“ผบช.ปส.” นำกำลังคอมมานโดกองปราบ ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกทลายเครือข่ายยานรก “มันทุกเม็ด” ตามแผนปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 61/7” เข้าตรวจค้นโรงงานจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ย่าน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จับผู้ต้องหา 1 ราย พบเงินไหลเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 27 ส.ค. 2561 พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาลรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นำกำลังตำรวจเปิดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/7 พร้อมกำลังคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ ปปส. เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ทหาร และหน่ายงานต่าง ๆ ในพื้นที่
นำอาวุธครบมือพร้อมหมายศาลเข้าจับกุม นายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติดและอั้งยี่ ภายในบริษัท ป.รุ่งโรจน์ สยามยางยนต์ จำกัด เลขที่ 99/78 หมู่ 3 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานจำหน่ายยางรถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ก่อนยึดทรัพย์ทั้งตัวโรงงานและทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงงานทั้งหมดมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ผบช.ปส. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากตำรวจสืบทราบว่านายรุ่งโรจน์ ได้รับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติด มันทุกเม็ด เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ก่อนนำมาเงินมาฟอกผ่านธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเครือข่ายยาเสพติดมันทุกเม็ด เป็นเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดผ่านโซเชียลมีเดีย โดยในช่วงระยะเวลา 1 ปี มีการขยายเครือข่ายไปกว่า 30 จังหวัด มีสมาชิกกว่า 9 พันคน และมีบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องอีกหลายหมื่นบัญชี
สำหรับเครือข่ายยาเสพติดนี้จะจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้วิธีการเดียวกันกับการทำธุรกิจขายตรง มีการโฆษณาหาลูกค้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก หรือ ไลน์ พร้อมมีแม่ข่ายกระจายตัวอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ จากนั้นหากต้องการเข้าร่วม ให้ส่งบัตรประชาชนพร้อมที่อยู่ปัจจุบันให้กับแม่ข่าย ก่อนที่จะให้รับยาเสพติดไปจำหน่ายแล้วมีการเรียกเก็บเงินภายหลัง แต่ถ้าหากไม่จ่ายเงิน จะมีชุดติดตามทวงหนี้เข้าดำเนินการ ซึ่งบางครั้งจะมีการทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ ข้อมูลทางการสืบสวนของตำรวจยังพบด้วยว่า เงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกส่งคืนให้กับหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดภาคเหนือ ส่วนที่สอง นำไปปล่อยกู้นอกระบบ ส่วนที่สาม ฟอกเงินผ่านธุรกิจจำหน่ายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง ที่ได้เข้าจับกุมในวันนี้ รวมทั้งที่จังหวัดพิษณุโลกอีก 2 แห่ง ซึ่งโรงงานทั้งหมดที่ตำรวจเข้าจับกุม พบว่าจะมีการจำหน่ายยางในราคาถูกต่ำกว่าท้องตลาดกว่าเท่าตัว เพื่อให้จำหน่ายสินค้าให้ได้จำนวนมาก สอดคล้องกับบัญชีเงินหมุนเวียนที่ผิดปกติ
ด้านนายรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพอ้างว่า โรงงานแห่งนี้สร้างมาแล้ว 6 เดือน และอ้างว่าได้รับเงินจากโรงงานแห่งนี้เดือนละ 2 หมื่นบาท โดยอ้างว่าเป็นเจ้านายตัวเองจึงต้องจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองด้วย ส่วนเงินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทที่พบในบัญชีนั้นขอให้การในชั้นศาล ซึ่งทางตำรวจได้ทำการสืบสวนประวัตินายรุ่งโรจน์ ย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน พบว่าได้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก เปิดขายโทรศัพท์มือถือ และส่งอะไหล่รถยนต์ แต่หลังจากนั้นกลับพบว่ามีเงินหมุนเวียนหลักร้อยล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับหัวหน้าแก๊งมันทุกเม็ด หลังถูกตำรวจออกหมายจับ พบว่าได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านกับเครือข่าย หมื่นจะดา ซึ่งเป็นผู้ส่งยาเสพติดโดยตรงให้กับเครือข่ายนี้ ทั้งนี้ ทาง ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้แถลงผลการเข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 141 จุด ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดต่อไป
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ