สาวบุรีรัมย์กราบขอโทษสำนึกผิด คืนเงินโอนผิดอีก 2 หมื่นบาท ด้านแม่ค้าจี้ให้ชดใช้ส่วนที่เหลือ

สาวโอนเงินผิด ลั่นให้เวลาคู่กรณีใช้เงินคืนครบก่อนตำรวจออกหมายจับ ด้านสาวบุรีรัมย์ร่ำไห้ขอโทษคู่กรณี ทำจังหวัดเสียชื่อเสียง ขอโอกาสกลับตัว พร้อมนำ จยย. ลูกสาวเข้าไฟแนนซ์ โอนเงินคืนให้เพิ่มอีก 2 หมื่นบาท ยังเหลือยอดอีกกว่า 1 แสนบาท

จากกรณี น.ส.วิราวรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ชาว ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เจ้าของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และวัตถุดิบหมูกระทะทุกชนิด ได้โอนเงินผิดบัญชี จากที่ต้องการโอนให้คู่ค้าจำนวน 293,439 บาท แต่กดเลขที่บัญชีผิด 1 ตัว ทำให้ยอดเงินถูกโอนไปยังบัญชีของนางเสาวณีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 เม.ย. 65 แต่นางเสาวนีย์ กลับนำเงินไปใช้แล้วคืนกลับมาให้เพียง 160,000 บาท ยังขาดอยู่อีก 133,439 บาท แล้วอ้างว่าได้ใช้เงินหมดแล้ว หากอยากได้ให้แจ้งความดำเนินคดีเอาเอง ตนยอมติดคุก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ส่งไปยังนางเสาวนีย์ ที่ จ.บุรีรัมย์ นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 พ.ค. 65 น.ส.วิราวรรณ ผู้เสียหาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เย็นวานนี้ (18 พ.ค.) ตนเองได้รับการติดต่อกลับมาจากนางเสาวณีย์ คู่กรณีแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมรับสาย และปิดโทรศัพท์หนีไปเลย ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับทางฝ่ายโน้นบอกว่าตอนนี้รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำลงไป และอยากจะขอชดใช้เงินคืนให้ทั้งหมด ส่วนหมายเรียกครั้งที่ 1 นั้น ยังส่งไปไม่ถึงบ้านของคู่กรณี โดยทางคู่กรณีต้องการจะนำรถจักรยานยนต์ที่เอาเงินของตนเองไปตัดหนี้จนได้เล่มมานั้นไปขายหรือเข้าไฟแนนซ์ เพื่อนำเงินมาคืนให้ตน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะขอผ่อนชำระคืนจนกว่าจะครบทั้งหมด 

ทั้งนี้ ตนเองต้องขอดูเจตนาที่ชัดเจนของคู่กรณีก่อน ว่าจะพูดจริงแล้วทำจริงหรือไม่ ซึ่งตนได้ขีดเส้นไว้ว่า หากคู่กรณีสามารถคืนเงินกลับมาได้ครบทั้งหมดก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับ ตนเองก็พร้อมที่จะยอมความกับคู่กรณี แต่ถ้าตำรวจออกหมายเรียกครบ 2 ครั้ง จนนำไปสู่การออกหมายจับแล้วคู่กรณียังผ่อนชำระคืนไม่ครบในจำนวนที่ขาดไปคือ 133,439 บาท ก็จะให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่สังคมและเพื่อต้องการสอนให้คนที่นำเงินของตนไปนั้น ได้รู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดอีกด้วย ส่วนความรับผิดชอบของทางธนาคารแห่งหนึ่ง ตนเองได้รับการติดต่อมาเพียงแค่บอกว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการให้อยู่ ซึ่งจากการที่ได้สนทนาแล้วนั้น ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจต่อการให้บริการของธนาคารฯ เพราะตนรู้สึกว่า ตนเป็นลูกค้าอย่างไรเสียก็ควรมีการให้บริการที่ดีและรวดเร็วในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อลูกค้าเช่นนี้

ขณะเดียวกัน ที่บ้านหนองข่า ต.เสม็ด อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ นางเสาวณีย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี เจ้าของบัญชีที่เงินโอนเข้า เปิดใจกับสื่อมวลชนทั้งน้ำตาว่า ตนกราบขอโทษคุณวิราวรรณ ยอมรับผิดทุกอย่างที่ได้ทำไปและสำนึกผิดแล้ว จะทยอยหาเงินมาชดใช้ให้จนครบจำนวน อีกทั้งตนอยากขอโทษทุกคน ขอโทษชาวบุรีรัมย์ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจังหวัด ขอโอกาสจากสังคมให้ตนได้กลับตัวด้วย จากนี้ตนจะรอหมายเรียกจากทางตำรวจ และเดินทางไปพบกับ น.ส.วิราวรรณ ที่ จ.สมุทรสาคร ต่อไป พร้อมกันนี้ นางเสาวณีย์ ได้แสดงหลักฐานสลิปโอนเงินจำนวน 20,000 บาท ที่ได้จากการนำรถจักรยานยนต์ของลูกสาวไปเข้าไฟแนนซ์ โอนไปยังบัญชีของสามี น.ส.วิราวรรณ ให้สื่อมวลชนได้รับทราบด้วย

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *