“โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร” ก้าวต่อไปซีซั่น 2 กับหัวหน้าโครงการคนรุ่นใหม่

เริ่มต้นซีซั่น 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับโครงการ Saturday School eXpansion Samut Sakhon หรือ “โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร” จากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ และเทศบาลนครสมุทรสาคร ในการส่งเสริมการศึกษานอกเวลาเรียน 

โดยในซีซั่นที่ 2 นี้ จัดการเรียนการสอนในโรงเรียน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยาคม) และโรงเรียนเทศบาลวัดเจษฎาราม (เชยวิทยาทาน) ซึ่งเป็นสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครสมุทรสาคร อีกทั้งมีการสรรหาคณะทำงานและครูอาสาชุดใหม่ มาร่วมจัดการเรียนการสอนแก่นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 

สำหรับโรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยาคม) เปิดสอนในวิชาทำอาหาร/ผู้ประกอบการร้าน แต่งหน้า และ Content Creator ขณะที่โรงเรียนเทศบาลวัดเจษฎาราม (เชยวิทยาทาน) เปิดสอนวิชา Content Creator & ถ่ายภาพ และเปิดร้านออนไลน์ เปิดชั้นเรียนทุกเช้าวันเสาร์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2568

“สาครออนไลน์” พูดคุยกับ 2 หัวหน้าโครงการโรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร หรือ PM (Project Manager) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ “ฟ้า-กรฤทัย วิเศษธาร” วิศวกรหญิงวัย 26 ปี หัวหน้าโครงการฯ ประจำโรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยาคม) และ “เซย่า-ธิริสา เฮงสิริไพศาล” นิสิตจากรั้ว มศว วัย 20 ปี กับการทำหน้าที่สำคัญตรงนี้

ส่วนหนึ่งของคณะทำงาน “โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร” ในซีซั่นแรก

Q : ในฐานะเป็นหัวหน้าโครงการฯ คนรุ่นใหม่ ช่วยแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักหน่อย?

ฟ้า – ตอนนี้ทำงานเป็นวิศวกรดูแลการผลิตในโรงงานแห่งหนึ่ง ภายในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ส่วนตัวเป็นคนกรุงเทพฯ แต่มาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ พอรู้คร่าว ๆ ว่าจังหวัดนี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพราะอยู่ติดกับทะเล ก็มีการประมงด้วยค่ะ

เซย่า – ปัจจุบันเรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์ เอกการศึกษาพิเศษ คู่คอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ มีงานเสริมเป็นสตาฟฟ์บอร์ดเกม WasteWar เกิด เติบโต และเรียนมัธยมฯ อยู่ที่สมุทรสาครค่ะ

“ฟ้า” กรฤทัย วิเศษธาร

Q : รู้จัก Saturday School ได้อย่างไร?

ฟ้า – ถ้าเป็นมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ ฟ้ารู้จักจากเพื่อนที่เรียนอยู่จุฬาฯ เขาทำงานให้กับโครงการโรงเรียนวันเสาร์อยู่ แต่เป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพฯ เช่น School Run หรือห้องเรียนวันเสาร์ ก็เลยเห็นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กและติดตามมาตลอด แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะว่างานค่อนข้างเยอะ และอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ แล้วเราทำงานที่สมุทรสาครด้วย ทีนี้วันหนึ่งมาเห็นในเฟซบุ๊กว่ารับสมัครคณะทำงานในจังหวัดนนทบุรีกับสมุทรสาคร ก็เลยรู้สึกว่าอยากลองหาอะไรทำเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับสมุทรสาครด้วย

เซย่า – รู้จักจากเพื่อนใน Bootcamp ที่เคยทำงานร่วมกับ Saturday School แต่นานมากแล้ว แชร์สตอรี่ในไอจีว่าเปิดรับสมัครทีมงานในจังหวัดนนทบุรีหรือสมุทรสาคร ประกอบกับเราเห็นโฆษณาบนรถไฟฟ้า MRT ทุกวัน ปรากฎว่าเราก็รู้สึกตื่นเต้นที่มีโครงการในกรุงเทพฯ มาทำที่จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความที่เราก็เรียนและโตมาที่สมุทรสาคร และก็ช่วงที่เก็บพอร์ตฯ เนี่ย ก็ทำให้เราเข้าใจว่า มันมีกิจกรรมน้อยมากที่จะทำให้เราค้นหาตัวเอง ก็รู้สึกว่าดีใจที่มีโครงการดี ๆ แบบนี้เข้ามา ก็เลยตัดสินใจสมัครเข้ามา  

“เซย่า” ธิริสา เฮงสิริไพศาล

Q : โครงการ โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร ในซีซั่นแรก มีส่วนร่วมอย่างไร ได้ทำหน้าที่อะไรบ้าง? 

เซย่า – พอเห็นเปิดรับสมัคร ก็ประเมินตนเองและค้นหาว่าแต่ละตำแหน่งทำหน้าที่อะไรบ้าง ณ ตอนนั้นตำแหน่งที่เราสนใจคือ LF หรือ Learning Facilitator คิดว่ามันอาจจะเหมาะสมกับตัวเองในช่วงนั้น ที่เรียนอยู่ประมาณปี 2 ซึ่งได้นำสิ่งที่เรียนมาปรับใช้ได้ค่ะ ซึ่งตำแหน่งนี้ เบื้องหลังได้ทำตั้งแต่การสัมภาษณ์ และอบรมครูอาสา ประชุมวางแผน Course Outline/Lesson Plan รายสัปดาห์ ส่วนเบื้องหน้าอำนวยความสะดวกในห้องเรียนและตลอดการทำกิจกรรม เช่น เตรียมอุปกรณ์ สังเกตนักเรียน จับเวลา รวมถึงเป็นผู้นำกระบวนการ AAR – After Action Review ในแต่ละสัปดาห์เพื่อพัฒนาให้กับห้องเรียนในครั้งถัด ๆ ไปค่ะ  

ฟ้า – ทำหน้าที่เป็น PMA หรือ Project Manager Assistant เหมือนช่วยทางพี่พี (ธนชัย เรืองชัยสิทธิ์ หัวหน้าโครงการฯ ในซีซั่นแรก) ในการประสานงานกับทีมต่าง ๆ ซึ่งซีซั่นแรก ฟ้าไปประสานงานเป็นหลักกับ M&E หรือ Monitoring and Evaluation ค่ะ ในการทำพวก survey และช่วยหน้างานจริงในวันเสาร์  

ซีซั่นแรก “ฟ้า” คอยประสานงานร่วมกับคณะทำงาน-ครูอาสา

Q : สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานในซีซั่นแรก มีอะไรบ้าง?

ฟ้า – สำหรับฟ้าอย่างแรกคือ การทำงานกับคนหลายเจน และก็การทำงานกับคนใหม่ ๆ เหมือนพอมาทำงานในตำแหน่งนี้ ฟ้าก็ได้คุยงานกับคนที่อายุมากกว่า หรือน้องที่อายุน้อยกว่า มันก็ทำให้เราเห็นว่าจะต้องสื่อสารหรือประสานงานอย่างไรค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ได้เลย คือการแบ่งเวลา เพราะว่างานอาสาเราต้องทำ ที่ทำงานหลักเราก็ต้องทำ มันทำให้เราได้รู้จักการแบ่งเวลาว่าควรทำอย่างไรค่ะ

เซย่า –  ได้อะไรเยอะเลยค่ะ อย่างเรื่องทักษะการทำงาน การสื่อสาร ด้วยความที่เราสื่อสารไม่เก่ง จะทำอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจได้ ก็พยายามทำให้ละเอียดที่สุด แล้วช่วงนั้นจำได้เลยว่ามีความโปรแอคทีฟสูงมากก็เลยแบ่งเวลา เรียนเสร็จก็รีบมาทำงานอาสาต่อเลย 

นอกจากนี้ยังมีความรับผิดชอบ แล้วรู้สึกว่าตัวเองทุ่มเทและก็มีความใส่ใจกับทุกรายละเอียดมาก ยอมรับและเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดในการทำงาน หรือ Resilience พยายามแก้ไขเท่าที่ศักยภาพของเซย่าสามารถทำได้ แต่เราก็ยังไม่เคยหยุดที่จะถอนตัวออกมา เราก็ยังเผชิญกับมันแล้วก็ทำต่อเรื่อย ๆ 

รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่น การประสานงานภาครัฐ ภาคเอกชน และได้ทำเป็นเหมือนไกด์นำเที่ยวด้วย เพราะมีทัศนศึกษานอกสถานที่ ก็รู้สึกสนุกมากค่ะ เป็นประสบการณ์ที่เยอะมากจริง ๆ  

ซีซั่นแรก “เซย่า” ทำหน้าที่ LF สังเกตการสอน และวางแผน Workshop ในวิชาสื่อสารมวลชนฯ

Q : โครงการ โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร ในซีซั่น 2 อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจมาเป็น PM

ฟ้า – สำหรับตัวเองพอได้ทำซีซั่นแรกแล้ว รู้สึกว่าการได้เห็นเด็กมีพัฒนาการหรือมีส่วนร่วมในห้องเรียน ทำให้ฟ้าอยากทำโครงการต่อ ทีนี้พี่พีเสนอว่ามาเป็น PM ไหม จากที่เคยเป็น PMA ก็รู้สึกว่ามันก็เป็นอะไรที่ท้าทายดี อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ แล้วการที่ได้ทำตำแหน่งที่ท้าทายเพิ่มขึ้น รวมถึงทำอะไรที่ส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ของโรงเรียนอื่น ก็เลยลองตัดสินใจมาทำดูค่ะ

เซย่า – ก่อนอื่นเลยด้วยความที่มีโครงการนี้อยู่แล้วเราสนใจ ก็อยากให้สานต่อไปเรื่อย ๆ ประกอบกับเราได้มีภูมิคุ้มกันให้ตัวเองก่อนการทำงาน ระยะเวลาก็เหมาะสมที่เราจะลงมือทำ ถึงแม้เราจะมีประสบการณ์น้อย แต่โอกาสมันมาแล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะทำ ด้วยความที่ช่วงชีวิตมันได้พอดีค่ะ ก็เลยตัดสินใจทำต่ออีกซีซั่นหนึ่ง เพราะว่า PM ก็เป็นบทบาทที่ใหญ่หลวงประมาณหนึ่ง (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่าอาจจะทำให้เราเรียนรู้อะไรได้มากขึ้นกว่านี้ และก็อยากสร้างพื้นที่ให้กับน้อง ๆ ในการเรียนรู้ด้วยเช่นกันค่ะ

Q : ในโครงการ โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร ซีซั่น 2 ช่วยแนะนำว่าในแต่ละโรงเรียนมีวิชาอะไรบ้าง?

ฟ้า – สำหรับโรงเรียนเทศบาลวัดช่องลมฯ เราจะมีเปิดสอนทั้งหมด 3 วิชาด้วยกันค่ะ ซึ่งเป็นวิชาที่เหมือนจะต่อยอดให้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ วิชาแรกคือ ทำอาหาร เราจะมีการสอนให้เป็นผู้ประกอบการร้านด้วย ที่เราจะเสริมเนื้อหาตรงนี้ไป เพราะว่าที่โรงเรียนฯ ก็มีแบรนด์ “ช่องลมหวาน” และเด่นเรื่องวิชาทำอาหาร เราก็เลยอยากไปส่งเสริมเขา ให้ต่อยอดแบรนด์ของเขาไปไกลขึ้น

วิชาที่สองคือ Content Creator ตรงนี้ทางโรงเรียนอยากที่จะเสริมวิชาที่กำลังเป็นเทรนด์ของโลกในตอนนี้อยู่ และอีกวิชาหนึ่งคือ แต่งหน้า เป็นวิชาที่เด็ก ๆ ในโรงเรียนเขาอยากจะเรียน เพราะเขามีชมรมการแสดงของตัวเอง แล้วเวลาไปแสดงข้างนอกเขาต้องจ้างช่างแต่งหน้า การที่เขาได้มีทักษะตรงนี้จะทำให้เขาสามารถช่วยเหลือกันเองได้ ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างแต่งหน้าค่ะ

เซย่า – ในส่วนของโรงเรียนเทศบาลวัดเจษฎารามฯ จะเปิดสอน 2 วิชาค่ะ วิชาแรกคือ Content Creator & ช่างภาพ เหมือนทางโรงเรียนฯ เห็นว่าด้วยความที่เป็นกระแส เด็กเขาน่าจะสนใจที่อยากจะเรียน ส่วนวิชาที่สองคือ เปิดร้านออนไลน์ ทางโรงเรียนฯ ได้เลือกวิชานี้ขึ้นมา เพราะเล็งเห็นว่าซีซั่นที่แล้วเราได้ทำอะไร เห็นแล้วว่าเด็กน่าจะสนใจเรียน เพราะบางวิชาจากซีซั่นแรกที่เราได้เสนอไปก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนฯ ก็บอกว่ามีวิชานี้สอนอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจมาเปิดสอน 2 วิชานี้  

Q : จากการที่ได้สัมผัสมาในแต่ละโรงเรียน มีความท้าทายมากแค่ไหนในการเปิดห้องเรียนสอนน้อง ๆ? 

เซย่า – ท้าทายในเรื่องของการจะทำอย่างไรที่ไม่ให้เป็นภาระหน้าที่เพิ่มเติมกับคุณครูที่โรงเรียนฯ คือเราต้องมาประสานงานแล้วก็จัดเตรียมอะไรหลายอย่าง แต่ว่าก็ต้องดำเนินโครงการให้มันไปต่อได้ ก็ถือเป็นความท้าทายประมาณหนึ่ง ส่วนนักเรียน จะทำอย่างไรให้เขายังอยู่กับเราไปตลอดทั้งซีซั่น

ฟ้า – สำหรับของฟ้าที่มองเห็นว่าความท้าทายของซีซั่นนี้ อย่างแรกคือการจัดสรรงบประมาณ จากซีซั่นที่แล้วเราไม่ได้มีการวางแผนกันดีขนาดนั้น ทำให้ซีซั่นนี้เราจะต้องปิดช่องว่างตรงนี้ ในการจัดสรรงบประมาณตั้งแต่เริ่มต้น อีกอย่างหนึ่งคือการสร้างทีมใหม่ เพราะว่าซีซั่นใหม่ และโรงเรียนมีความท้าทายตรงที่ว่ามันจะไปไกลขึ้น ทำให้การสร้างทีมก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง 

ส่วนเรื่องของทางโรงเรียนฯ คือการลดภาระของครู เหมือนซีซั่นที่แล้วครูก็จะรู้สึกเหนื่อยในการที่จะช่วยเราจัดสรรอุปกรณ์ ซีซั่นนี้ก็เลยมีวัตถุประสงค์ว่าจะพยายามลดภาระของครูค่ะ และอีกอย่างหนึ่งที่ท้าทายคือนักเรียน ทำอย่างไรที่ให้เขายังสนใจเนื้อหาที่เราสอนจนจบ 6 สัปดาห์ที่เราจะจัดขึ้นค่ะ

Q : นอกเหนือจากวิชานอกห้องเรียน ค่านิยมหลัก (core value) ที่เราอยากจะส่งเสริมให้น้อง ๆ มีอะไรอีกบ้าง?

ฟ้าและเซย่า – ถ้าซีซั่นนี้ เราก็ผลักดันในเรื่องของ Growth Mindset ให้ทั้งสองโรงเรียนค่ะ เพราะเราอยากให้นักเรียนคิดนอกกรอบและมีความคิดที่อยากจะพัฒนาตนเอง ก็เลยอยากจะส่งเสริมด้านนี้ เพราะทักษะ Growth Mindset เป็นความคิดแบบพัฒนาได้ เริ่มด้วยความเชื่อในตัวเอง เชื่อว่าคนเราสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้ หากเพียงแต่ต้องใช้เวลา หมั่นฝึกฝน และพยายาม

Q : มองการศึกษาไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรสาครไว้อย่างไรบ้าง?

เซย่า – หนูรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ที่สมุทรสาคร แต่หลาย ๆ ที่เริ่มปรับการศึกษาให้มีความหลากหลาย ให้ตรงกับตัวผู้เรียนมากขึ้น มีความพัฒนาไปมาก เหมือนเวลาเราเรียนจบ โรงเรียนหรืออะไร ๆ ก็ดีขึ้น จากที่ได้สัมผัสจากรุ่นน้องก็มีตัวเลือกห้องเรียนที่หลากหลายมากขึ้น ได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมากขึ้น ส่วนเรื่องการศึกษาไทย มองว่าเด็กได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ไม่ใช่ต้องเล็งว่าอยากเป็นหมอ ครู หรือวิชาชีพที่ป็อปปูลาร์ขนาดนั้น มันอาจจะมีอาชีพอย่างอื่นเพิ่มเติม ถ้าเขาได้เรียนแล้วจะได้กลับมาพัฒนาจังหวัดของตัวเอง ซึ่งจังหวัดสมุทรสาคร ยังมีอะไรที่น่าส่งเสริมและผลักดันได้มากกว่านี้ค่ะ

ฟ้า – สำหรับฟ้า ด้วยความที่เป็นวัยทำงานแล้ว ก็เลยเห็นมุมมองการศึกษาว่ามีผลสำคัญต่ออาชีพ มีการศึกษาที่ดีมันทำให้เรามี Career Path หรืออาชีพที่ดีได้ตามที่เราฝัน ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่การศึกษายังขาดคือ Live Long Learning หรือการศึกษาที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้

และการที่โครงการ Saturday School เข้ามาตรงนี้ มาช่วยเสริมจากการที่การศึกษาในระบบ มันเป็นการศึกษาที่เหมือนเป็นระเบียบแบบแผนอยู่แล้ว เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ แต่โครงการนี้ทำให้นักเรียนได้เห็นภาพเร็วขึ้นว่าเขาต้องการอะไร อยากเป็นอะไร ซึ่งตรงนั้นทำให้เขารู้ตัวเองเร็วขึ้น และทำให้เขาสามารถต่อยอดได้เร็วขึ้น แล้วทำให้เขากลับมาช่วยครอบครัวเขาได้ เช่น เขารู้ตัวเองว่าอยากขายของออนไลน์ เก่งด้านการพูด เขาก็จะสามารถเอาไปต่อยอดกับที่บ้านได้ถ้ามีธุรกิจ ทำให้ที่บ้านมียอดขายที่ดีขึ้น 

เซย่า – เห็นพี่ฟ้าพูดประโยคหนึ่งแล้ว นึกถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร (นายนริศ นิรามัยวงศ์) เคยพูดว่า จริง ๆ แล้วที่ Saturday School ทำอยู่เนี่ย โรงเรียนต่าง ๆ ก็มีอยู่แล้ว แต่เหมือนพอได้คนรุ่นใหม่เข้ามา มันทำให้เข้าถึงกับตัวนักเรียนได้มากขึ้น แล้วเหมือนเป็นการเสริมแรง เสริมกระบวนการเรียนรู้ให้เขาเพิ่มขึ้น ด้วยความที่เจนเนอเรชั่นใกล้กัน เพราะเหมือนว่าตอนนี้การศึกษาก็เริ่มพัฒนาให้กับเด็กมากขึ้น เหมือนเราเป็นคนที่ซัพพอร์ตให้กับโรงเรียนอีกทีหนึ่ง

Q : สำหรับผู้ที่เข้าร่วมเป็นครูอาสา (Volunteer Teacher) ให้กับโครงการ โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร ซีซั่น 2 พวกเขาจะได้อะไรจากโครงการนี้บ้าง?

ฟ้า – อย่างแรกเลย ถ้าได้เข้ามาเป็นครูอาสาแล้ว เราได้เจอเพื่อนใหม่ คนใหม่ ๆ แน่นอน อย่างที่สองการที่เราได้แชร์สิ่งที่เรารู้ให้กับคนอื่น มันจะเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมาก ๆ เพราะเราได้เอาสิ่งที่คิดว่าเราทำได้ไปแชร์ให้คนอื่น แล้วเราจะได้เห็นภาพจากการที่นักเรียนเติบโตไปกับเราเวลาเราสอนค่ะ มันก็เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครูอาสาหากได้เข้ามาทำตรงนี้ค่ะ

เซย่า – แน่นอนว่าครูอาสาเข้ามาก็ต้องการมอบความรู้ ประสบการณ์ สิ่งดี ๆ ให้กับน้อง ๆ ได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ และอาจจะได้รับการฮีลใจของตัวเองก็ได้ค่ะ เป็นการรับพลังงานดี ๆ จากโครงการนี้ และเติมพลังใจให้กับตนเอง อีกอย่างคือได้ก้าวข้าม Comfort Zone ของตนเองด้วยค่ะ

Q : สุดท้ายนี้ อยากให้ทั้งสองคนได้ฝากถึงผู้สนับสนุน รวมถึงทุกคนที่ทำให้โครงการดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้น?

เซย่า – ขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนงบประมาณ ให้กับทางโครงการโรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร ซีซั่น 2 ทำให้ห้องเรียนวันเสาร์มีประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และการเรียนรู้นอกห้องเรียน เปิดประสบการณ์ให้น้อง ๆ ได้เป็นอย่างดี

และด้วยจังหวัดสมุทรสาครของเรามีผู้ใหญ่ใจดีหลายท่าน แต่บางคนอาจจะยังไม่ได้เห็นถึงตัวโครงการ Saturday School ว่ามีในพื้นที่จังหวัดนี้ ก็อยากจะเชิญชวนให้มาร่วมกันสนับสนุน ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์การศึกษา ค่าอาหาร หรือเงินสนับสนุนโครงการฯ เพราะเด็กและเยาวชนในจังหวัดเรายังต้องการได้รับโอกาสดี ๆ ในการศึกษานอกเวลาเรียนจากทุกท่านค่ะ

ฟ้า – สำหรับผู้สนับสนุน อย่างแรกฟ้าอยากจะขอบคุณคนที่สนับสนุนพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโรงเรียน หรือผู้ใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาคร และสิ่งที่อยากจะฝากก็คือ การเรียนรู้มันไม่มีวันหยุด ก็เลยอยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุน และพัฒนาการศึกษาของจังหวัดสมุทรสาครต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ

โครงการ “โรงเรียนวันเสาร์สมุทรสาคร” ซีซั่น 2 ณ โรงเรียนเทศบาลวัดช่องลม (เปี่ยมวิทยาคม) และโรงเรียนเทศบาลวัดเจษฎาราม (เชยวิทยาทาน) จะเริ่มเปิดห้องเรียนในสัปดาห์แรก วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึง 16 สิงหาคม 2568 ร่วมติดตามความเคลื่อนไหว หรือให้การสนับสนุนโครงการได้ที่เพจ “Saturday School Samutsakhon โรงเรียนวันเสาร์ สมุทรสาคร”

– กิตติกร นาคทอง –    

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *