บิ๊กโจ๊กรุดสอบเรือประมง ต้องสงสัยสวมซากสองจังหวัด เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น

ผู้ช่วย ผบ.ตร.รุดตรวจสอบเรือต้องสงสัยสวมซาก ปลอมแปลงชื่อเรือ ทำประมงผิดกฎหมาย ที่คานเรือย่านโกรกกราก จ.สมุทรสาคร พบมีการขูดเปลี่ยนแปลงหมายเลขเป็นอีกลำหนึ่ง เชื่อมโยงกับเรือที่แสมสาร ชลบุรี เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น ขยายผลผู้เกี่ยวข้อง แยกน้ำดีออกจากน้ำเสีย

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ในการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางตรวจสอบเรือประมงต้องสงสัยในการสวมซาก ปลอมแปลงชื่อเรือ ที่คานเรือแห่งหนึ่งใน ต.โกรกกราก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้รับรายงานจาก สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2565 เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจประมงชลบุรี เข้าตรวจสอบเรือประมงชื่อ “โนรีนาวา” ที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง เลขที่ 111/2 หมู่ 3 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเรือลำดังกล่าวยื่นคำร้องขอปิดสัญญาณอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเรือชั่วคราว เนื่องจากตัวเรือเกิดชำรุดเสียหายต้องซ่อมแชม โดยนำเรือเข้าอู่เรือคานเรือ หรือท่าเทียบเรือประมงไว้กับด่านตรวจประมงชลบุรี แต่เมื่อไปตรวจสอบ ไม่พบเรือลำดังกล่าวที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง จึงขยายผลตรวจสอบ พบเรือดังกล่าวถูกนำไปจอดไว้ห่างออกไป ซึ่งคาดว่าจะนำเรือไปจม เพื่อนำหมายเลขเรือดังกล่าวไปสวมซากเรือ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามที่ 2 และ พ.ต.อ.น้ำเพขร ทรัพย์อุดม รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามที่ 2 พร้อมตำรวจชุดสืบสวนขยายผลได้ข้อมูลว่า มีเรือที่เกี่ยวข้องกัน อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร จึงเดินทางมาตรวจสอบพบเรือต้องสงสัยอีก 1 ลำ โดยร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน กรมเจ้าท่า กรมประมง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และกองบังคับการตำรวจน้ำทำการตรวจพิสูจน์

นายสนั่น แซ่ลี้ เจ้าของเรือ ให้การว่า ซื้อเรือมาจาก น.ส.สุธีรา มุกดา ที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 ในราคา 300,000 บาท โดยจดทะเบียนที่กรมเจ้าท่าอย่างถูกต้อง ก่อนที่ผู้ขายจะขับเรือมาส่งให้ที่ท่าหน้าบ้าน ใน ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร โดยผู้ซื้อเดินทางด้วยรถยนต์ มาจดทะเบียนโอนเรือให้ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร และจอดเรือไว้ที่ท่าหน้าบ้านประมาณ 20 วัน จึงนำเรือมาขึ้นคานซ่อมแซมทีคานเรือ เนื่องจากเรือมีสภาพทรุดโทรมมาก จากนั้นตนไปขอโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ และได้รับเรียบร้อยแล้ว มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง

จากการตรวจสอบกายภาพของเรือ พบมีชื่อ เลขทะเบียน เลขเครื่องหมายประจำเรือประมง มีการตอกเลขอัตลักษณ์ 2 แห่ง จึงได้แจ้งกรมเจ้าท่า ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) ศรชล. และกองพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจสอบเรือ โดยตรวจวัดขนาด และตรวจเลขอัตลักษณ์ ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจพิสูจน์ชื่อเรือ เลขทะเบียน โดยจะลอกสีเพื่อดูชื่อเรือที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งตรวจการตอก ร่องรอยลักษณะ เบื้องต้นพบว่า เรือลำดังกล่าวมีการขูดเปลี่ยนแปลงหมายเลขเป็นอีกลำหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับ เรือศุภประภานำโชค และเรือโนรีนาวา ซึ่งตรวจพบที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรือต้องสงสัยที่ตรวจพบทั้งหมด มีความเชื่อมโยงกัน มีการขูดลอกเลขเพื่อปลอมแปลงชื่อเรือ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียดของกองพิสูจน์หลักฐาน หากพบการกระทำความผิด จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี รวมทั้งขยายผลว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ยืนยันว่าจะทำความจริงให้ปรากฎ แยกน้ำดีออกจากน้ำเสีย เพื่อแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *