอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจำนวน 11.8 ล้านบาท หรือ 12.4% เนื่องจากจ่ายคืนเงินต้นตามสัญญาเงินกู้ยืมและจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด จำนวน 1,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นจำนวน 25.5 ล้านบาท หรือ 17.2% เนื่องจากสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของปริมาณขายน้ำตั้งแต่ 320,001-440,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายน 2561

  • ยอดจ่ายน้ำประปารวมเติบโตสุดในรอบ 3 ปี

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา มีนายทนง พิทยะ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุม เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในงบการเงินรวมจำนวน 2,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 180 ล้านบาท หรือ 6.7% เนื่องจากรายได้จากการขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทย่อยของบริษัทร่วมมียอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการจ่ายคืนเงินกู้ก่อนกำหนด โดยปริมาณการจ่ายน้ำประปาของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดจ่ายน้ำรวมของทั้ง 2 พื้นที่เท่ากับ 304.2 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นพื้นที่ สมุทรสาคร-นครปฐม 158.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 8.5% และพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต 145.9 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 7.4% โดยปริมาณการจ่ายน้ำสมุทรสาคร-นครปฐม จ่ายน้ำเฉลี่ย 434,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็น 80% ของการใช้กำลังการผลิตรวม และพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต จ่ายน้ำเฉลี่ย 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็น 82% ของการใช้กำลังการผลิตรวม ทั้งนี้ มีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่ผ่านมา 8% และมียอดการจ่ายน้ำประปารวมเติบโตมากที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

  • แจงยุติโครงการผลิตน้ำประปา “เมาะลำไย”

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม น.ส.วลัยณัฐ ได้ชี้แจงผู้ถือหุ้น ถึงโครงการผลิตน้ำประปาที่เมืองเมาะลำไย ประเทศเมียนมา ที่ได้ยุติการดำเนินโครงการ ระบุว่า เนื่องจากมีความไม่แน่นอนทางการเมือง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเมียนมา เมื่อถึงกำหนดการลงนามในสัญญา มีการขอปรับแก้ไขเงื่อนไขสัญญา บริษัทฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การขอปรับแก้เงื่อนไขสัญญาจะไม่เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ จึงได้ยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว ขณะที่นายทนง กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือเป็นประสบการณ์สำคัญในการที่จะไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้มีการตกลงเงื่อนไขในสัญญากับรัฐบาลเมียนมาก่อนการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว และภายหลังประเทศเมียนมามีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ นายกเทศมนตรีต้องการขอเจรจาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา เช่น เงื่อนไขการกำหนดปริมาณการรับซื้อขั้นต่ำ และเงื่อนไขอื่นๆ อีกหลายประการ ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทฯ เกิดความเสี่ยงในการเข้าไปดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จึงชะลอการดำเนินโครงการดังกล่าว ก่อนรัฐบาลเมียนมาจะส่งจดหมายขอยุติสัญญาดังกล่าวในเวลาต่อมา แต่ยังมีพื้นที่อื่นๆ เสนอเงื่อนไขให้บริษัทฯ เข้าไปดำเนินงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *