โอกาสของรถไฟปรับอากาศชั้น 2

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554

ฉบับที่แล้วได้แนะนำรถไฟปรับอากาศชั้น 2 สายมหาชัย-วงเวียนใหญ่กันไปแล้ว ตามที่สัญญากันไว้ว่าจะพูดถึงโอกาสความเป็นไปได้ของรถไฟสายนี้ เพราะที่ผ่านมาถูกมองข้ามมาโดยตลอด และผมเชื่อว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คงจะถอดใจที่จะให้บริการโบกี้รถปรับอากาศชั้น 2 เพิ่มเติม เพราะยิ่งเพิ่มยิ่งขาดทุนตรงที่คนไม่ค่อยใช้บริการ ตรงกันข้ามกับขบวนชั้น 3 นั่งพัดลมที่ยังได้รับความนิยมจากประชาชนรากหญ้า แม้ไม่หวือหวาแต่ก็เสมอต้นเสมอปลาย

การที่ผมได้มาขึ้นรถไฟปรับอากาศชั้น 2 จากวงเวียนใหญ่ไปมหาชัย ทำให้ผมนึกถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม จากรังสิต (หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ถ้าเสียงเรียกร้องจากประชาคมธรรมศาสตร์เป็นผล) ถึงมหาชัย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร ถ้ารถไฟฟ้าสายนี้เข้ามามีบทบาทสำคัญ รถไฟปรับอากาศชั้น 2 ที่เห็นอยู่ในตอนนี้อาจไม่มีความหมาย แต่เนื่องจากเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ไม่มีอนาคต เพราะปัญหาการเมืองและบทเรียนการทุจริตคอรัปชั่น (กรณีรถไฟฟ้าโฮปเวลล์) รวมถึงความเจริญของสิ่งปลูกสร้าง จะเวนคืนหรือขยับขยายได้ลำบาก ทำให้รถไฟที่เห็นและเป็นอยู่นี้ยังคงเป็นประโยชน์แก่คนในชุมชนระหว่างหัวเมืองปริมณฑลถึงปัจจุบัน

ฉบับที่แล้วกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับรถไฟปรับอากาศชั้น 2 ก็คือ ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก กระทั่งปัจจุบันมีเพียงโบกี้เดียว และภายในมีที่นั่งให้บริการเพียง 62 ที่นั่ง เนื่องจากราคาที่แม้จะคิดเพียง 25 บาท เทียบเท่ารถตู้สายมหาชัย-บางปะแก้ว แต่ผู้มีรายได้น้อยก็ยังมองว่าแพงอยู่ดี และความลังเลในการตัดสินใจ เพราะผู้ที่ใช้บริการยังไม่รับรู้อย่างชัดเจนมากพอ ซึ่งก็ต้องฝากไปยังสถานีรถไฟมหาชัย หรือสถานีรถไฟในกรุงเทพฯ เช่น วงเวียนใหญ่ ตลาดพลู วัดสิงห์ ฯลฯ ให้หันมาประชาสัมพันธ์ว่ามีรถปรับอากาศชั้น 2 ให้บริการเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งกันบ้าง

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ การจัดตารางเดินรถที่ไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากจะให้คนมหาชัยตื่นนอนแต่เช้ามืดเพื่อขึ้นรถไฟปรับอากาศชั้น 2 ตอนตีห้า นอกนั้นหากจะขึ้นเที่ยวต่อไปต้องรอเก้าโมงสามสิบห้า ย่อมเป็นไปไม่ได้ หรือหากเที่ยวเย็น เวลากลับบ้านนับจากวงเวียนใหญ่หนึ่งทุ่มสิบนาที ถึงมหาชัยสองทุ่มเศษๆ กว่าจะถึงมหาชัย รถสองแถวเข้าบ้านก็หมดแล้ว ต่างจากนั่งรถตู้ไป-กลับ ถึงอนุสาวรีย์ชัยใช้เวลาชั่วโมงเดียว ถ้าจะนั่งสองแถวให้ทันก็ไปที่ท่ารถตู้ก่อนหกโมงเย็น

ที่ผ่านมาบ้านเราไม่ส่งเสริมการใช้รถไฟเดินทางมากนัก สวนทางกับปัญหาจราจรจากวินรถตู้มากกว่า 20 คิวในตลาดมหาชัย และรถส่วนตัวเข้าไปทำธุระ กลายเป็นปัญหาจราจรที่ยากเกินกว่าจะแก้ไข ผมมองว่าถ้าจะส่งเสริมเรื่องระบบขนส่งมวลชนอย่างจริงจัง รถประจำทางในท้องถิ่นก็ต้องสอดคล้องกับชีวิตคนเดินทางด้วย โดยเฉพาะรถสองแถวที่หลังสองทุ่มก็ไม่มีให้บริการ ต้องเสียค่าแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์ ยิ่งซ้ำเติมมากขึ้นไปอีก หากขอความร่วมมือให้รถสองแถวในท้องถิ่นขยายเวลาอย่างน้อยเที่ยวสุดท้ายสามทุ่มอย่างจริงจังก็น่าจะช่วยได้ เพราะอย่างน้อยคนที่กลับจากกรุงเทพฯ ก็ไม่ต้องถูกกดดันจากรถสองแถวเวลากลับมากนัก และกระตุ้นการค้ามหาชัยจากการจับจ่ายซื้อของยามเย็นมากขึ้น

อย่างสุดท้าย ขบวนรถไฟปรับอากาศชั้น 2 สามารถประยุกต์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ เพราะยังมีคนที่มองว่ารถไฟชั้น 3 สกปรกไม่น้อย โดยเฉพาะเที่ยวเวลาเจ็ดโมงเช้า และสิบโมงสี่สิบนาที ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเห็นโอกาสก็น่าจะส่งเสริมให้หันมาใช้รถไฟปรับอากาศชั้น 2 เดินทามาเที่ยวมหาชัยมากขึ้น โดยมีจุดขายคือการได้ชมวิถีชีวิตสองข้างทาง หรือจะผนวกกับโปรแกรมท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ได้

ขอฝากแนวคิดตรงนี้ไปเป็นการบ้านสำหรับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งหลายได้พิจารณากัน ผมเชื่อว่าหากมองเรื่องระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ปัญหาจราจรในมหาชัย โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมก็น่าจะคิดได้ในไม่ช้า

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง