ยกระดับด่านสิงขร คนสมุทรสาครได้อย่าง-เสียอย่าง?

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556

การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ออกมาเปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนนี้ ด่านสิงขร จุดผ่อนปรนชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้าน อ.เมืองฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะยกระดับเป็นด่านถาวร นอกจากจะสร้างความตื่นเต้นให้กับคนประจวบคีรีขันธ์แล้ว จังหวัดที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรทั้งวัตถุดิบอาหารทะเล และแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เฉกเช่น จ.สมุทรสาคร ก็จะได้รับอานิสงส์ตามกันไปด้วย

ในปัจจุบันไทยมีจุดผ่านแดนถาวรไทย-เมียนมาร์ จำนวน 6 แห่ง แบ่งออกเป็น อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2 แห่ง ไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน, อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยังเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และ อ.เมืองฯ จ.ระนอง อีก 3 แห่ง ไปยังเมืองเกาะสอง ภาคตะนาวศรี นอกนั้นเป็นจุดผ่อนปรน 14 แห่ง และช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนอีกจำนวนมาก แต่การจะยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถานการณ์อ่อนไหวในเมียนมาร์ เช่น การสู้รบของชนกลุ่มน้อย

หากเปรียบเทียบกันระหว่างด่านสิงขรกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จากตลาดมหาชัยถ้าไปด่านเจดีย์สามองค์จะอยู่ที่ 355 กิโลเมตร ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที เนื่องจากเป็นเส้นทางขึ้นเขา ภายหลังจึงมีด่านพุน้ำร้อนขึ้นมาใหม่ เชื่อมต่อไปยังโครงการนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกทวาย อีกด้านหนึ่งระยะทางไปถึงด่านสิงขรจะอยู่ที่ 270 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที อีกทั้งการเดินทางสะดวกด้วยถนนพระราม 2 และถนนเพชรเกษม

ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ทันทีที่มีการเปิดด่านถาวร เมียนมาร์ก็จะมีการนำสินค้าประมงจากเมืองมะริดเข้ามาในไทยทันที โดยสามารถผลิตได้ราว 2.5 ตัน การนำเข้ามาในไทยราว 1.5 พันตัน ซึ่งทางเมืองมะริดต้องการให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นทางผ่านในการส่งสินค้าไปที่มหาชัย เพราะจะใช้เวลาราว 6 ชั่วโมงเท่านั้น แทนการใช้เส้นทางเดิม ที่มีการขนส่งทางเรือไปที่ระนอง และใช้เวลาราว 20 ชั่วโมงในการขนส่งมาที่มหาชัย

นอกจากนี้ สิ่งที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์คือได้ค่าภาษีจากการขนส่งสินค้ากว่า 1.5 พันตัน โดยเมียนมาร์จะเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคกลับไป อีกทั้งจะมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นที่ฝั่งเมียนมาร์ เนื่องจากมีแรงงานชาวพม่าจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมการประมง ห้องเย็น รวมถึงการแปรรูปสินค้าประมง ซึ่งประเทศไทยไม่เพียงพอและต้องการสินค้าจากเมืองมะริดเข้ามา

ถ้าผมจะคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้หลังการเปิดด่านสิงขรเป็นด่านถาวรแล้ว ในระยะแรกๆ อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะการขนส่งสินค้าเข้ามาในไทย โดยปัจจุบันมีรถบรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง น้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยไปยังเมียนมาร์อยู่แล้ว หากมีการเปิดด่านถาวร ก็จะมีการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งวัตถุดิบอาหารทะเล จากเมืองมะริดมายังมหาชัย รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นๆ โดยผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แทน จ.ระนอง ย่นระยะเวลาเดินทางได้มากขึ้น

ขณะนี้ถนนในฝั่งเมียนมาร์ พบว่ายังมีสภาพที่ไม่เหมาะกับการสัญจรไป-มา นอกจากรถบรรทุกสินค้า และรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ทางการเมียนมาร์กำลังก่อสร้างถนนไปยังมะริดราว 200 กิโลเมตร คาดว่าหากแล้วเสร็จก็จะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสมบูรณ์แบบ เกิดการเดินทางและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ เนื่องจากที่เมืองมะริดมีหมู่เกาะกว่า 800 เกาะ ติดอันดับ 1 ใน 10 แหล่งดำน้ำที่สวยงามที่สุดในโลก รวมทั้งการหมุนเวียนของแรงงานพม่า

ผมอยากให้ชาวสมุทรสาคร โดยเฉพาะนักธุรกิจจับตาการเปิดด่านสิงขรครั้งนี้ไว้ให้ดี เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสทองในช่วงที่เมียนมาร์กำลังเปิดประเทศในสายตาชาวโลกแล้ว ศักยภาพของบ้านเรานอกจากเรื่องอุตสาหกรรมประมงที่เราอยู่ในระดับแนวหน้า เรื่องการท่องเที่ยวก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะบ้านเราเคยมีความร่วมมือกับจังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ในเรื่องการท่องเที่ยวมาก่อน เช่น โครงการบัตรเดียวเที่ยว 4 จังหวัด

ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใหญ่ในบ้านเราตื่นเต้นที่จะต่อยอดศักยภาพที่มีอยู่ได้หรือไม่ เพราะในทางกลับกัน หลายคนต่างมองกันว่า หากเมียนมาร์เกิดความเจริญขึ้นมาแล้ว แรงงานพม่าในบ้านเราอาจเดินทางกลับประเทศ.



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง