เปิดวิสัยทัศน์ 3 ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ฟื้นชีวิตประมงไทย-ปั้นเมืองท่องเที่ยว-ดันโซลาร์เซลล์

ห้วงเวลานับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายพรรคในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดตัวทีมงานและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 3 เขตเลือก พร้อมลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างคึกคัก แม้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. จะยังไม่ประกาศออกมาก็ตาม

อีกหนึ่งพรรคการเมืองที่น่าสนใจ คือ “ภูมิใจไทย” แม้จะก่อตั้งมาได้ราวสิบปีแล้วก็ตาม แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 ถือเป็นครั้งแรกที่ทางพรรคฯ ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ใน จ.สมุทรสาคร

เพราะที่ผ่านมาพื้นที่เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญ รวมถึงภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก

ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2554 พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. จำนวน 34 ที่นั่ง แบ่งเป็นแบบแบ่งเขต 29 ที่นั่ง และแบบบัญชีรายชื่อ 5 ที่นั่ง

“สาครออนไลน์” สัมภาษณ์ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร ทั้ง 3 เขต ของพรรคภูมิใจไทย เพื่อทำความรู้จักและนำเสนอแนวคิดแก้ปัญหาให้กับประชาชน ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

เริ่มต้นด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 “อภิชัย เตชะนิธิสวัสดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอนุสรณ์กรุ๊ป อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ปี 2557-2559 และที่ปรึกษาสมาคมการประมงนอกน่านไทย

อภิชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยคิดที่จะลงเล่นการเมือง พอดีมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทร. มาเชิญชวน ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ

“อยู่ที่นี่มา 44 ปี ได้เป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฯ สิ่งที่เห็นหลาย ๆ อย่างยังไม่ถูกแก้ไข เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม น้ำเน่าเสีย จึงคิดว่าถ้าไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใคร ก็เลยเลือกลงเล่นการเมืองในครั้งนี้”

ส่วนเหตุผลที่เลือกพรรคภูมิใจไทย สิ่งแรกคือ ประทับใจแนวคิดของ “เนวิน ชิดชอบ” ที่ได้สร้าง “บุรีรัมย์โมเดล” สามารถพลิกเมือง ๆ หนึ่ง จากที่ไม่มีอะไรเลย ให้เป็นเมืองสปอร์ตทัวริสซึ่ม (Sport Tourism) ที่ผู้คนอยากไปท่องเที่ยว ก็อยากจะเห็นสิ่ง ๆ นั้นเกิดขึ้นในสมุทรสาคร

อีกสิ่งหนึ่ง คือ นโยบายของพรรคภูมิใจไทย “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อแก้ไขปากท้องประชาชน” อาทิ ผลักดันแกร็บให้ถูกกฎหมาย นโยบายเรียนฟรีตลอดชีวิต พักหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5 ปี ปลดภาระผู้ค้ำประกัน ฯลฯ

ปัญหาของสมุทรสาครที่ต้องแก้ไขถ้าได้เป็นรัฐบาล เรื่องแรกคือ ฟื้นชีวิตประมงไทย ทั้งการเยียวยาผู้ที่เลิกทำประมง การแก้กฎหมายเพื่อให้สามารถทำการประมงอย่างยั่งยืนได้ ส่วนประมงนอกน่านน้ำ ก็จะผลักดันให้รัฐบาลมีการเจรจาเปิดน่านน้ำเพื่อทำการประมงกับประเทศเพื่อนบ้าน

เรื่องที่สอง คือการช่วยลดค่าใช้จ่ายในภาคอุตสาหกรรม ทั้งการลดค่าน้ำประปา แก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงด้วยการผลักดันการใช้โซลาร์เซลล์

เรื่องที่สาม ในภาคการเกษตร ทางพรรคฯ มีนโยบายผลประโยชน์แบ่งปัน (Profit Sharing) ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยแบ่งกำไรออกเป็นเกษตรกร 70% โรงสี 15% ผู้ประกอบการส่งออกข้าว 15% และจัดตั้งกองทุนข้าวเพื่อให้เป็นกองทุนกู้ยืมสำหรับเกษตรกร

อภิชัยก็มีแนวคิดที่จะนำนโยบายนี้ขยายผลไปยังมะพร้าว พืชเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาครด้วย

และเรื่องสุดท้าย คือการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้น้ำในคูคลองกลับมาใสสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

ตามด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในเขตเลือกตั้งที่ 2 “อมรทิพย์ ศรีกลั่น” อดีตปลัดอำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบน

อมรทิพย์ เล่าว่า ตอนแรกไม่คิดว่าจะมาเล่นการเมือง ปกติแล้วเป็นข้าราชการบำนาญ จากประสบการณ์ที่รับราชการมากว่า 30 ปี ก็เห็นปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเจอในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นขยะ สิ่งแวดล้อม น้ำเน่าเสีย ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน

กระทั่งมาเจอแนวคิดของพรรคภูมิใจไทย ที่คิดว่าน่าจะช่วยเหลือชาวบ้าน แก้ปัญหาให้ประชาชนทั่วประเทศและชาวสมุทรสาครได้ จึงตั้งใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ และสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สมุทรสาคร เขต 2 ดังกล่าว

“จากการที่เป็นนักปกครองมาก่อนแล้วไปเห็นปัญหา การแก้ปัญหาบางอย่างแก้ได้ บางอย่างแก้ไม่ได้ ที่แก้ไม่ได้บางครั้งเพราะติดปัญหาเรื่องระเบียบกฎหมาย จึงเอาปัญหาที่เคยเจอมารวบรวมและนำเสนอให้ทางพรรคภูมิใจไทย ที่มีแนวคิดอยู่แล้วนำมาแก้ไขปัญหา เหมือนสโลแกนของพรรค คือ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อแก้ไขปากท้องประชาชน”

อมรทิพย์ กล่าวว่า ปัญหาที่ต้องแก้ไขในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน คือปัญหาน้ำเสียคลองภาษีเจริญ ปัญหาราคาพืชผลและศัตรูพืชของเกษตรกร ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะ ขยะ ฯลฯ ซึ่งจะต้องนำมารวบรวมเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป

ปิดท้ายด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร ในเขตเลือกตั้งที่ 3 “บูรณะวิทย์ สิทธิศาสตร์” อดีตนิติกรและหัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย ระเบียบและเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสาคร

ก่อนหน้านี้เคยปฏิบัติราชการมาแล้วหลายจังหวัด เช่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ บึงกาฬ สมุทรสงคราม ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่ปี 2550-2559 กระทั่งเกษียณอายุเป็นข้าราชการบำนาญ

บูรณะวิทย์ กล่าวว่า ตั้งใจมารับอาสาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เนื่องจากปัจจุบันเห็นว่าตนมีความพร้อม และจากการที่ตนเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นฝ่ายกฎหมาย จะรู้ว่าปัญหาข้อกฎหมายในส่วนไหนที่จะใช้กับประชาชนได้ผลหรือไม่ได้ผล

“ก็เลยคิดว่าถ้าเข้ามาเป็น ส.ส. ประสบการณ์สั่งสมจากอาชีพราชการน่าจะมีมุมมองหรือวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาได้ทันที”

ปัญหาเร่งด่วนของเขต 3 ที่ต้องแก้ไขนั้น มีเรื่องของราคาพืชเกษตรที่ไม่อยู่นิ่ง บางฤดูกาลผลผลิตออกมามาก ก็ไม่มีวิธีการจัดการที่จะให้ราคาออกมาเป็นธรรมกับเกษตรกร ซึ่งนโยบายผลประโยชน์แบ่งปัน เป็นหนึ่งในแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ตนคิดว่าจะตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาประชาชนทั่วประเทศและเขต 3 ได้

วิสัยทัศน์ของผู้สมัครทั้ง 3 คน จะโดนใจชาวสมุทรสาครหรือไม่ การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงคือคำตอบ

– กิตติกร นาคทอง –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *