ตำรวจกระทุ่มแบน รวบแก๊งกะเหรี่ยงค้ายาบ้า ส่งตรงจากชายแดนแม่สอด

ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ร่วมกับฝ่ายปกครองฯ และทหารค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ตรวจร้านคาราโอเกะย่านอ้อมน้อย เจอพิรุธนักเที่ยวกระเหรี่ยงชาย สวมหมวกกันน็อกดื่มเหล้าในร้าน ค้นตัวพบยาบ้า-ยาไอซ์ ขยายผลค้นต่อที่ห้องเช่าเจอซุกอยู่อีกจำนวนมาก เผยประวัติอาชญากรรมโชกโชน พร้อมรวบตัวหญิงชาวเมียนมา รับงานส่งยาบ้าจากแม่สอดมาที่ จ.สมุทรสาคร

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 2561 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อติดตามผลการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดของ สภ.กระทุ่มแบน โดยมี พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.กระทุ่มแบน นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายอำเภอกระทุ่มแบน พ.ต.ท.ภาคิน แสนพุฒิ รอง ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.ต.ศุกลฐวิญญ์พรสิริวัฒก์ สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน นายจตุนันท์ จอมทัน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานปกครองอำเภอกระทุ่มแบน ร่วมแถลงผลการจับกุม

พร้อมนำตัวผู้ต้องหาเป็นชาย 1 คน คือ นายตันเท อายุ 41 ปี สัญชาติกะเหรี่ยง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ ซอย ส.หีบศพ หมู่ 1 ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่พักที่ผู้ต้องหาใช้ซุกซ่อนยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด กับ ยาไอซ์อีก 2,426 กรัม นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาเป็นหญิงอีก 1 คน คือ นางโม โม อาย อายุ 40 ปีสัญชาติกะเหรี่ยง พร้อมของกลางยาบ้า จํานวน 5 มัด รวม 10,000 เม็ด ยาไอซ์อีก 100 กรัม ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้สอบปากคำที่ สภ.กระทุ่มแบน

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกระทุ่มแบน พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ทหารค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน บูรณาการร่วมกันตรวจสถานบริการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิด เมื่อตรวจบริเวณร้าน เริ่มก้าวคาราโอเกะ หมู่ 4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน พบนายตันเทมีอาการพิรุธ โดยสวมหมวกกันน็อกเข้ามานั่งดื่มเหล้าในร้าน จึงได้ทำการขอค้นตัว พบยาบ้า 11 เม็ด และยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 5.38 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ผู้ต้องหาสวมใส่ จากนั้นก็ได้นำตัวมาสอบสวนและทำการขยายผล จนทราบว่ายังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีกที่ห้องพัก จึงได้นำตัวมาตรวจค้น ก็พบยาบ้าอีก 10,000 เม็ด กับ ยาไอซ์อีก 2,426 กรัม ใส่ไว้ในกระเป๋าพลาสติกโดยมีกระสอบปุ๋ยห่อหุ้มอยู่ ตำรวจจึงได้รวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ขณะเดียวกันก็ยังได้ขยายผลจากนายตันเท ไปยังผู้จำหน่ายยาเสพติด โดยมีการสั่งซื้อยาบ้าอีกจำนวน 5 มัด หรือ 10,000 เม็ด จากผู้ค้ายาเสพติดที่อยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งเมื่อมีการตกลงซื้อขายกันแล้ว ผู้ค้ายาเสพติดที่นายตันเทเรียกว่า เจ๊ (อยู่ในประเทศเมียนมา) ได้ให้นางโม โม อาย นำยาบ้าใส่กระเป๋าพลาสติก แล้วถือขึ้นรถประจําทาง (บขส.) จาก อ.แม่สอด จ.ตาก มาที่ จ.สมุทรสาคร โดยได้ค่าจ้าง 12,000 บาท เพื่อนำยาเสพติดมาส่งมอบให้กับนายตันเท จึงทำให้ถูกรวบตัวไว้ได้อีกคนหนึ่ง

ด้านนายตันเท ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับยาเสพติดทั้งหมดมาจากผู้ค้ารายใหญ่ที่ตนเรียกว่า เจ๊ อาศัยอยู่แถวชายแดนเขตประเทศเมียนมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยจะรับยาบ้ามาครั้งละประมาณ 10,000 เม็ด หรือราว ๆ 5 ห่อ ห่อละ 2,000 เม็ด ราคาซื้อยกห่อตกอยู่ที่ 35,000 บาท ซึ่งทุกครั้งที่รับยาบ้ามานั้นก็จะนำมาแบ่งจำหน่ายโดยขายแบบยกห่อที่ราคา 50,000 บาท หรือแบ่งขายครั้งละ 1,000 เม็ด จะไม่ขายน้อยกว่านี้ ส่วนยาไอซ์ที่พบนั้น ตนเพียงแค่ไปรับจากลูกค้าของเจ๊กลับคืนมา เพราะลูกค้าที่เจ๊ส่งไปให้ในกรุงเทพฯ บอกว่าเป็นยาไอซ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ให้มาเอาคืนกลับไป

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า ตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจดำเนินการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลชัดเจน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2561 เป็นต้นมา ซึ่งในส่วนของ สภ.กระทุ่มแบน สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ โดยเริ่มจากการจับกุมจากเล็กไปหาใหญ่

หลังจากนี้ก็จะได้ทำการขยายผลต่อไป เพื่อเป็นการทำลายขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาค 7 ให้เบาบางลงหรือหมดสิ้นไป โดยทุกวันนี้จะพบว่าการค้ายาเสพติดนั้น มีกลุ่มแรงงานข้ามชาติเข้ามากระทำความผิดมากขึ้น ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการตรวจค้นเป้าหมายอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้ผู้ค้ายาเสพติดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างด้าวใช้พื้นที่ในจังหวัดที่ตนรับผิดชอบนั้นเป็นแหล่งซุกซ่อนยาเสพติด หรือแหล่งกระจายยาเสพติดได้ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็ถูกนำตัวไปดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า และ ยาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย

สำหรับนายตันเทนั้น มีประวัติการก่อเหตุอาชญากรรมใน จ.สมุทรสาครมาอย่างโชกโชน โดยในปี 2542 ก่อเหตุฆ่าผู้จัดการโรงงานตาย พ้นโทษเมื่อปี 2547 ต่อมาในปี 2549 ถูกจับกุมในข้อหานำยาเสพติดข้ามชายแดน พ้นโทษออกมาเมื่อเดือน มี.ค. 2561 จากนั้นก็กลับไปที่บ้านเกิดที่ประเทศเมียนมาราว 3-4 เดือน แล้วก็กลับเข้ามาในประเทศไทย โดยมาเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดจนถูกจับกุมได้ดังกล่าว

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *