พบสมุทรสาครยอดขายอาคารชุดพุ่ง 80% – เหลือ “ทาวน์เฮ้าส์” มากสุด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยปี 2560 ยอดขายอสังหาริมทรัพย์สมุทรสาคร ขายได้ 59% พบส่วนใหญ่เป็นอาคารชุดพุ่ง 80% ขณะที่ทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท เหลือขายมากที่สุด แต่น้อยกว่าลำลูกกา ธัญบุรี บางใหญ่ บางบัวทอง

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายล่าสุด ณ สิ้นปี 2560 นับเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยต่อโครงการ พบว่า มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 1,584 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 458,943 หน่วย และมูลค่าโครงการรวม 1,764,603 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอุปทานเหลือขาย 142,860 หน่วย มูลค่ารวม 549,807 ล้านบาท

ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 1,135 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 212,997 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 208,237 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 916,112 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย จำนวน 80,449 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 56.3% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 340,302 ล้านบาท

ส่วนโครงการอาคารชุด มี 449 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 245,946 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 242,852 หน่วย อยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุด 50.5% รองลงมาอยู่ในนนทบุรี 17.4% มูลค่าโครงการรวม 848,491 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย จำนวน 62,441 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 43.7% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 209,504 ล้านบาท

“พบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่ในปี 2560 จำนวน 396 โครงการ 101,422 หน่วย คิดเป็น 22.1% ของหน่วยในผังทั้งหมดที่เสนอขายอยู่ ณ ปัจจุบัน โดยมีมูลค่าโครงการที่เปิดขายในปี 2560 รวม 408,084 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านจัดสรร 272 โครงการ จำนวน 40,841 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 166,044 ล้านบาท และอาคารชุด 124 โครงการ จำนวน 60,581 หน่วย มีมูลค่าโครงการ 242,040 ล้านบาท” นายวิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายละในด้านประเภทและราคาขายโครงการ พบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑลมีหน่วยขายได้สะสม ณ สิ้นปี 2560 รวม 316,083 หน่วย หรือ 68.9% มีมูลค่าโครงการขายได้รวม 1,214,796 ล้านบาท โดยประเภทโครงการอาคารชุดมีสัดส่วนขายได้มากที่สุด 74.6%

ทั้งนี้ ในแต่ละพื้นที่มีประเภทที่อยู่อาศัยขายได้สูงสุดต่างกัน กล่าวคือ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขายได้ 75.8% และอาคารชุดขายได้มากที่สุดร้อยละ 77.8% จากทั้งหมด 169,105 หน่วย จ.นนทบุรีขายได้ 64.4% และอาคารชุดได้มากที่สุด 67.8% จากทั้งหมด 35,411 หน่วย

ขณะที่ จ.ปทุมธานีขายได้ 58.6% โดยอาคารพาณิชย์ขายได้มากที่สุด 75.4% จากทั้งหมด 2,281 หน่วย จ.สมุทรปราการ ขายได้ 62.7% ที่ดินเปล่าขายได้มากที่สุด 83.5% จากทั้งหมด 164 แปลง จ.สมุทรสาครขายได้ 59.0% อาคารชุดขายได้มากที่สุด 80% จากทั้งหมด 1,556 หน่วย และ จ.นครปฐมขายได้ 58.8% และอาคารชุดขายได้มากที่สุด 70.8% จากทั้งหมด 3,869 หน่วย

สำหรับภาพรวมโครงการเหลือขายพบว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีสัดส่วนที่อยู่อาศัยเหลือขาย 31.1% มีมูลค่าเหลือขาย 549,807 ล้านบาท ในประเภทบ้านจัดสรร ณ สิ้นปี 2560 ทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนเหลือขายมากที่สุด 53.6% โดยส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว เหลือขาย 31.5% โดยส่วนใหญ่เหลือขายอยู่ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท บ้านแฝดเหลือขาย 10.3% โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด อาคารพาณิชย์พักอาศัยเหลือขาย 4.3% โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด และที่ดินเปล่าเหลือขาย 0.2% โดยเหลือขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด

ทำเลของโครงการบ้านจัดสรรที่เหลือขาย มากที่สุด 5 อันดับแรก ณ สิ้นปี 2560 ได้แก่ 1. ลำลูกกา – คลองหลวง – ธัญบุรี – หนองเสือ จ.ปทุมธานี 2. จ.สมุทรปราการ 3. บางกรวย – บางใหญ่ – บางบัวทอง – ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เปิดให้บริการแล้ว 4. จ.สมุทรสาคร และ 5. มีนบุรี – หนองจอก – คลองสามวา – ลาดกระบัง กทม. โดยทั้ง 5 ทำเลนี้เหลือขายเป็นประเภททาวน์เฮ้าส์ ในระดับราคา 2.01 -3.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด ยกเว้นทำเลสมุทรปราการ เหลือขายประเภททาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 1.51 – 2.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด

ในประเภทโครงการอาคารชุด พบว่า ณ สิ้นปี 2560 ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนเหลือขายมากที่สุด 66.2% โดยส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็นห้องชุดแบบสตูดิโอ เหลือขาย 22.1% ซึ่งส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคา 1.01 – 1.50 ล้านบาทมากที่สุด ส่วนประเภทห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน มีสัดส่วนเหลือขาย 10.7% ซึ่งส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาทมากที่สุด และห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปเหลือขาย 0.9% ซึ่งส่วนใหญ่เหลือขายในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปมากที่สุด

ทำเลของโครงการอาคารชุดที่เหลือขาย มากที่สุด 5 อันดับแรก ณ สิ้นปี 2560 ได้แก่ 1. จ.นนทบุรี 2. ฝั่งธนบุรี ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตากสิน – บางหว้าที่เปิดให้บริการแล้ว 3. จ.สมุทรปราการ 4. ห้วยขวาง – จตุจักร – ดินแดง กทม. และ 5. จ.ปทุมธานี โดยทำเล จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ เหลือขายเป็นประเภท 1 ห้องนอน ในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด ส่วนทำเลฝั่งธนบุรี และ ห้วยขวาง – จตุจักร – ดินแดง เหลือขายเป็นประเภท 1 ห้องนอน ในระดับราคาที่สูงกว่าทำเลอื่น คือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ในสัดส่วนมากที่สุด และทำเลจ.ปทุมธานี เหลือขายประเภทสตูดิโอ ในระดับราคาน้อยกว่า 1 ล้านบาทมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ประมาณการอุปทานเหลือขายที่อยู่อาศัยในตลาด กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ปี 2561 โดยคาดว่าจะมีจำนวนหน่วยประมาณ 145,099 หน่วย ประกอบด้วยแนวราบมีประมาณ 80,490 หน่วย คิดเป็น 55.5% และ อาคารชุดมีประมาณ 64,609 หน่วย คิดเป็น 45.5% โดยประมาณการว่าหน่วยที่เหลือขายมากที่สุด คือ อาคารชุด 44.5% รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 32.4% บ้านเดี่ยว 16.0% ที่เหลือเป็น บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *