กรมสุขภาพจิต แนะผู้มีอาการกังวล คิดฟุ้งซ่าน กลัวเกินเหตุ ให้พบแพทย์ อย่าซื้อยากินเอง

อธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะประชาชนที่มีอาการกังวล คิดฟุ้งซ่าน กลัวเกินกว่าเหตุ ร่วมกับมีอาการทางกายอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น ท้องเสีย ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม ติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน อาจเข้าข่ายเป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ให้รีบพบแพทย์ อย่าซื้อยากินเอง ชี้หากไม่ได้รับการรักษา อาการจะรุนแรงขึ้นและชักนำโรคอื่น ๆ ตามมา

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวชของประชาชนไทย นอกจากโรคทางจิตแล้ว ยังมีในกลุ่มของโรควิตกกังวล (Anxiety disorders) ซึ่งผู้ป่วยจะมีจิตใจแปรปรวนอ่อนไหวง่าย ที่พบได้บ่อยคือ โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized anxiety disorder: GAD) ซึ่งจากผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตล่าสุด ในปี 2556 พบประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นโรคนี้ร้อยละ 0.3 คาดว่าทั่วประเทศมีประมาณ 140,000 คน

โดยผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว จะเกิดความวิตกกังวลมากกว่าในคนปกติทั่วไป มีอาการติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน อาการเด่นที่สำคัญ คือ คิดฟุ้งซ่าน กลัวและกังวลเกินกว่าเหตุในหลาย ๆ เรื่องในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น มีอาการใจลอย ตกใจง่าย ไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้คิดได้ และจะมีอาการทางกายปรากกฎร่วมด้วยอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น กระสับกระส่าย เหนื่อยง่าย ใจสั่น ปวดตึงกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ต้นคอ ไหล่ หลัง ใจเต้นเร็วและแรง หายใจไม่อิ่ม ท้องเสีย ปัสสาวะบ่อย มือเท้าเย็น นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ เป็นต้น

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของโรควิตกกังวลทั่วไปเกิดมาจากความผิดปกติทางจิตใจหรือความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เป็นโรคที่ประชาชนไทยมักเข้าใจผิดกันบ่อย คิดว่าผู้ป่วยแกล้งทำ หรือคิดว่าเกิดมาจากตัวเองคิดมากไปเอง ไม่ได้เจ็บป่วย จึงไม่ไปพบแพทย์หรือจิตแพทย์เพื่อรักษาแก้ไขที่ต้นเหตุ ซึ่งโรคนี้มียารักษา และต้องใช้วิธีการบำบัดทางจิตสังคมร่วมด้วยเพื่อปรับความคิดและพฤติกรรมควบคู่กัน

ที่น่าเป็นห่วงก็คือการซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากินเอง เพื่อแก้ไขอาการที่ตัวเองเป็น เช่น นอนไม่หลับ ความกังวล ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งจะมีผลเสียมากกว่า นอกจากจะไม่ได้ผลหรือได้ผลเพียงชั่วขณะ ยังอาจทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นไปอีกเพราะไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นเหตุ จึงขอให้ผู้ที่มีปัญหาและอาการที่กล่าวมา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรขอรับคำปรึกษาทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

ทางด้าน นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จ.นครพนม กล่าวว่า โรควิตกกังวลทั่วไป หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคทางใจและทางกายตามมาอีกหลายโรค ได้แก่ โรคซึมเศร้า นอนหลับยากหรือนอนไม่หลับ มีแนวโน้มใช้สารเสพติด เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ได้สูง รวมทั้งยังเสี่ยงเกิดโรคทางกาย เช่น ปวดหัวเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน มีรายงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าโรควิตกกังวลเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตสูง ร่างกายอ่อนแอติดเชื้อโรคได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายต่ำ

สำหรับผู้ที่กำลังมีอาการวิตกกังวลในขณะนี้ มีวิธีช่วยควบคุมหรือบรรเทาอาการให้ทุเลาลงได้ คือ 1. พักผ่อนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงหรืองดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากคาเฟอีนอาจกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้ 2. รับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างครบถ้วนต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นต้องซื้อยารักษาโรคหรือสมุนไพรต่าง ๆ ตามร้านขายยาทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน 3. ฝึกทำสมาธิ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย และรู้จักการปล่อยวาง ซึ่งจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น

“ประการสำคัญ ญาติหรือคนรอบข้าง ควรทำความเข้าใจว่าอาการของผู้ป่วยไม่ได้เกิดจากการแกล้งทำหรือคิดมากไปเอง ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในร่างกาย และเกี่ยวกับพื้นฐานสุขภาพจิตของแต่ละบุคลด้วย จึงควรเข้าอกเข้าใจและให้กำลังใจผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว ซึ่งสามารถรักษาได้และกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีดังเดิมได้” นพ.กิตต์กวีกล่าว

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *