
29 ต.ค. 2568 เป็นวันแรกที่โครงการคนละครึ่งพลัส นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล เปิดให้ประชาชน 20 ล้านคน ซึ่งลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เติมเงินและสแกนจ่าย ผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 270,000 แห่งทั่วประเทศ เมื่อสำรวจจังหวัดสมุทรสาครพบว่า มีร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,800 แห่ง
โดยสำนักงานคลังจังหวัดสมุทรสาคร รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ถุงเงินกรุงไทย เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2568 พบว่ามีจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 1,829 แห่ง แบ่งเป็นอำเภอเมืองสมุทรสาคร 1,041 แห่ง อำเภอกระทุ่มแบน 634 แห่ง และอำเภอบ้านแพ้ว 154 แห่ง
ที่น่าสนใจก็คือ เมื่อจำแนกตามประเภทร้านค้า พบว่า ร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 1,047 แห่ง รองลงมาคือ ร้านขายของชำและตลาด 449 แห่ง สินค้าแฟชั่น 126 แห่ง สุขภาพและความงาม 47 แห่ง และร้านค้าประเภทอื่นๆ 160 แห่ง

ที่ผ่านมาสำนักงานคลังจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการคนละครึ่งพลัส ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร และสาขาเซ็นทรัลมหาชัย เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 โดยได้พูดคุยและให้คำแนะนำกับประชาชนที่มายืนยันตัวตน สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อโครงการ รวมทั้งพูดคุยและสอบถามปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากผู้จัดการสาขาอีกด้วย
สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งพลัสเรียบร้อยแล้ว สามารถเติมเงินเข้า G-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้วใช้จ่ายในโครงการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ต.ค. 2568 เวลา 06.00 ถึง 23.00 น. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรก ภายในวันที่ 11 พ.ย. 2568 ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้สิทธิถูกยกเลิกตามเงื่อนไขโครงการ
โดยรัฐบาลช่วยจ่ายค่าสินค้าและบริการ 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน หากใช้ไม่หมดจะคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมแล้วนับสิทธิใหม่เวลา 06.00 น. ของวันถัดไป จนกว่าจะครบวงเงินหรือสิ้นสุดโครงการ ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี (เคยยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2567 ก่อน 30 มิ.ย. 2568) รับสิทธิใช้จ่าย 2,400 บาทตลอดโครงการ ส่วนผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีรับสิทธิใช้จ่าย2,000 บาทตลอดโครงการ

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงที่ผ่านมามีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2568 มีร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 279,746 แห่งทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น ร้านค้ารายเดิม 89,127 แห่ง ร้านค้ารายใหม่ 190,619 แห่ง
ส่วนร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 91,704 แห่ง แบ่งออกเป็น รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 85,654 แห่ง และรอดำเนินการตรวจสอบ 6,050 แห่ง ผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจและมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการฯ กำหนด สามารถทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากโครงการฯ จะเปิดให้เริ่มสแกนรับเงินจากประชาชนได้จริงในวันที่ 29 ต.ค. 2568 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 โดยร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้ จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครร้านค้าในวันที่ 19 ธ.ค. 2568
ด้าน น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีมีการเผยแพร่ข้อความผ่านโซเซียล “ขายสิทธิคนละครึ่งพลัส” รัฐบาลขอย้ำเตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัสแล้วนำมาขายสิทธิให้ผู้อื่น และร้านค้าหรือกลุ่มร้านค้าร่วมกับมือกับผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส ใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อ-ขายสินค้าจริง เป็นการกระทำที่มีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” (มาตรา 341/342 ประมวลกฎหมายอาญา) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล รวมถึงต้องคืนเงินให้รัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพในสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ผ่านวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อการศึกษา หรือวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
-กิตตินันท์ นาคทอง-