
การรถไฟฯ ปฐมนิเทศสายสีแดง เวที กทม. แจงที่มา 5 แนวเส้นทางเลือก ปรับเปลี่ยนจากแผนเดิมเมื่อ 20 ปีก่อน ชูข้อดีสถานีปลายทางสี่แยกโรงพัก มหาชัย สะดวกรองรับโครงการอนาคต เชื่อมท่าเรือท่าฉลอมไม่ไกล พบเสนอเพิ่มสถานีคลองสานใต้ดิน เชื่อมต่อสายสีทอง ส่วนชาวชุมชนวุฒากาศ–วัดไทร–วัดสิงห์ กังวลปัญหาเวนคืนและผลกระทบก่อสร้าง หลังคัดค้านศูนย์คมนาคมตากสินปี 59 ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาย้ำพยายามออกแบบให้กระทบน้อยที่สุด
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่อาคารเคเอ็กซ์ (Knowledge Exchange – KX) มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ถนนกรุงธนบุรี กรุงเทพฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน (ปฐมนิเทศโครงการ) งานจ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนผลการศึกษาความเหมาะสม แบบรายละเอียด จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงวงเวียนใหญ่-มหาชัย โดยมีกิจการค้าร่วม (Consortium) ในนามกลุ่มบริษัท เทสโก้ จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ซึ่งมีผู้แทนหน่วยราชการ ผู้แทนภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจโครงการเข้าร่วมรับฟังในครั้งนี้
ดร.พิชิต จำนงพิพัฒน์กุล ผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า โครงการนี้เคยมีการศึกษาเมื่อปี 2559 แต่ปัจจุบันสภาพพื้นที่เปลี่ยนไปมาก จึงจำเป็นต้องทบทวนความเหมาะสม รูปแบบโครงการ และผลกระทบใหม่ เพื่อใช้ประกอบการขออนุมัติดำเนินงานตามแผนแม่บทระบบรางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับงานศึกษาครั้งนี้ รฟท. มอบหมายให้กลุ่มที่ปรึกษา 4 บริษัท ดำเนินการภายในระยะเวลา 450 วัน โดยการประชุมปฐมนิเทศถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเพื่อนำเสนอข้อมูลเบื้องต้น แนวทางการศึกษา และเปิดรับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้น ผ่าน 2 เวที คือ ในกรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรสาคร





นายอรรถพล เก่าประเสริฐ วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท. กล่าวว่า รฟท. ได้เดินหน้าพัฒนารถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต และสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564 สำหรับช่วงวงเวียนใหญ่–มหาชัย รฟท. อยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาเดิมของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ปี 2559 เพื่ออัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยและใช้ประกอบการขออนุมัติดำเนินโครงการ โดยย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์และอาจได้รับผลกระทบ เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่ง รฟท. จะนำข้อมูลทั้งหมดไปพิจารณา ก่อนเดินหน้าตามขั้นตอนเพื่อผลักดันโครงการในระยะต่อไป




หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ คือ การกำหนดทางเลือกแนวเส้นทาง โดย ดร.วัชระ สัตยาประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านทางรถไฟ กล่าวว่า การกำหนดเส้นทางเลือกคำนึง 3 ประการ ได้แก่ การออกแบบที่ตรงกับวัตถุประสงค์โครงการ ความคุ้มค่า และการลดผลกระทบต่อชุมชน โดยศึกษาจากแผนของ สนข. ที่เคยศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 2547 อีกทั้งกรมการขนส่งทางรางได้ศึกษาแผนแม่บทระบบรถไฟในเขตเมือง เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเสนอให้ใช้ถนนเอกชัยแทนทางรถไฟเดิม โดยช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ถึงการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่แออัดและเป็นพื้นที่อ่อนไหว จึงมีหนทางน้อยมาก ช่วงต้นหากดำเนินการในอนาคต จะทำเป็นทางรถไฟใต้ดิน แต่ยังไม่ออกแบบรายละเอียด
ส่วนช่วงวงเวียนใหญ่-มหาชัย พบว่ามีเขตทางที่แคบ จึงต้องทำโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดการเวนคืนที่ดิน และลดจุดตัดทางรถไฟเสมอระดับไปในตัว แต่สำหรับเส้นทางเลือกที่ 5 กรมการขนส่งทางราง เสนอทำเป็นอุโมงค์ใต้ดินเพื่อลดปัญหาการรอนสิทธิ แล้วเบี่ยงออกบริเวณวัดสิงห์ ไปตามถนนเอกชัย แต่มีค่าก่อสร้างสูงกว่าทางยกระดับ 3 เท่า ขณะที่รถไฟฟ้าชานเมือง ผู้โดยสารไม่หนาแน่นเท่ากับในเมือง จึงต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน ส่วนช่วงบางบอน-มหาชัย จะเป็นทางรถไฟยกระดับ เพื่อรักษาเขตทางรถไฟ เวนคืนเฉพาะสถานีซึ่งก่อสร้างยกระดับ แต่เส้นทางเลือกที่ 5 จะสร้างบนถนนเอกชัย ซึ่งขนาดความกว้างถนนไม่เท่ากัน หากก่อสร้างยกระดับในช่วงต้น จะต้องเวนคืนที่ดินจำนวนมาก
ส่วนปลายทางสถานีมหาชัย เส้นทางเลือกที่ 1 (คลองครุ) ผลการศึกษาในอดีตยังไม่มีการพัฒนาที่ดิน อีกทั้งตามแผนพัฒนาภาครัฐมีโครงการเชื่อมต่อไปยังสถานีปากท่อ และทางรถไฟสายใต้ แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาที่ดินเป็นหมู่บ้าน มีห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี มหาชัย และยังมีทางยกระดับมอเตอร์เวย์ M82 ต้องสร้างทางรถไฟยกระดับข้ามทางด่วน ค่าก่อสร้างแพงขึ้นและซับซ้อน ส่วนเส้นทางเลือกที่ 2 สิ้นสุดที่สถานีมหาชัยเดิม ยากที่จะพัฒนาเพิ่มเติม เชื่อมต่อโครงการในอนาคตไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่อ่อนไหว อีกทั้งสถานีมหาชัยไม่ใช่เขตพื้นที่การรถไฟฯ แต่เป็นพื้นที่เช่า ส่วนเส้นทางเลือกที่ 3-4-5 (บริเวณสี่แยกโรงพัก) มีถนนกว้าง 6 ช่องจราจร สามารถเชื่อมต่อโครงการในอนาคต และสามารถเดินเท้าไปยังท่าเรือข้ามฟากไปท่าฉลอมได้ไม่ไกลมากนัก





การคัดเลือกเส้นทางที่เหมาะสมมีหลายปัจจัย แยกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐศาสตร์ คือความคุ้มค่า และด้านผลกระทบของโครงการ ซึ่งพบว่าทางเลือกที่ 2 (ทางรถไฟเดิม) ตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม ค่อนข้างจะดีในด้านวิศวกรรม คือ ระยะทางสั้นกว่า เวนคืนน้อยกว่า แนวเส้นทางเป็นเส้นตรง ใช้เวลาก่อสร้างสั้นกว่า ส่วนทางเลือกที่ 5 (ถนนเอกชัย) ประเมินการก่อสร้างสูงที่สุด จากการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน เพราะมีผลกระทบพอสมควร การก่อสร้างทางยกระดับกระทบการใช้ถนนค่อนข้างนาน และค่าก่อสร้างสูง แต่ได้จำนวนผู้โดยสารมากที่สุด การเข้าถึงสถานีง่ายที่สุด มากกว่าทางเลือกอื่นถึง 2 เท่า มีผลประโยชน์ในทางเศรษฐศาสตร์สูงที่สุด รวมทั้งกระทบพื้นที่ป่าชายเลน และพื้นที่อ่อนไหว เช่น วัด โรงเรียน โรงพยาบาลน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อทดแทนบริการรถไฟสายแม่กลอง ช่วงวงเวียนใหญ่-มหาชัย อาจมีปัญหาหลายประการ เช่น ช่วงก่อสร้างจะต้องหยุดบริการรถไฟเดิม ซึ่งจะต้องมีมาตรการจัดการเรื่องนี้ รวมทั้งมาตรการจัดการจราจร การลดผลกระทบโดยจัดเตรียมบริการขนส่งในช่วงก่อสร้าง รวมทั้งค่าโดยสารต้องหารือกับ รฟท. เพราะคาดว่าจะสูงขึ้น แต่อาจจะมีการชดเชยหรือลงทะเบียนแก่ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องผู้ค้าขนสิ่งของที่มีกลิ่น เช่น อาหารทะเล ขึ้นไปบนรถไฟฟ้าที่เป็นแบบรถปรับอากาศ ต้องมีวิธีป้องกัน เช่น การให้ยืมถุงซิปล็อกกันน้ำ กันกลิ่น เป็นต้น


รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในตอนท้ายได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานแสดงความคิดเห็น ซึ่งพบว่ามีการเสนอความเห็นแตกต่างกันไป เช่น ชาวคอนโดมิเนียมศุภาลัย ย่านคลองสาน เสนอให้ช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ มีสถานีคลองสาน เป็นสถานีใต้ดินเพื่อเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธนบุรี-คลองสาน) ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลตากสิน และศูนย์การค้า รวมทั้งสอบถามผลกระทบจากโครงการ เสนอให้ก่อสร้างช่วงกลางวันเพื่อลดผลกระทบผู้พักอาศัยเวลากลางคืน ขณะเดียวกัน ชาวชุมชนตามแนวเส้นทางช่วงหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ เช่น ชุมชนจงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ ยังขอบคุณกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ที่เสนอให้ก่อสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินแทนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่อยากทราบรายละเอียดการเวนคืนเพื่อที่จะได้เตรียมตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีชุมชนในเขตพื้นที่ทางรถไฟสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ แสดงความกังวลถึงโครงการดังกล่าว เช่น ตัวแทนชุมชนริมทางรถไฟ ถนนวุฒากาศ เขตธนบุรี ต้องการทราบแนวเขตทางรถไฟและสถานีรถไฟว่าจะเวนคืนฝั่งละกี่เมตร เพราะมีที่ดินติดกับทางรถไฟ หากดำเนินโครงการนี้ คนที่อาศัยอยู่ในย่านวุฒากาศเดือดร้อนโดยตรง เพราะมีบ้านติดทางรถไฟ ที่ผ่านมาไม่ได้รับรู้ว่าจะมีโครงการนี้ เพราะเคยถูกกระทำมาแล้วในโครงการศูนย์คมนาคมขนส่งตากสินเมื่อปี 2559 ซึ่งจะเป็นที่จอดรถไฟและโรงแรมสูง 25 ชั้น ชาวชุมชนเคยเจ็บปวดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่โครงการนี้ถ้าเวนคืนจะโดนเท่าไหร่ ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงว่า ยังให้รายละเอียดที่ดินไม่ได้ จะมีกระบวนการประชุมกลุ่มย่อยอีกครั้ง แต่จะพยายามออกแบบให้อยู่ในเขตทางมากที่สุด




เช่นเดียวกับตัวแทนชุมชนตลาดน้ำวัดไทร เขตจอมทอง สอบถามแนวเขตทางรถไฟ เพื่อที่จะได้บอกให้ลูกบ้านวัดระยะห่าง ส่วนตัวแทนชุมชนเขตบางบอน กังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม เสียง อากาศ และน้ำท่วม ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงสร้างยกระดับทั้งหมด ตัวแทนชุมชนวัดสิงห์กล่าวว่า บริเวณสถานีวัดสิงห์ เขตจอมทอง มีวัด โรงเรียน ซึ่งมีแนวเขตทางรถไฟข้างละ 4 เมตร และมีชุมชนกระจุกตัวจำนวนมาก จะเอาไปไว้ที่ไหน เพราะมีประชาชนเดือดร้อน ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงว่า ตามหลักแล้ววัดและโรงเรียนยังอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ตั้งสถานีได้เลื่อนตำแหน่งออกไป รวมทั้งยังมีชาวชุมชนอื่นๆ ในกรุงเทพฯ เสนอความคิดเห็นถึงการเข้าถึงตัวสถานีรถไฟและที่จอดรถ

ด้านชาวจังหวัดสมุทรสาครที่เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ตอนปลายเส้นทาง (สถานีมหาชัย) มีการวางแนวเส้นทางเลือกประมาณ 5 เส้นทาง แต่ตัวจังหวัดสมุทรสาครกับสถานีมหาชัยไม่เหมือนที่อื่น เพราะมีรถไฟธรรมดาที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำไม่ต่ำกว่า 50 ปี ทำไมช่วงปลายเส้นทางต้องเปลี่ยนสถานีรถไฟมหาชัยไปที่อื่น ที่กล่าวว่าก่อสร้างยากนั้นเห็นว่าเป็นข้ออ้างมากกว่า เพราะมีเทคนิคการก่อสร้างที่สามารถปรับมุมลอดใต้แม่น้ำท่าจีนไปเชื่อมทางรถไฟสายแม่กลอง ช่วงบ้านแหลม-แม่กลองได้เลย และสามารถออกแบบสถานีเป็นชั้นลงข้างล่างได้หมดเลย ถ้าปรับแบบเปลี่ยนสถานีไปที่อื่น ผู้ใช้บริการจะเป็นคนนอกพื้นที่และขาจร ไม่ได้เกิดประโยชน์เมื่อเทียบกับสถานีมหาชัยเดิม ซึ่งประชาชนที่ใช้ประโยชน์เป็นคนท้องถิ่นโดยหลักมานานถึง 50 ปี


สาครออนไลน์ โดย กิตตินันท์ นาคทอง / ภาพ : กิตติกร นาคทอง

