“ด่านสิงขร” ที่ต้องรอจุดผ่านแดนถาวร

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559

เมื่อไม่นานมานี้ หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ไปศึกษาดูงานด้านเศรษฐกิจที่จังหวัดมะริด มณฑลตะนาวศรี ประเทศพม่า โดยผ่านด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหาแนวทางการค้าขายระหว่างสองประเทศ เรื่องนี้แม้คนสมุทรสาครจะมองว่าไกลตัว แต่ในสายตาของนักธุรกิจต่างจับตามองไปยังการลงทุนด้านธุรกิจสัตว์น้ำ เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญ และเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารทะเล สามารถขนส่งมายังมหาชัยได้ในเวลา 7 ชั่วโมง จากเดิมต้องขนทางเรือมาที่ระนองก่อน

เท่าที่ตามข่าว นักธุรกิจในจังหวัดมะริดบอกว่า ที่นี่มีสินค้าทะเลจำนวนมาก แต่ไม่สามารถนำเข้ามาไทยได้ เนื่องจากด่านสิงขร ยังเป็นเพียงแค่จุดผ่อนปรนชั่วคราว ทั้งๆ ที่ทางการพม่าเปิดด่านถาวรบ้านบูด่อง ฝั่งตรงข้ามด่านสิงขรของไทยมานานกว่า 2 ปี ทำให้การค้าการขายไม่ขยายตัวเท่าที่ควร แม้ทางการพม่า รวมทั้งภาคเอกชนกำลังปรับปรุงเป็นถนนลาดยางให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 รวมทั้งสร้างสะพาน 9 จุด ให้รถปิกอัพและรถบรรทุกสามารถวิ่งได้โดยสะดวก

หากพม่าปรับปรุงถนนเสร็จแล้วแต่ฝั่งไทยยังไม่เปิดด่านถาวร ก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ เพราะถูกกีดกันผลผลิตของชาวพม่า แม้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับ จ.มะริด ได้ลงนามเอ็มโอยู เป็นบ้านพี่เมืองน้อง แต่ไทยยังกีดกันทางการค้าค่อนข้างสูง เช่น สินค้าของไทยเข้าพม่าได้โดยอิสระ คนไทยยังได้รับอนุญาตให้พักในพม่าครั้งละ 14 วัน 13 คืน ขณะที่สินค้าพม่าไม่สามารถเข้าไทยได้ รวมทั้งคนพม่าก็เข้าไทยได้เพียงแค่ อ.เมืองฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และให้พักได้แค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น

เท่าที่ผมทราบ แม้ด่านสิงขรมีการเติบโตทางเศรษฐกิจทางการค้ามาก โดยมีการส่งออกและนำเข้าสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่าปีละหลายพันล้านบาท แต่มีปัญหาที่ไม่สามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ เนื่องจากทั้งไทยและพม่า ยึดแผนที่คนละฉบับ ทำให้ไม่สามารถตกลงเรื่องเขตแดนได้ ซึ่งไทยยึดแผนที่สันปันน้ำ ขณะที่ทางประเทศพม่ายึดแผนที่สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ซึ่งทำให้ล้ำเขตแดนไทยเข้ามาประมาณ 600 เมตร จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะเปิดจุดผ่านแดนถาวรได้

ที่ผ่านมา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ผลักดันให้เปิดประตูการค้าชายแดนด่านสิงขรมาตั้งแต่ปี 2553 เริ่มต้นจากการประกาศให้เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า จนกระทั่งมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีการเสนอไปยังรัฐบาลให้ประกาศยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร กระทั่งหาทางออกด้วยการเห็นชอบให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษเพื่อผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่างๆ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นด่านการค้าชายแดนแห่งแรกของประเทศไทยในรูปแบบดังกล่าว

ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้การผ่านเข้า-ออกด่านสิงขรมีผลผูกพันเฉพาะคนไทยและพม่าเท่านั้น โดยใช้เอกสารข้ามแดน 3 ประเภท คือ หนังสือเดินทาง หนังสือผ่านแดน และบัตรผ่านแดนชั่วคราว ชาวพม่าจะสามารถเดินทางเข้ามาได้ถึงเขตอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พำนักได้ 2 วัน 1 คืน ส่วนชาวไทยที่เดินทางไปพม่า ไปได้ถึงเขตอำเภอตะนาวศรีและอำเภอเมืองมะริด จังหวัดมะริด ถือหนังสือผ่านแดนจะพำนักได้ 14 วัน และบัตรผ่านแดนชั่วคราวจะพำนักได้ 7 วัน

การเปิดด่านถาวรจึงต้องรอให้ทั้งสองประเทศตกลงเรื่องเขตแดนกันได้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ฝ่ายไทยจะได้รับ เมื่อเทียบกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น อาทิ ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และการค้ามนุษย์

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักลงทุนไทย ต่างมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในจังหวัดมะริดแล้ว แต่ยังติดขัด ทั้งถนนจากด่านสิงขรไปจังหวัดมะริด 180 กิโลเมตร ที่กำลังก่อสร้าง รวมทั้งรัฐบาลพม่าเพิ่งจะให้ประเทศเกาหลีเข้ามาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์บริเวณเมืองมะริด เพราะปัจจุบันจังหวัดมะริดยังไม่มีโรงไฟฟ้า เอกชนต้องปั่นไฟเอง ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงกว่าปกติ ยังไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ คงต้องรอให้สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมีความพร้อมมากกว่านี้



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง