นักการเมืองที่ชื่อ “รองเส่ง”
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553
การลาออกจากรองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร ของ “รองเส่ง” ชวพล วัฒนพรมงคล นักการเมืองหนุ่มไฟแรงวัย 33 ปี บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ “เฮียย้ง” สมชาย วัฒนพรมงคล อาจจะสร้างความแปลกใจและเสียดายแก่พี่น้องในเขตเทศบาลนครสมุทรสาครอยู่บ้าง
รองเส่ง ให้เหตุผลในการลาออกจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีฯ ว่า ตนมีภาระกิจที่ต้องดูแลเรื่องธุรกิจที่บ้าน พอดีมีแผนขยายธุรกิจเพิ่ม ถ้าจัดระบบงานเรียบร้อย และนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาครให้โอกาส ก็มีโอกาสกลับไปทำงานร่วมกันอีก
พร้อมฝากทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนผมในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากมีโอกาสจะขอกลับมารับใช้ท่านอีกครั้ง”
ต้องย้อนกลับไปในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่ในชั้นมัธยมปลายฯ เมื่อทางโรงเรียนจัดให้เดินทางไปทัศนศึกษาที่ อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนที่ผมอยู่มากนัก ผมรู้จักคุณชวพลครั้งแรกในชื่อของ “ส.จ.เส่ง” ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
ผมในฐานะนักเรียนตัวเล็กๆ มองเห็น ส.จ.เส่งในคราวนั้น ก็รู้สึกได้ทันทีว่า เขาไม่ใช่นักการเมืองอย่างที่เราเคยเห็น รวมทั้งไม่ใช่ข้าราชการการเมืองอย่างที่เราเคยเห็น แต่เขาคือนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่การทำงานและทัศนคติย่อมแตกต่างไปจากระบบนักการเมืองและข้าราชการการเมืองแบบเดิมๆ อย่างที่เราเคยเห็น
หมวกอีกใบหนึ่งที่ท่านสวมนอกเหนือจากบนถนนสายการเมือง นั่นก็คือ เขาเป็นผู้บุกเบิกสถาบันการเงินภายใต้ชื่อ “เบสบาย” ในปี 2544 ตระกูลวัฒนพรมงคลเปิดดำเนินการ บริษัท วัฒนาธนสินทรัพย์ จำกัด ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งจัดว่าเป็นสินเชื่อที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ไม่แพ้แบรนด์ขนาดใหญ่
ชวพลถือเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่เป็นต้นแบบของพี่น้องชาวสมุทรสาคร มีความพยายามตั้งใจทำงานในหน้าที่ อีกทั้งพยายามนำอิทธิพลของความทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกิจการสินเชื่อ ที่พยายามทำการตลาดอย่างหนักจนมีชื่อเสียงและลูกค้าในจังหวัดจำนวนมาก
หรือการทำหน้าที่ทางการเมือง โดยเฉพาะงานด้านการศึกษาที่ทำมาตั้งแต่สมัยเป็น ส.อบจ. รวมทั้งเมื่อคราวที่ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี คุณชวพลจัดว่าเป็นนักการเมืองที่ไม่ได้เป็นแบบไม้แก่ดัดยาก หากแต่ความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่ถือตัวและเย่อหยิ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงตัวเขาได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ชวพลไม่ใช่แค่คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว แต่เขายังใช้เทคโนโลยีประยุกต์กับการทำงาน เฉกเช่นเฟซบุ้คส่วนตัวของเขา ได้กลายเป็นพื้นที่สื่อสารระหว่างลูกน้องที่ร่วมงาน ไปจนถึงประชาชนผู้สนับสนุน ที่มักจะแจ้งปัญหาความเดือดร้อนผ่านช่องทางนี้สม่ำเสมอ คุณชวพลก็จะประสานเท่าที่มีโอกาส
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่ก็ทำให้โลกดูเล็กลงถนัดตา
วันนี้แม้ชวพลจะไม่ใช่ “รองเส่ง” อย่างที่เราเคยเห็นในทางการเมือง แต่ในฐานะที่ผมเป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองในจังหวัดคนหนึ่ง ก็คงต้องรอคอยการกลับมาของบุรุษที่ชื่อเส่งคนนี้ว่า ความเป็นคนรุ่นใหม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบ้านนี้เมืองนี้ได้มากน้อยขนาดไหน
ขออย่างเดียว อย่าเลือกยืนขั้วทางการเมืองแบบ “ผิดข้าง” ก็แล้วกันครับ … ผมจะยิ่งเสียดาย!
(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)