ออมสินนำร่องสมุทรสาคร ร่วมกับ กทม.และปริมณฑล ให้กู้สินเชื่อที่ดิน “มีที่ มีเงิน”

ธนาคารออมสินเผยคืบหน้าเปิดบริษัทลูก “มีที่ มีเงิน” ให้กู้สินเชื่อที่ดิน รับจำนอง-ขายฝาก วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท มุ่งช่วยเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี นำร่อง 5 จังหวัด กทม. ปริมณฑลและสมุทรสาคร มุ่งลดโครงสร้างดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นธรรม อีกด้านเปิดให้กู้สินเชื่อ MyMo – My Credit ผ่านแอปฯ ดอกเบี้ยต่ำ 1.25% ต่อเดือน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ประกาศร่วมทุนจัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด กับบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าไปแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดิน ขายฝาก มุ่งลดโครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริง ให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากเงินกู้ที่มีต้นทุนถูกลงด้วยอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรมนั้น

โดยความคืบหน้าขณะนี้จนถึงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงของการทดสอบระบบและความพร้อมต่าง ๆ จากนั้นจะนำร่องเปิดให้บริการ สินเชื่อที่ดิน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการสินเชื่อดังกล่าวตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2565 เป็นต้นไป โดยมีสาขาของธนาคารออมสินเป็นหลัก ในการให้บริการ ทั้งนี้ จะมีการเปิดตัวผู้บริหาร และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้

สินเชื่อที่ดิน มีเป้าหมายช่วยเหลือธุรกิจ SMEs โดยเปิดรับจำนองที่ดิน และขายฝาก รีไฟแนนซ์ ให้กู้ได้ ทั้งบุคคลธรรมดา วงเงินกู้ 300,000 บาท ถึง 10 ล้านบาท และนิติบุคคล วงเงินกู้ตั้งแต่ 300,000 บาท จนถึง 50 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ คิดอัตราดอกเบี้ย 6.99-8.99% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี โดยให้ปลอดชำระเงินต้นนาน 1 ปี ที่สำคัญคือ ไม่ตรวจเครดิตบูโร ไม่ตรวจสอบรายได้ และไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกันเงินกู้

อนึ่ง ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จจากการเปิดให้บริการสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ในช่วงปี 2563-2565 ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจทั่วไป ด้วยวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 21,000 ล้านบาท จนนำไปสู่การจัดตั้ง บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อที่ดิน ในการช่วยลดภาระ และเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ หรือ SMEs เชื่อว่าด้วยจุดแข็งของเครือข่ายสาขาของทั้งธนาคารออมสิน บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จะสามารถปล่อยสินเชื่อที่ดิน และช่วยประชาชนกลุ่มธุรกิจ SMEs ได้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป

  • เปิดให้กู้สินเชื่อ MyMo – My Credit ดอกเบี้ยต่ำ 1.25% ต่อเดือน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ยังเปิดเผยว่าอีกว่า ปัจจุบันคนฐานรากยังขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้ต้องหันไปพึ่งการกู้นอกระบบ กลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ธนาคารออมสินได้เดินหน้าทำธุรกิจบนหลักการเพื่อช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดธนาคารเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อ MyMo – My Credit แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งที่เป็นแรงงานนอกระบบ และมนุษย์เงินเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ และอนุมัติเร็วผ่านแอป ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนได้ โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 100,000 ราย ด้วยวงเงินปล่อยกู้ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 1,000 – 2,000 ล้านบาท และจะขยายต่อไป

สินเชื่อ MyMo MyCredit มีจุดเด่นคือลูกค้าธนาคารออมสินสามารถยื่นสมัครขอสินเชื่อผ่านแอป MyMo ได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ และไม่ต้องใช้หลักประกันในการกู้ เพียงกรอกเลขที่และข้อมูลบัตรประชาชน และธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อ โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้า (Financial Transaction) มาประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ แทนการวิเคราะห์รายได้ เรียกว่า Alternative Credit Score ซึ่งหากลูกค้าผ่านเกณฑ์การพิจารณาก็จะสามารถสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีให้กับตัวเอง ที่เรียกว่า My Credit โดยลูกค้าสามารถทำสัญญาเงินกู้บนแอป MyMo และรับเงินโอนเข้าบัญชีโดยตรง จากนั้นการจ่ายเงินงวดทำได้โดยธนาคารจะหักจากบัญชีเงินฝากเมื่อครบกำหนดชำระในแต่ละงวดโดยอัตโนมัติ เป็นการอนุมัติสินเชื่อผ่านแอป (Digital Lending) ตลอดทั้งกระบวนการ โดยลูกค้าไม่ต้องไปติดต่อธนาคาร ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถขอกู้ได้รายละ 10,000 – 30,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.25% ต่อเดือน

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนเตรียมตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้าทำธุรกิจ Non Bank เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปล่อยสินเชื่อเร่งด่วนสำหรับลูกค้าบุคคล ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธุรกิจ Non Bank รายอื่น เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจ Non Bank กับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ราวปลายปี 2566

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *