สคช. จัดโครงการคลินิกอัยการอาสาเคลื่อนที่ ฯ คุ้มครองสิทธิแรงงานต่างด้าว

รองอัยการสูงสุด เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการคลินิกอัยการอาสาเคลื่อนที่คุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ ด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ ให้ความรู้ความเข้าใจกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าว กฎหมายคนเข้าเมือง และกฎหมายเกี่ยวกับการค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2561 ที่ห้องโชติกา โรงแรมเซ็นทรัลเพลส ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร น.ส.นิภาพร รุจนรงค์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการคลินิกอัยการอาสาเคลื่อนที่คุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ ด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ ประจำปีงบประมาณ 2561

โดยมี นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, รองอธิบดีอัยการภาค 7, รองอธิบดีอัยการ สํานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน, ผู้อํานวยการ สํานักงานกิจการและโครงการในพระดําริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา, อัยการพิเศษฝ่าย, อัยการจังหวัด ผู้แทนจากส่วนราชการ สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก

รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นจํานวนมาก ภาครัฐและเอกชนจึงควรต้องตระหนักถึงความสําคัญของการคุ้มครองสิทธิแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทํางานในประเทศไทย ซึ่งหากเป็นการเดินทางเข้ามาทํางานโดยผิดกฎหมายก็อาจก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้ประกอบการและแรงงานต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งนับวันได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลําดับ

เพราะการกระทําดังกล่าวนอกจากจะถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสวัสดิภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กและสตรีแล้ว ยังพบว่าขบวนการการค้ามนุษย์มีความเชื่อมโยงกับการประกอบอาชญากรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะถูกใช้เป็นช่องทางในการหารายได้ ให้แก่กลุ่มก่อการร้ายและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งสหประชาชาติได้ให้ความสนใจ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานต่างด้าวของไทยเป็นอย่างมาก ประกอบกับจากรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2) รัฐบาลจึงให้ความสําคัญ กับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง

สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ สํานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อจะได้รับความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าว กฎหมายคนเข้าเมือง และกฎหมายเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ รวมถึงการน้อมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นแนวพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สู่หลักนิติธรรม ซึ่งสํานักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายตําแหน่งทูตสันถวไมตรี ด้านหลักนิติธรรม สําหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แด่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อนํามาใช้เป็นหลักในการดํารงชีวิตและในการประกอบกิจการ

โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านในกฎหมายดังกล่าวจากผู้อํานวยการสํานักพัฒนามาตรฐานแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน, ผู้กํากับการกลุ่มงานความมั่นคง กองแผนงานกิจการพิเศษ สํานักงานยุทธศาสตร์ตํารวจ, ผู้อํานวยการสํานักงานกิจการและโครงการในพระดําริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สํานักงานอัยการสูงสุด และอัยการผู้เชี่ยวชาญ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย สํานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สํานักงานอัยการสูงสุด ที่มาให้ความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นําไปใช้ในการปฏิบัติงานและการประกอบกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่จะได้รับรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเอาเปรียบ หรือล่วงละเมิดได้ อันเป็นการคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศที่สําคัญ

สาครออนไลน์ โดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *