ประมงถกปัญหาส่งถึงบิ๊กป้อม 7 ปีท่าทีรัฐบาลนิ่งเฉย หวั่นอาชีพล่มสลาย

ที่ประชุมใหญ่วิสามัญสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เสนอปัญหาไปยังรองนายกรัฐมนตรี 9 ประเด็นให้พิจารณา บิ๊กโจ๊กร่วมรับฟังด้วย ชาวประมงชี้ 7 ปีที่ผ่านมารัฐบาลนิ่งเฉย แก้ไขปัญหา IUU Fishing แบบไม่ปรึกษากัน ทำเดือดร้อนยาวนาน แม้สถานการณ์ดีขึ้นแต่กลับไม่ผ่อนคลาย หวั่นอาชีพล่มสลาย หากยังเหมือนเดิมคงต้องเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ห้องประชุมโชติกา โรงแรมเซ็นทรัลเพลส ถนนเอกชัย ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 ซึ่งเป็นการจัดประชุมตามความเห็นชอบของสมาชิก ขึ้น เพื่อหารือและยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวประมง โดยมีนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย, พล.ร.ต.ชำนาญ พวงเพชร ผู้อำนวยการสำนักฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล. ภาค 1) และนายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมงและคณะ เข้าร่วมรับฟังปัญหา และมีตัวแทนสมาชิกชาวประมง 25 องค์กร 22 จังหวัดชายทะเล ทั้งที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง และประชุมออนไลน์ผ่านระบบซูม (Zoom)

นายกำจร กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสมาชิกสมาคม จำนวน 25 องค์กร 22 จังหวัดชายทะเล ได้ร้องขอให้สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเปิดการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น เพื่อเสนอเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งมีหลายเรื่องที่ชาวประมงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณา ได้แก่ 1. ข้อกังวลความเดือดร้อนของสมาชิก ต่อท่าทีของรัฐบาล เกี่ยวกับคำสั่งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ และติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการทำประมง และ แรงงานในภาคประมง ที่ 4/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวัง การทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (คณะทำงาน 4 ชุด) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ

ข้อ 2. การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจภาคประมง 3. ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การถูกกล่าวหาเรื่องการค้ามนุษย์ 4. การแก้ไขกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องและไม่เป็นธรรม 5. การซื้อเรือคืน 6. การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการออกกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ของภาครัฐในระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา 7. ค่าปริมาณสูงสุดของสัตว์น้ำที่จะจับมาใช้ประโยชน์ได้ (MSY) ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง 8. การปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงได้ตามฤดูกาล และ 9. ขอให้ลดขั้นตอนต่างๆ ของกรมประมง และกรมเจ้าท่า เป็นต้น

ด้านนายประสาน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงมาตลอด กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ เพราะต้องการให้เกิดการใช้ทรัพยากรของชาติอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม ดังนั้นขอให้ชาวประมงเชื่อมั่นว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาของชาวประมง และพร้อมที่จะนำทุกปัญหาเข้าสู่กระบวนการแก้ไข โดยหลังจากที่ได้รับฟังปัญหาในวันนี้ ก็จะนำไปเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป

ส่วน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายคำสั่งจากรองนายกรัฐมนตรี ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายประมง และการค้ามนุษย์ จึงต้องลงพื้นที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อะไรผิดก็ต้องว่ากันไปตามความผิดที่กระทำ แต่ก็พร้อมที่จะรับฟังปัญหาของชาวประมงและแนวทางการแก้ไข เพื่อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอันส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงต่อไปเช่นเดียวกัน

ขณะที่นายมงคล สุขเจริญคณา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงตั้งแต่ปี 2558 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น รัฐบาลแสดงออกถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้อง ที่เคยร้องเรียนไปหลายครั้งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับกฎหมายของสหภาพยุโรป (EU) มากเกินไป จนลืมความสำคัญและลมหายใจของชาวประมงไทยด้วยกันเอง ดังนั้น หากรัฐบาลไทยยังคงเพิกเฉย เชื่อว่าไม่นานอาชีพการทำประมงไทย ต้องถึงเวลาล่มสลายอย่างแน่นอน

นายกำจร ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวประมงไทยในวันนี้ มาจากการที่ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา IUU Fishing ออกกฎหมาย กฎระเบียบ โดยไม่ได้ปรึกษาหรือสอบถามชาวประมงว่า ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับได้หรือไม่ ทำให้ชาวประมงประสบความเดือนร้อนในการประกอบอาชีพเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ยาวนานกว่า 7 ปี ชาวประมงต้องปรับตัว บางคนต้องล้มละลาย บางคนต้องเสียชีวิต ชาวประมงที่เหลือและยังพอจะประกอบอาชีพประมงได้ ก็คงจะเหลือเวลาไม่นาน เนื่องจากต้องแบกภาระมากมาย ทำให้มีหนี้สินที่เกิดจากการประกอบอาชีพ ทั้งหนี้นอกระบบ หนี้ในระบบ

แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะได้รับการปลดล็อคจากกฎหมาย IUU Fishing จากใบเหลืองมาเป็นใบเขียว แต่ภาครัฐไม่ได้ผ่อนผันมาตรการให้คลายลง ยังซ้ำเติมชาวประมงด้วยกฎหมายและระเบียบเพิ่มขึ้นไม่รู้จบ ชี้ให้เห็นว่าภาครัฐไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ชาวประมงมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีแต่ทำลายให้ชาวประมงล่มสลาย ดังนั้นหากรัฐบาลยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ทางสมาคมฯ และสมาชิกก็คงจะอยู่นิ่งอีกไม่ได้แล้ว ภายหลังจากการประชุมกันอีก 1–2 ครั้งที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก็คงจะมีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญเกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้ชาวประมงมีแต่กำลังจะล้มตายลงไปเรื่อยๆ หากปล่อยไว้นานวัน เชื่อว่าคงไม่เหลืออาชีพประมงในผืนแผ่นดินไทยอย่างแน่นอน

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น มีชาวประมงอวนครอบปลากะตัก จาก 6 กลุ่มองค์กรกว่า 30 คน รวมตัวกันถือป้ายผ้า ขอให้กรมประมงยุติการออกกฎหมายประมงมาตรา 3.2.3 ที่ส่งผลให้ชาวประมงอวนครอบปลากะตักได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถทำมาหากินได้อีกต่อไป ซึ่งรองอธิบดีกรมประมงชี้แจงว่า ทางกรมประมงยังคงยึดกฎหมายเดิมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชาวประมงอวนครอบปลากะตักอย่างแน่นอน ส่วนที่ชาวประมงได้รับทราบเป็นเพียงร่างข้อเสนอก่อนการประชุม และเมื่อการประชุมของคณะทำงานสิ้นสุดลง ก็ยังคงอนุญาตให้ชาวประมงอวนครอบปลากะตักทำการประมงได้เหมือนเดิมดังเช่นที่ผ่านมา เมื่อเข้าใจตรงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชาวประมงอวนครอบปลากะตักก็ได้แยกย้ายกันกลับไป

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *