การเมืองเรื่องน้ำท่วม (อีกครั้ง)

ตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เสียงสาคร ฉบับประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555

แม้ในปีนี้สมุทรสาครบ้านเราน้ำยังไม่ท่วมแบบจมบาดาลมากนัก แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องหลายวัน รวมทั้งผลจากน้ำทะเลหนุน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เมื่อระบายลงสู่คลองสาธารณะไม่ทัน ประกอบกับฝนตกหนักซ้ำซ้อน ก็กลายเป็นว่าเราก็ต้องอยู่กับน้ำที่ท่วมขังตั้งแต่ถนนหนทาง กระทั่งเข้าไปในบ้านเรือนที่อยู่ระดับถนน ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คงรอจนกว่าฟ้าจะเป็นใจไม่มีฝนตกซ้ำ จึงระบายน้ำลงสู่คลองต่อเนื่องไปถึงแม่น้ำและทะเล เพื่อให้พื้นที่น้ำท่วมขังกลับสู่สภาพปกติ

กล่าวกันเฉพาะบ้านของผู้เขียน ละแวกวัดบางปิ้ง ต.นาดี อ.เมืองฯ นับตั้งแต่อยู่มากว่า 15 ปี เกิดน้ำท่วมครั้งแรกเมื่อปี 2553 ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันกว่า 8 ชั่วโมง ท่วมขังประมาณต้นขานานกว่า 1 สัปดาห์ก่อนที่ระดับน้ำจะลดลงกลับมาเป็นปกติ แม้ในปี 2554 จะรอดพ้นจากมหาอุทกภัยอย่างหวุดหวิด เพราะมวลน้ำหยุดอยู่แค่ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน แต่ในปี 2555 ฝนที่ตกหนักแทบทุกวัน รวมทั้งท่อระบายน้ำระบายไม่ทัน ที่บ้านก็กลับมาน้ำท่วมอีกครั้ง

ปัญหาก็คือที่ผ่านมาพื้นที่ละแวกนี้เป็นแอ่งกระทะ รับน้ำจากพื้นที่ต่างๆ มารวมกัน เมื่อคลองมีความกว้างเล็กลงเนื่องจากถนนเลียบคลองถูกขยาย และมีสภาพตื้นเขิน ทำให้พื้นที่ชุมชนริมคลองกว่า 200-300 หลังคาเรือน กลายเป็นพื้นที่รับน้ำไปโดยปริยาย ต้นตอที่แท้จริง คือเครื่องสูบน้ำบริเวณปลายคลองซึ่งผ่านชุมชนไปสู่คลองสาขาขนาดใหญ่ ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน กลับใช้เครื่องสูบน้ำที่สูบโดยใช้ไฟฟ้า ความแรงเทียบกันไม่ได้กับเครื่องสูบน้ำที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล

สอบถามเทศบาลก็อ้างว่า เคยนำเครื่องสูบน้ำมาสูบ แต่ชาวบ้าน 2-3 หลังบริเวณปลายคลองอ้างว่าเสียงดังหนวกหู ซึ่งในความเป็นจริงหากสูบเป็นเวลาก็ไม่มีปัญหา ท้ายที่สุดที่บ้านต้องโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือคุณอุดม ไกรวัฒนุสสรณ์ หรือปลัดแต รองนายก อบจ.สมุทรสาคร ประสานงานสูบน้ำให้ กระทั่งน้ำลดเป็นปกติ แต่ปัญหาคือฝนตกลงมาอย่างหนักอีกครั้ง ทำให้น้ำกลับมาท่วมเป็นระลอกที่สอง เหมือนถูกปล่อยให้จมน้ำหลายวันกว่าน้ำจะลดเป็นปกติ

น้ำท่วมคราวนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า คนที่ทำหน้าที่ตามที่ประชาชนเลือกเข้ามากลับไม่ทำอะไรเลย ท้ายที่สุดคนที่ต้องมาแก้ปัญหานี้ก็คือ อบจ.สมุทรสาคร แทนที่จะเป็นท้องถิ่น อีกด้านหนึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ปรากฏว่าพอผลการเลือกตั้งออกมาเท่านั้นแหละ ชุมชนละแวกริมคลองยันบ้านของผู้เขียนก็น้ำท่วมอีกครั้ง ใครบางคนก็คงจะสั่งสอนด้วยการลอยแพชาวบ้าน ปล่อยให้น้ำท่วมเพียงเพราะไม่ใช่ฐานเสียงของพวกเขา

นอกจากนี้ ผู้เขียนดูข่าวในเคเบิ้ลทีวี ปรากฏว่าบริเวณชุมชนสุสานน่ำเก๊ก ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อของสามตำบล คือ ต.มหาชัย ต.ท่าทราย และ ต.นาดี เกิดน้ำท่วมเข้าไปในชุมชน ลึกเข้าไปในสุสาน ทราบมาว่าต่างฝ่ายต่างปัดความรับผิดชอบ ท้ายที่สุดผมเห็น อบจ.สมุทรสาคร นำเครื่องจักรพร้อมเจ้าหน้าที่ขุดลอกลำรางสาธารณะบริเวณรอบสุสานเพื่อเร่งระบายน้ำ รวมทั้งภายหลังยังนำรถแบ็คโฮเข้ามาขุดลอกเกาะกลางถนนพระราม 2 และติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้อีกด้วย

มีความเห็นน่าสนใจในประเด็นที่ว่า คิดอย่างไรที่นักการเมืองบางคนพยายามนำความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยใช้ประชาชนที่จมอยู่กับน้ำท่วมขังเป็นตัวประกัน บ้างก็มองว่าทุกท้องที่ใครมีอำนาจก็ต้องช่วยฐานเสียงตัวเองก่อน ส่วนคนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือก็มีช่องทางร้องเรียน หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ยื่นเรื่องตรวจสอบได้

บางความเห็นก็เห็นว่า ต้องมองที่ความรับผิดชอบ ความตั้งใจที่จะทำงานอย่างแท้จริง หากมีคนเข้ามารับใช้ประชาชนอย่างจริงใจ ฝนตกทีไรมหาชัยน้ำไม่ท่วม แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้กี่สมัย ใครมาทำก็ท่วม ซึ่งก็ท่วมจุดเดิม และมีไม่กี่จุด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้กัน สรุปว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคลที่มีจิตสำนึกที่ดีมากกว่า หรืออีกความเห็นหนึ่ง ถ้านักการเมืองมีจิตสำนึกสาธารณะที่จะรับใช้ประชาชนตามที่กล่าวอ้างตอนหาเสียงเเล้วก็ทำงานได้ดีหมด แต่หากขาดซึ่งสิ่งนี้เเล้วก็ยาก

บทสรุปจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อนักการเมืองคิดแต่เรื่องการเมืองเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเอง คนที่เดือดร้อนที่สุดคือประชาชน น่าคิดว่าสมควรที่จะเข้ามาทำงานให้คุ้มภาษีที่จ่ายต่อไปอีกหรือไม่?



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง