ถนนสาย 375 ความเจริญของบ้านแพ้วที่ไร้ทิศทาง

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2556

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ของถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนบ้านแพ้วส่วนใหญ่ใช้สัญจรไป-มายาวนานกว่า 37 ปีก็คือ การขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจร ที่ก่อสร้างมาอย่างยาวนาน 7 ปี พร้อมกับเปลี่ยนบัญชีสายทางจากทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3097 เป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 375 ซึ่งเป็นทางหลวงแผ่นดินสายรองประธาน โดยควบรวมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3036 (นครปฐม-ลำลูกบัว) รวมระยะทางทั้งสิ้น 69.324 กิโลเมตร

เส้นทางสายนี้ต่อไปจะได้รับการพัฒนาเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 2 สาย ได้แก่ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 98 กิโลเมตร ขณะนี้ได้ออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินแล้ว และหากร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท มีผลบังคับใช้แล้ว ตามแผนดำเนินงานจะก่อสร้างในปี 2557-2559

อีกเส้นทางหนึ่งคือ โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 8 สายนครปฐม-ปากท่อ-ชะอำ หรือมอเตอร์เวย์สายใต้ ระยะทาง 134 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต จะมีด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณ ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม ด้านทิศใต้ของมหาวิทยาลัยคริสเตียน ซึ่งจะอยู่ใกล้ อ.บ้านแพ้ว ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกหนังสือเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว คาดว่าน่าจะมีปริมาณการจราจรมากขึ้น จากข้อมูลล่าสุดในปี 2555 พบว่ามีปริมาณการจราจรเฉลี่ยสูงถึง 31,924 คันต่อวัน

อาจมีคนสงสัยว่า ถ้าถนน 4 เลนเข้าถึงบ้านแพ้วแล้ว มีมอเตอร์เวย์ลงมาใกล้บ้านแพ้วอีก ความเจริญจะเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ เมื่อดูจากการประกาศขายที่ดิน ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณไร่ละ 2.5 ถึง 5 ล้านบาทแล้ว แต่ปัญหาคือ พื้นที่บ้านแพ้ว ต่อเนื่องไปถึงนครปฐม ตั้งแต่ ต.ดอนยายหอม ลงมาถึงสุดเขต อ.บ้านแพ้ว เป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งทำบ้านจัดสรรได้เฉพาะบ้านเดี่ยว ห่างจากถนนใหญ่อีก 500 เมตร เป็นพื้นที่สีขาวทแยงเขียว ซึ่งไม่สามารถทำบ้านจัดสรรได้

แต่ทีนี้ โดยตำแหน่งของอำเภอบ้านแพ้วถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งเต็มไปด้วยสวนผลไม้จำนวนมาก ผังเมืองรวมบ้านแพ้วที่ออกมาล่าสุดนั้นช่วยคุ้มครองไม่ให้ความเจริญที่ไร้ทิศทางเข้ามาได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่หากวันใดโครงการบ้านเดี่ยวริมถนนบ้านแพ้ว-พระประโทนผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ ความเจริญมันจะค่อยๆ คืบคลานและกลืนกินความเป็นลานเกษตร กระทั่งต้องมีหมู่บ้านและชุมชนคู่ขนานกับพื้นที่ทางการเกษตร เฉกเช่นถนนพุทธสาคร

นอกจากนี้ การมีถนน 4 เลนยังเอื้อให้เกิดการสัญจรไป-มาเชื่อมต่อไปยังภาคตะวันตกและภาคเหนือเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมาทางจังหวัดส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนด้วยการเปิดศูนย์บริการท่องเที่ยว (Rest Area) ที่ ต.หลักสาม โดยเปิดเป็นจุดพักรถ ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป และสินค้าการเกษตรนำร่องแล้ว แต่ในอนาคตเมื่อมียวดยานพาหนะเพิ่มมากขึ้นจะมีชุมชน หมู่บ้านจัดสรรเกิดใหม่ รวมทั้งมีสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกเข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

คนบ้านแพ้วส่วนหนึ่งอาจจะดีใจที่มีถนน 4 เลนเข้ามา ทำให้เกิดความเจริญเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ผลกระทบหลายด้านทั้งอุบัติเหตุ ปัญหาการจราจรคับคั่ง เดินทางไปมาไม่สะดวก มลภาวะทางเสียง ฝุ่นละอองและการเผาไหม้ของท่อไอเสียทางอากาศ น้ำเสียจากชุมชนที่เกิดขึ้นมาใหม่และสถานบริการ สิ่งเหล่านี้หากไม่มีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในอำเภอบ้านแพ้วที่มีถนนเส้นนี้ตัดผ่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลต่างๆ ตามเส้นทางถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน ควรกำหนดกติกา มาตรฐานของสิ่งปลูกสร้างและพิจารณาการประกอบกิจการที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น ไม่เช่นนั้นหากความเจริญเกิดขึ้นโดยปราศจากการควบคุม ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอำเภอที่ได้ชื่อว่าเป็นลานเกษตร และแหล่งอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครอาจจะกระทบจนยากที่ฟื้นฟูกลับมาได้ดังเดิม



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง