ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554

หลังวิกฤตน้ำท่วมผ่านพ้นไป แม้ว่าทางตอนเหนือของจังหวัดสมุทรสาครจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครอ้อมน้อย ซึ่งมีน้ำท่วมขังยาวนานกว่า 1 เดือนเต็ม แต่ตัวเมืองสมุทรสาครไม่ได้รับผลกระทบ มีเพียงภาวะน้ำทะเลหนุนสูงที่เข้าท่วมตลาดมหาชัยเท่านั้น ความโชคดีที่ตัวเมืองมหาชัย และถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักที่ใช้สำหรับเข้า-ออกกรุงเทพฯ ไม่ได้จมอยู่ใต้บาดาล นอกจากเศรษฐกิจของจังหวัดโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมยังคงขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องแล้ว แน่นอนว่าทำเลย่านถนนพระราม 2 ก็เป็นที่จับตามองจากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโครงการหมู่บ้านจัดสรร และการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม

ย่านตำบลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นทางผ่านของถนนพระราม 2 เริ่มมีโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ขึ้นป้ายโฆษณาด้วยความมั่นใจว่า “น้ำไม่ท่วม” ซึ่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครมีอยู่ 3 โครงการที่ใช้คำโฆษณาโครงการทำนองนี้ ส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยมราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ถึง 13.8 ล้านบาท บางโครงการให้ส่วนลด 5 แสนบาทเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัย ซึ่งอีกนัยยะหนึ่งคือการจูงใจผู้ซื้อนั่นเอง

แม้ว่าลูกค้าส่วนหนึ่งมีความวิตกกังวล หลายคนที่ตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงเดือนสุดท้าย หรือต้นปีหน้าต้องชะลอออกไป เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและรอการฟื้นฟูหลังน้ำลด ซึ่งอาจมีความต้องการใช้เงินในยามที่จำเป็น แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าของบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมก็เริ่มขายทิ้งเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่หนีน้ำท่วม ทำให้เกิดภาวะบ้านมือสองล้นตลาดอีกด้วย จึงคาดว่าย่านถนนพระราม 2 น่าจะได้อานิสงส์ตรงนี้

สิ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่จะเลือกซื้อบ้านในย่านถนนพระราม 2 การเลือกที่อยู่อาศัยไม่ใช่ว่าจะต้องปลอดน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว แต่บ้านคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องอยู่คู่กับผู้อาศัยไปชั่วชีวิต ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย ไล่ตั้งแต่การเดินทาง เส้นทางคมนาคมสะดวกหรือไม่ สาธารณูปโภคและสาธารณูปการ อาทิ น้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ พื้นที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รถประจำทาง รวมไปถึงสถานบริการ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ฯลฯ

เรื่องผังเมืองก็เป็นสิ่งสำคัญ หากใครอ่านผังเมืองเป็น พื้นที่สีเหลือง หรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อยน่าจะดีที่สุด ส่วนพื้นที่สีม่วง หรือที่ดินประเภทอุตสาหกรรม และสีเม็ดมะปรางหรือที่ดินประเภทคลังสินค้าไม่แนะนำเพราะคงไม่มีใครชอบใจให้โรงงานมาอยู่หน้าหมู่บ้านแน่ๆ ส่วนพื้นที่สีเขียวลายหรือพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม แม้จะมองว่าเงียบสงบแต่มักเป็นที่ลุ่มหรือทางผ่านของน้ำ มีโอกาสสูงที่จะถูกน้ำท่วม

ถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ และสมุทรสาครก็ใช่ว่าจะราบรื่น ทุกวันนี้มีการก่อสร้างจำนวนมาก อาทิ สะพานข้ามทางรถไฟ กม.18-19 หรือจะเป็นจุดคอขวดบริเวณหน่วยบริการทางหลวงเอกชัย (หน้ามหาชัยเมืองใหม่) และมักจะมีปัญหาการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน ที่ใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน และด่านเก็บค่าผ่านทางดาวคะนอง ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีแผนจะก่อสร้างทางด่วนดาวคะนอง-สมุทรสาครอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังต้องลุ้นเอาว่าโครงการที่เราอาศัยอยู่นั้น อยู่ในแนวเวนคืนที่ดินหรือไม่ เพราะย่านถนนพระราม 2 ใกล้กับโครงการทางหลวงสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครรอบที่ 3 ซึ่งแม้มีการคาดการณ์ว่าจะเริ่มก่อสร้างเฉพาะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ และเปิดใช้ในปี 2560 แต่หากเวลาผ่านไปมีการก่อสร้างฝั่งตะวันตกซึ่งจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จในอีก 5 ปีถัดไป และฝั่งทิศใต้ซึ่งโอกาสเป็นไปได้น้อยมากจากผลการศึกษาที่พบว่าไม่คุ้ม แต่ก็ยังประมาทไม่ได้

ใครที่ตกลงปลงใจเลือกซื้อบ้านย่านถนนพระราม 2 โดยเฉพาะในพื้นที่สมุทรสาครไปแล้ว ขอให้โชคดีนะครับ

(อ่านคอลัมน์วงเวียนน้ำพุย้อนหลัง และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.sakhononline.com คลิกที่ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เลือก วงเวียนน้ำพุ)