“พิมพ์ภัทรา” รุดสางปมกากพิษแคดเมียมในโรงงาน จ.สมุทรสาคร เด้ง ขรก. เข้ากรุ สั่งสอบข้อเท็จจริง

รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่โรงงานหลอมอลูมิเนียมซอยกองพนันพล ต.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร ปมกากพิษแคดเมียม เผยนำมาจากหลุมฝังกลบโรงงานที่ จ.ตาก กว่า 13,450 ตัน มากองไว้ที่ จ.สมุทรสาคร เคาะตัวเลขล่าสุดพบมีจำนวน 2,440 ตัน สั่งขนย้ายกลับต้นทางภายใน 7 วัน พร้อมจ่อเด้งอุตสาหกรรมจังหวัดตากเข้ากรุด้วย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 เม.ย. 2567 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และนายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ภายในซอยกองพนันพล เลขที่ 132 หมู่ 2 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เพื่อเข้าตรวจสอบกรณีที่ทางบริษัทฯ มีการเก็บกากแร่แคดเมียมและกากแร่สังกะสีไว้เป็นจำนวนมาก

มีนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส. สมุทรสาคร เขต 1 ร.ต.ประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร รวมถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายก อบต.บางน้ำจืด ผู้แทน กอ.รมน.จว.สมุทรสาคร สำนักงาน ปภ.สมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเข้าตรวจสอบด้วย

โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา พร้อมคณะ ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนโรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะลงพื้นที่ไปยังโกดังอาคารที่ใช้เก็บกากแร่แคดเมียม ซึ่งพบว่ามีปริมาณอยู่จริงเพียงแค่ 2,440 ตันเท่านั้น จากยอดที่ต้นทางแจ้งออกมามีมากถึง 15,000 ตัน และกากแร่แคดเมียมทั้งหมดนั้นมีการถูกทำลายสภาพแล้ว ถูกอัดอยู่กับปูน มีกากแร่แคดเมียมอยู่ราว 38 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฯ เบื้องต้นยังไม่พบผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกากแร่แคดเมียม และผลจากการนำกากที่เหลือจากการหล่อหลอมของโรงงานแห่งนี้ไปตรวจสอบ ก็ไม่พบว่ามีสารแคดเมียมปนเปื้อนอยู่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามกระบวนการตรวจสอบยังคงต้องทำต่อไปอย่างละเอียด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงในการดำเนินคดีกับทางผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ตาก ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบในพื้นที่ จ.ตาก ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากกากแร่ดังกล่าวอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้นั้น ทางนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้มีความห่วงใยต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่โรงงาน

ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและจังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งอายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าว พร้อมทั้งสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้รับใบอนุญาตประกอบโลหะกรรมแร่สังกะสี และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานถลุงแร่สังกะสีและแคดเมียม ผลิตโลหะสังกะสีแท่ง สังกะสีอัลลอย โลหะแคดเมียม และผลิตโลหะทองแดง ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.ตาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบโลหะกรรม แต่ยังคงไว้ซึ่งใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานโดยได้ฝังกลบ (Landfill) กากแร่ ซึ่งอยู่ในรูปของโลหะผสมกับปูนซิเมนต์และยึดเกาะกันเป็นเนื้อแน่นไว้ในบ่อเก็บกากแร่ ซึ่งปูพื้นและปิดทับด้วยวัสดุกันซึม (HDPE) และคอนกรีต ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

และเมื่อเดือน ก.ค. 2566 บริษัทได้ทำการขนย้ายกากแคดเมียม กากสังกะสี ออกจากโรงงานเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ โดยโรงงานใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหลอมหล่ออลูมิเนียมแท่ง อลูมิเนียมเม็ด จากเศษอลูมิเนียมและตะกรันอลูมิเนียม (SCRAP AND DROSS) และได้เริ่มทำการขนย้ายกากที่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ค ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน รวมประมาณ 13,450 ตัน

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบว่ามีการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้อายัดกากแคดเมียม กากสังกะสี และส่วนของอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ส่วนบริษัทในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.ตาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เพื่อเก็บตัวอย่างกากแคดเมียมและกากสังกะสีตรวจวิเคราะห์ และสั่งการให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการในส่วนของนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีออกนอกบริเวณโรงงาน และให้นำกลับมาดำเนินการให้เป็นตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดไว้ในเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานโดยเร่งด่วนต่อไป

 รมว.อุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของการตรวจสอบกระบวนการหรือขั้นตอนเส้นทางการอนุญาตนำกากแร่แคดเมียมออกมาจากหลุมฝังกลบที่ จ.ตาก แล้วขนส่งเคลื่อนย้ายมายัง จ.สมุทรสาคร ได้อย่างไรนั้น ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ขณะนี้ทราบข้อมูลเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางต้นทางมีการยื่นข้อมูลในระบบขอนำกากแร่แคดเมียมออกมาทั้งหมดราว 15,000 ตัน แต่ตรวจพบที่ปลายทางคือโรงงานแห่งนี้เพียงแค่ 2,440 ตัน ส่วนที่ขาดหายไปนั้น หายไปไหน หรือถูกนำไปทำอะไร หรือยังอยู่ที่หลุมเดิมหรือไม่ และจากโรงงานนี้แล้ว จะเอาไปทำอย่างไร หรือ ส่งไปที่ไหนต่อนั้น ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและไม่สามารถเปิดเผยได้

ขณะเดียวกันก็ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุญาตให้ขนย้ายกากแร่แคดเมียมออกมา โดยในส่วนของอุตสาหกรรมจังหวัดตาก คงต้องขอให้ทางปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มีคำสั่งย้ายมาช่วยราชการที่กระทรวงฯ ก่อน ในระหว่างที่รอการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็คาดว่าจะทราบผลภายในเร็ววันนี้ ส่วนกากแร่แคดเมียมทั้งหมดที่พบอยู่ในโรงงาน ให้ดำเนินการขนย้ายออกเพื่อส่งกลับไปยังต้นทางให้หมดภายใน 7 วัน

ทางด้านนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ในเรื่องของการประกาศเขตภัยพิบัติของจังหวัดฯ ที่จริงแล้วยังไม่มีถึงขั้นนั้น เพียงแต่ว่าประกาศห้ามบุคคลเข้าไปในสถานที่เก็บคือบริเวณโรงงาน กรณีเจ้าหน้าที่ของโรงงานจะเข้าไปปฏิบัติงานต้องได้รับอนุญาตจากตน เพื่อที่จะเข้าไปจัดเก็บ แต่ไม่ได้ให้เข้าไปทำงาน ดังนั้นในโรงงานซึ่งมีลักษณะคล้ายโกดังและโรงหลอมก็จะปิดโดยไม่ให้ใครเข้าไป แต่ไม่ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ

ส่วนเรื่องสารปนเปื้อนนั้น พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยส่งเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษ เข้ามาตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) ซึ่งตรวจไม่พบไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศ ดังนั้นที่เป็นห่วงกันว่าจะไปปนเปื้อนอาหารทะเลก็คงเป็นคนละเรื่องกัน เพราะมีเฉพาะบริเวณนี้ แต่ลักษณะของกากแคดเมียมเวลานี้จะเป็นสารที่อยู่ในคล้าย ๆ กับมีปูนซีเมนต์คลุมไว้อยู่ หากไม่ได้รับความร้อน ไม่โดนชะล้างน้ำออกไป ก็ไม่มีการระเหยออกมา ดังนั้นรับประกันได้ว่าอาหารทะเลของ จ.สมุทรสาคร สามารถทานได้หมด และอีกส่วนหนึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ ก็ได้มาตรวจสุขภาพคนที่ทำงานอยู่ด้านใน โดยตรวจปัสสาวะว่าจะพบสารแคดเมียมหรือไม่ ซึ่งผลก็จะเร่งให้ออกภายใน 2-3 วัน

สาครออนไลน์ โดย กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *