เทคโนโลยีสารสนเทศบกพร่อง

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554

ในฐานะที่ผมเป็นคนทำข่าวออนไลน์ สิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการลงพื้นที่ และเข้าถึงแหล่งข่าวเพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง ทุกวันนี้นอกเหนือจากจะต้องติดตามข่าวสารแล้ว ยังต้องติดตามความเป็นไปในสภาวะแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการจราจร อุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งดินฟ้าอากาศ ซึ่งผมมักจะติดตามผ่านทางเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ที่เรียกว่าทวิตเตอร์เป็นประจำ

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2554 นี้ หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร คุณจุลภัทร แสงจันทร์ ประกาศให้ 3 อำเภอในจังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก็ทำเอาคนในตลาดมหาชัยแตกตื่นเป็นพิเศษ ถึงขนาดช่วงหนึ่งบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในตลาดมหาชัยเป็นไปอย่างเงียบเหงา ทั้งๆ ที่ช่วงเวลานั้นสมุทรสาครน้ำยังไม่ท่วม และมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลมาถึงเพียงแค่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ก็ได้รับคำชี้แจงมาว่า ที่ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินออกไปเพื่อให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำงบประมาณออกมาใช้บริหารจัดการน้ำและป้องกันเหตุอุทกภัยพื้นที่ได้ก่อน คิดเป็นตัวเลขราว 100 ล้านบาท แม้ผมจะติดใจแต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ ขณะเดียวกัน การจะตรวจสอบสภาพอากาศและระดับน้ำ ถ้าไม่อยากโทรศัพท์ให้เสียเวลา เว็บไซต์จังหวัดสมุทรสาครทำได้เพียงแปะลิ้งค์เว็บไซต์ให้ไปตรวจสอบกันแบบตามมีตามเกิดเอาเอง

เว็บไซต์สาครออนไลน์ซึ่งผมเป็นผู้ก่อตั้ง ต้องใช้วิธีเปิดพื้นที่รายงานพิเศษภายใต้ชื่อ สมุทรสาครร่วมใจ สู้ภัยน้ำท่วม เพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์มีส่วนร่วมในการแจ้งข่าวสาร บอกกล่าวถึงสภาพอากาศ ปริมาณฝนที่ตก รวมทั้งเฝ้าระวังน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์อีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเฟซบุ้ค แต่ข้อมูลที่นำเสนอก็ต้องหามาแบบตามมีตามเกิด โดยเฉพาะข้อมูลจากกรุงเทพมหานครและนครปฐมซึ่งทำอย่างเป็นระบบมากกว่า และตรวจสอบได้แบบทันเหตุการณ์

แต่ถ้าจะพูดถึงว่าสภาพอากาศและระดับน้ำในสมุทรสาครแบบเจาะลึกเป็นอย่างไรบ้าง แม้เราจะได้ข้อมูลที่ครอบคลุมถึงบ้านเราอย่างเรดาร์ตรวจอากาศของกรุงเทพมหานคร ที่สามารถตรวจสอบทันทีว่าตรงจุดไหนในจังหวัดที่พบกลุ่มเมฆและปริมาณน้ำฝน แต่สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนและคลองสาขา ประชาชนทั่วไปไม่มีใครรู้ นอกจากต้องรอประกาศเสียงตามสายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่บอกต่อกันอีกที ซึ่งระยะเวลากว่าจะเตรียมตัวก็ช้ามาก

ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เว็บไซต์โครงการชลประทานสมุทรสาคร ปรากฏว่าข้อมูลรายงานสถานการณ์น้ำประจำวันยังไม่ค่อยจะทันเหตุการณ์เท่าใดนัก บางวันที่ติดกับวันหยุดราชการก็ไม่มีข้อมูล นอกจากต้องรอวันจันทร์ถึงจะเผยแพร่ข้อมูลของเมื่อสามวันก่อนลงในเว็บไซต์ เรียกได้ว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ ไม่ใส่ใจในเรื่องสำคัญ เทียบกับโครงการชลประทานนครปฐมที่มีข้อมูลให้ตรวจสอบทุกวัน และยังมีเครื่องมืออย่างข้อมูลสถานีวัดน้ำและโทรมาตรขนาดเล็กอีกด้วย

อีกอย่างหนึ่งก็คือ เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ในเมื่อจังหวัดสมุทรสาครไม่มีสถานีอุตุนิยมวิทยาเลยแม้แต่แห่งเดียว เวลาจะบอกสภาพอากาศแต่ละทีบอกได้เพียงแค่อุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดเท่านั้น ขณะที่จังหวัดติดกันอย่างนครปฐมยังมีสถานีอุตุนิยมวิทยา ที่สามารถบอกข้อมูลตามจริงเป็นองศาเซลเซียส บอกถึงจุดน้ำค้าง ความชื้นสัมพัทธ์ ความเคลื่อนไหวลมและเมฆ ทัศนวิสัย ความกดอากาศ ฯลฯ คือมีข้อมูลให้ประชาชนรับรู้หมดทุกอย่าง

สารสนเทศด้านสภาพอากาศและระดับน้ำในจังหวัดสมุทรสาครยังมีปัญหาบกพร่องอีกมาก จำกัดอยู่เพียงแค่ส่งเรื่องในวงราชการเท่านั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องสร้างและปรับปรุงข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศในจังหวัด ให้ตรวจสอบข้อมูลเป็นปัจจุบันได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนและชุมชนรับมือกันได้ในทุกสถานการณ์

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง