“สมุทรสาคร” จะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน?
ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555
พักนี้จังหวัดสมุทรสาครบ้านเรามักมีเรื่องราวเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันบ่อยครั้ง แต่เกือบทั้งหมดกลับไม่ใช่ข่าวดีในสายตาผู้อ่าน นอกเหนือไปจากข่าวลักจี้ชิงปล้น ข่าวพม่าครองเมือง ข่าวความขัดแย้งถึงขั้นปิดถนน หรือข่าวกะโหลกกะลาประเภทเด็กฟ้องครูอังคณาแล้ว ข่าวฆ่ากันตายก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง ยิ่งเดี๋ยวนี้แม้แต่ใจกลางเมือง เวลากลางวันแสกๆ คนร้ายก็ยังอุตส่าห์ก่อเหตุยิงกัน ฆ่ากันให้ตายอย่างอำมหิต ไม่ละอายแก่ใจ ไม่สนใจประชาชนที่ผ่านไปมา
ผมอ่านข่าวคดีฆ่ากันตาย ไล่ตั้งแต่ยิงแกนนำต่อต้านถ่านหิน ยิง ส.อบต.เพราะทะเลาะกันในวงเหล้า ยิงลูกชายตระกูลดังที่เป็นนายก อบจ.สมุทรสาคร ยิงคนขับรถบรรทุกถ่านหินที่ทำถนนพัง ยิงคนขับรถสองแถวเพราะไม่พอใจเรื่องจัดคิวไม่ลงตัว มาถึงข่าวยิงมือชี้เป้าแกนนำต่อต้านถ่านหินแล้ว ก็ได้แต่สลดหดหู่เกือบทุกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคาใจผู้เขียนอยู่ทุกครั้งก็คือ เดี๋ยวนี้คนสมุทรสาคร เอะอะมีเรื่องถึงกับต้องใช้ปืนยิงกัน ชนิดที่ว่ากลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันไปแล้วหรือ
ที่ผ่านมาสมุทรสาครบ้านเราก็อยู่กันอย่างสงบเรียบร้อยดี ต่างคนต่างก็มีอาชีพทำมาค้าขาย ส่วนชนชั้นกลางไปถึงรากหญ้าก็รับจ้างตามโรงงาน หรือเป็นเกษตรกรตามเรือกสวนไร่นา จะมีข่าวฆ่ากันตายก็เกิดขึ้นนานๆ ครั้ง และส่วนใหญ่เป็นเรื่องขัดแย้งกันเอง แต่พอเกิดคดียิงแกนนำต่อต้านถ่านหิน มาถึงคดียิงนายก อบจ.สมุทรสาคร แล้วผู้ถูกกล่าวหากลายเป็น ส.ส.ในพื้นที่ราวกับศึกสายเลือด ค่านิยมไม่พอใจอะไรเอาปืนไปฆ่ามันแทบเป็นเรื่องธรรมดาของคนจังหวัดนี้
ในความรู้สึกส่วนตัว ก่อนหน้านี้เคยไปพักแรมในจังหวัดหนึ่งซึ่งเป็นถิ่นผู้มีอิทธิพล แล้วมีคดีฆ่ากันตายบ่อยครั้ง พบว่าวัยรุ่นที่นั่นป่าเถื่อนจริงๆ เวลาใช้ชีวิตตอนกลางคืน รวมทั้งเวลานั่งรถก็ต้องระวัง ซึ่งก็เคยคิดไปว่าบ้านอยู่สมุทรสาคร ยังโชคดีที่ไม่เป็นแบบนี้ แต่พอมาวันนี้ที่บ้านเราเกิดเรื่องฆ่ากันตายออกสื่อบ่อยครั้ง ทำเอาความเชื่อในอดีตที่ผ่านมาสั่นคลอนแล้วเปลี่ยนไป คิดไปว่าถ้าวันนี้สมุทรสาครยังเป็นแบบนี้ แล้วเราจะอยู่กันยังไงถึงจะอยู่รอดปลอดภัย
ผมตั้งประเด็นในเฟซบุ๊กเอาไว้ว่า คนมหาชัยจะอยู่อย่างไรเมื่อมีเหตุยิงกันกลางเมือง ก็มีเสียงสะท้อนออกมามากมาย บางคนบอกว่าที่นี่ยิงกันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ยิ่งหน้าผับยิงกันบ่อยจะตาย บ้างก็บอกว่า ตำรวจมหาชัยจับแต่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อก น่าจะเอาเวลามาดูแลประชาชน และเรื่องพกพาอาวุธ นักเลงจะได้ใจเย็นๆ กันบ้าง บ้างก็บอกว่า สงสัยต้องเตรียมปืนไว้ยิงกับเขาแล้วมั้ง บางคนถึงกับภาวนาว่า ขอไม่ให้มันยิงผิดตัวมาหาเราก็แล้วกัน (ฮา)
ความเห็นหนึ่งกล่าวว่าตนก็กลัว วันดีคืนดีจะโดนลูกหลงเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ก่อนอื่นผู้นำการปกครองต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ใช้ความรู้ความสามารถมาปกครองบ้านเมือง ให้ความรู้ให้การศึกษาประชาชน เพื่อยกระดับชีวิตคนให้สูงขึ้น และจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวด้วย เพราะเดี๋ยวนี้มีเยอะและน่ากลัว อีกความเห็นหนึ่งมองว่า ต้องขึ้นอยู่ผู้บริหารท้องถิ่น จังหวัดและผู้ที่รักษากฎหมายร่วมมือกัน เช่น ท้องถิ่นก็ต้องมีกล้องวงจรปิดในสมุทรสาครเยอะๆ เพื่อเวลามีเหตุการณ์จะได้รู้เหมือนที่อื่นๆ และตำรวจก็ต้องรักษามาตรฐานของกฎหมายให้ได้ คนที่ก่อเหตุร้ายคงต้องคิดหนัก
ส่วนอีกความเห็นหนึ่งก็มองว่า จริงๆ เราก็รู้กันอยู่ว่าใครเป็นต้นเหตุ ส่วนหนึ่งน่าจะติดขัดข้อกฎหมายทำให้ ตำรวจทำงานไม่เต็มที่อย่างใจเราต้องการ หรืออาจจะเป็นด้วยเรื่องอื่นที่คิดกันไปเอง แต่เชื่อว่าถ้าตำรวจคิดจะทำจริงจัง จะไม่เกิดเหตุบานปลายแบบนี้แน่ ถึงกระนั้นยังมีความเห็นออกมาแสดงความรู้สึกในทำนองว่า ความปลอดภัยในชีวิตลดลงมาก ทุกวันนี้จะทำอะไรก็ต้องเสี่ยง ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เหมือนชีวิตไม่มีค่า บางความเห็นบอกกับเราว่า ก็ต้องอยู่ให้ได้เพราะที่นี่เป็นบ้านเรา ขนาดผู้รักษากฎหมายที่ยังนิ่งดูดายเขายังอยู่ได้ ประชาชนตาดำๆ ก็คงต้องทนอยู่ได้เช่นกัน
เสียงสะท้อนเล็กๆ เหล่านี้ หากได้คิดกันให้ลึกๆ แล้ว เชื่อว่าทุกคนย่อมตระหนักดีว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา และเห็นควรที่จะยับยั้งความรุนแรง หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่รู้ว่าใครจะออกมาช่วยกันทำให้บ้านเราหลุดพ้นจากวิกฤตนองเลือดแบบนี้ เพราะเห็นการจัดระเบียบสังคมที่หย่อนยานของจังหวัดนี้แล้ว ก็นึกไม่ออกจริงๆ…