ชาวประมงโวยถูกรังแก ชุดเฉพาะกิจฯ ไล่จับอวนไม่เป็นธรรม งัดไม้ตายขู่ปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล

สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เตรียมร้องนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. และถวายฎีการ้องทุกข์ กรณีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจฯ ไล่จับเรือประมงอย่างไม่เป็นธรรม อ้างว่าลักลอบใช้อวนผิดประเภท ทั้งที่ถามเจ้าหน้าที่แล้วว่าใช้ได้ ซ้ำเติมวิกฤตประมงไทยมาตลอด 8 ปี ขู่งัดไม้ตายนัดรวมพลปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ห้องประชุมสหกรณ์พัฒนาการประมง (ตลาดทะเลไทย) ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565 เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ทั้งการตรวจเครื่องมือทำการประมงที่ไม่มีความชัดเจน ข้อกฎหมายต่างๆ การแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติการประมง ปี 2558 และการผลักดันร่างกฎหมายฉบับประชาชน รวมไปถึงการทำหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ที่มีการจับกุมเรือประมงและแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมในห้วงที่ผ่านมา โดยมีนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ นายกสมาคมการประมงฯ ตัวแทนชาวประมงและ ผู้ประกอบการประมงจาก 22 จังหวัดชายทะเล มาร่วมสะท้อนปัญหากว่า 200 คน

ที่ประชุมได้มีตัวแทนชาวประมงสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นคล้ายกัน คือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านของการบังคับใช้กฎหมายจากเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ที่เข้าตรวจเรือประมงอวนลากคู่เมื่อเร็วๆ นี้ และมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่เรือประมง 11 ลำว่า มีการลักลอบใช้อวนผิดประเภท จนนำไปสู่การถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งๆ ที่ก่อนออกเรือก็ได้รับการตรวจเครื่องมือจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจฯ แล้วว่า สามารถนำออกไปใช้จับปลาได้ และยังมีกฎหมายประมงเป็นเครื่องยืนยันด้วยว่า สามารถใช้อวนในลักษณะดังกล่าวทำการประมงได้ จึงเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลง หลังจากที่ชาวประมงต้องทนแบกรับกับสภาพปัญหาอื่นๆ และความกดดันจากการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ มาตลอด 8 ปี ดังนั้นจึงอยากให้มีการเดินหน้าต่อสู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวประมง และยังต้องการให้มีการตั้งทีมกฎหมาย เพื่อต่อสู้กลับกับหน่วยงานที่เข้ามาปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อชาวประมงอีกด้วย

ต่อมา นายมงคล เปิดเผยภายหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลง ว่า การประชุมในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่ชาวประมงถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายประมง แต่กลับมีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน ใช้อำนาจในการกล่าวหา ทำให้ชาวประมงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกฎหมายประมงนั้น ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติก็คือ รมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยตำแหน่ง ดังนั้นผู้ที่จะมาตรวจสอบการทำประมงได้ ก็จะต้องแต่งตั้งโดย รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่คณะที่มาตรวจ เป็นเพียงคณะปฏิบัติงาน ไม่น่ามีอำนาจจะมาตรวจจับชาวประมง จึงกลายมาเป็นปัญหาที่ว่า การเข้าใจที่ไม่ตรงกันนี้ น่าจะมีการพูดคุยกันก่อน เพราะชาวประมงก็ไม่เคยเป็นผู้ขัดแย้งและไม่เคยทำตัวเป็นศัตรูกับภาครัฐ

“ที่ผ่านมาในระยะเวลา 8 ปี มีปัญหามากมายเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวประมง แต่ไม่ว่ารัฐบาลหรือภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะให้ชาวประมงทำอะไร ชาวประมงก็ทำตามและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่มาวันนี้กลับพบว่ามีหน่วยงานบางหน่วยงานเข้ามาตรวจจับ แล้วกล่าวหาพี่น้องชาวประมง ทั้งๆ ที่พวกเขาทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงกลายเป็นประเด็นปัญหาที่พี่น้องชาวประมงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับพวกตน และได้ขอให้มีการจัดประชุมใหญ่เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ในการที่จะเดินหน้ายุติความอยุติธรรม และทวงคืนความเป็นธรรมแก่พี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล” นายมงคล กล่าว

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่ชาวประมงทั่วประเทศ เกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่างๆ นั้น จึงตกลงเห็นชอบร่วมกันในข้อสรุปที่ว่า ให้ทางสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ทำหนังสือข้อเรียกร้องของพี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด พร้อมรายชื่อชาวประมงทุกคนส่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงกับหน่วยงานชุดเฉพาะกิจ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ชุดนี้ อีกทั้งยังจะยื่นข้อเรียกร้องเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลปกครองด้วย

ส่วนอีกด้านหนึ่ง จะมีการยื่นถวายฎีกา ซึ่งทั้งหมดนี้หากดำเนินการแล้วชาวประมงยังคงถูกรังแกต่อไปอีก ก็จะเดินหน้าต่อสู้ด้วยการนัดหยุดทำประมงทั้งประเทศ แต่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อกิจการต่อเนื่องประมงบนฝั่ง การจ้างงาน การขนส่ง รวมถึงการค้าขายอาหารทะเลต่างๆ ด้วย และถึงที่สุดหากชาวประมงยังไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่เรียกร้อง ก็คงจะต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายคือ การนัดรวมพลกันของชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล ไปปักหลักที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนกว่าจะทวงคืนความยุติธรรมในครั้งนี้กลับมาได้

“ท้ายที่สุดนี้อยากจะบอกอีกครั้งว่า ทางพี่น้องชาวประมงทุกคนทุกจังหวัด ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใครหรือหน่วยงานไหนทั้งสิ้น การต่อสู้แก้ไขปัญหา IUU Fishing ที่ผ่านมาตลอดนั้น ชาวประมงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทำงานร่วมกับภาครัฐมาโดยตลอด มีแนวทางไหนที่ชาวประมงทำได้ก็ยินดีทำให้ แต่มาวันนี้ทำไมถึงมาสร้างความไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องชาวประมง ทั้งนี้ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า การสู้ครั้งนี้ชาวประมงจะขอสู้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะพวกเราถอยไม่ได้แล้วและจะไม่มีการถอยอย่างเด็ดขาด หากภาครัฐยังคงรังแกพี่น้องชาวประมงดังเช่นทุกวันนี้ จะขอยืนหยัดเดินหน้าต่อสู้กันต่อไปในกระบวนการต่างๆ จนกว่าจะพบกับความยุติธรรม” นายมงคล กล่าว

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *