กรมประมงย้ำปิดอ่าวไทยรูปตัว ก. 2 เดือน เริ่ม 15 มิ.ย.นี้ วอนชาวประมงให้ความร่วมมือ

อธิบดีกรมประมง ย้ำประกาศปิดอ่าวไทยรูปตัว ก 8 จังหวัด ฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำ แบ่งเป็น 2 ช่วง นาน 2 เดือน เริ่ม 15 มิ.ย.นี้ พร้อมขอบคุณชาวประมงที่เข้าใจ-เสียสละ ปรับเปลี่ยนวิถีการทำประมงแบบดั้งเดิม

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากเมื่อปีที่ผ่านมา กรมประมงได้มีการปรับปรุงกฎหมายปิดอ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อกำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ วงจรชีวิตสัตว์น้ำ และสอดคล้องกับมาตรการปิดอ่าวไทย ในปีนี้ยังคงกำหนดพื้นที่และระยะเวลาประกาศปิดอ่าวฯ ออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. – 15 ส.ค. ของทุกปี ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน ฝั่งตะวันตกบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร โดยเริ่มจากอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสิ้นสุดที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 30 ก.ย. ของทุกปี ในพื้นที่จับสัตว์น้ำอ่าวไทยตอนใน ด้านเหนือบางส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยเริ่มจากอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และสิ้นสุดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีการกำหนดใช้เครื่องมือและวิธีทำการประมงที่สามารถให้ทำการประมงได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำหนด และเครื่องมือที่ใช้ทำการประมงต้องไม่เป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมง หากผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 30 ล้านบาท ตามขนาดของเรือประมง หรือปรับ 5 เท่า ของมูลค่าสินค้าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า และเครื่องมือ สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สินค้าสัตวน้ำ หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิดจะถูกริบ

นายอดิศร กล่าวว่า มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรในช่วงฤดูการปิดอ่าวไทยรูปตัว ก สามารถฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างเหมาะสม มีผลผลิตของสัตว์น้ำสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มปลาผิวน้ำ เช่น ปลาสีกุนเขียว ปลาหลังเขียว และปลาตะเพียนน้ำเค็ม อย่างไรก็ตาม ปลาทู สัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าผลผลิตโดยรวมจะสอดคล้องกับผลการศึกษาทางวิชาการ เกี่ยวกับวงจรชีวิตของสัตว์น้ำที่อพยพตามห้วงเวลาในแต่ละพื้นที่ ที่พบว่าในช่วงเวลาตั้งแต่เดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. ของทุกปี จะเป็นห้วงเวลาที่มีสัตว์น้ำขนาดก่อนเริ่มสืบพันธุ์อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงควรมีการคุ้มครองสัตว์น้ำเหล่านี้มิให้ถูกจับหรือทำลายก่อนวัยอันควร และเป็นการเพิ่มทั้งขนาดและมูลค่ารวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญจะช่วยให้ปลาทูกลับฟื้นคืนความสมบูรณ์ดังเดิม

“ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ที่เข้าใจการดำเนินงานของทางภาครัฐ และเสียสละยอมปรับเปลี่ยนวิถีการทำประมงแบบดั้งเดิม เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรประมงของประเทศให้มีใช้อย่างยั่งยืน แต่ก็ขอฝากพี่น้องชาวประมงโปรดให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการทำการประมง โดยให้ทำประมงเฉพาะเครื่องมือที่ประกาศให้สามารถทำการประมงได้เท่านั้น เครื่องมืออื่นๆ นอกจากชนิดหรือประเภทที่กำหนดไว้ตามประกาศ ห้ามใช้ทำการประมงโดยเด็ดขาด” นายอดิศร กล่าว

สำหรับเครื่องมือและวิธีทำการประมงที่สามารถให้ทำการประมงได้ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบด้วย

  1. เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ที่ใช้ประกอบกับเรือกลลำเดียว ขนาดต่ำกว่า 20 ตันกรอส ให้สามารถทำการประมงได้ในเวลากลางคืนและบริเวณนอกเขตทะเลชายฝั่ง
  2. เครื่องมืออวนติดตาปลาที่ใช้ประกอบเรือกล ขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ให้ใช้เครื่องมืออวนที่มีช่องตาอวนตั้งแต่ 5 เซนติเมตรขึ้นไป ความยาวอวนไม่เกิน 2,000 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ ทั้งนี้ห้ามทำการประมงโดยวิธีล้อมติดตา หรือวิธีอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  3. เครื่องมืออวนติดตาชนิด อวนปู อวนกุ้ง อวนหมึก ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  4. เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  5. กรณีการใช้เครื่องมือลอบปูที่มีขนาดตาอวนโดยรอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป และใช้ทำการประมงไม่เกิน 300 ลูก ต่อเรือประมง 1 ลำ สามารถทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งได้ ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  6. กรณีการใช้เครื่องมือลอบปูที่มีขนาดช่องตาท้องลอบ ตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป และใช้ทำการประมงเกินกว่า 300 ลูก ต้องทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  7. เครื่องมือลอบหมึกทุกชนิด ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
  8. ซั้งทุกชนิดที่ใช้ประกอบทำการประมงพื้นบ้านในเขตทะเลชายฝั่ง
  9. เครื่องมือคราดหอย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯที่เกี่ยวข้องด้วย
  10. เครื่องมืออวนรุนเคย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ที่เกี่ยวข้องด้วย
  11. จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก
  12. เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง
  13. การใช้เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส ที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า โดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่มิใช่เครื่องมือทำการประมงบางประเภทที่ถูกกำหนดเป็นประมงพาณิชย์ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ และต้องมิใช่การใช้เครื่องมือทำการประมงอวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกปลากะตักที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) รวมทั้งเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ

สำหรับเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมง ได้แก่ เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะและวิธีการคล้ายคลึงกัน, เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้างใช้สําหรับดักสัตว์น้ำ, เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่าขนาดที่อธิบดีประกาศกําหนด, เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ติดกับเรือยนต์ เว้นแต่เป็นอวนรุนเคย และห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรทําการประมงในเวลากลางคืน

สาครออนไลน์ โดย กิตตินันท์ นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *