ทุ่ม 3 พันล้าน! “ไทยยูเนี่ยน” จับมือ “กรีนพีซ” ปฏิรูปประมง-เผยใช้ต่างด้าวแค่ 30%

“ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” จับมือ “กลุ่มกรีนพีซ” นำปฏิรูปทำประมง ลดจับปลาแบบซั้งให้ได้ 50% ในปี 2563 พร้อมระงับใช้วิธีขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำกลางทะเล จัดผู้สังเกตการณ์อิสระติดตามเรือประมง เพิ่มระบบติดตามแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ หวังเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในฐานะผู้นำ แย้มทุ่ม 3 พันล้านซื้อความมั่นใจประมงยั่งยืน 100% “ธีรพงศ์” แจงไม่กระทบ พ.ร.ก.ต่างด้าว เพราะทำถูกกฎหมาย อีกทั้งใช้ต่างด้าวแค่ 30%

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับกลุ่มกรีนพีซ ให้คำมั่นต่อการดำเนินการเพื่อจัดการกับการทำประมงผิดกฎหมาย และการทำประมงที่มากเกินไป รวมทั้งมุ่งยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานหลายแสนคนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของบริษัท สำหรับแนวทางของไทยยูเนี่ยน คือ การลดจำนวนของเครื่องมือการทำประมงประเภทซั้ง (อุปกรณ์ลอยน้ำที่ล่อปลาให้เข้าไปอยู่) โดยตั้งเป้าลดให้ได้โดยเฉลี่ย 50% ภายในปี 2563 และเพิ่มจำนวนปลาที่ได้รับการรับรองการทำประมงโดยปราศจากเครื่องมือประเภทซั้ง ในตลาดต่างๆ ทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการทำประมงด้วยซั้ง อาจนำไปสู่การจับสัตว์น้ำอื่นๆ ติดมาด้วย เช่น ปลาฉลาม เต่า และปลาทูน่าที่ยังไม่โต

ขณะเดียวกัน ยังมีการยืดระยะเวลาระงับใช้วิธีขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำกลางทะเล (Trans Shipping) ของไทยยูเนี่ยนและซัพพลายเออร์ของบริษัท ซึ่งเป็นวิธีการที่เรือประมงขนาดยักษ์ใช้กันอยู่ โดยให้เรือห้องเย็นแล่นไปรับกลางทะเล ทำให้เรือประมงสามารถทำประมงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหลายเดือน หรือหลายปีในการออกทะเลหนึ่งครั้ง ซึ่งเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การใช้แรงงานเยี่ยงทาส การซุกซ่อนสัตว์น้ำที่จับอย่างผิดกฎหมาย

อีกทั้งยังการมีผู้สังเกตการณ์อิสระติดตามบนเรือประมงเบ็ดราวที่มีการขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำกลางทะเลทุกลำ เพื่อตรวจสอบและรายงานหากมีการกดขี่แรงงาน และต้องแน่ใจว่า มีผู้สังเกตการณ์หรือเครื่องมือติดตามบนเรือเบ็ดราวในการทำประมงปลาทูน่าทั้งหมดว่ามีการจับจากแหล่งใด และการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านแรงงานที่ครอบคลุมให้กับเรือทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าแรงงานในทะเลได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและยุติธรรม รวมทั้งมีการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบอิสระจากภายนอก โดยมีการเปิดเผยผลการดำเนินงานและกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนเพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีการลดสัดส่วนการทำประมงปลาทูน่าด้วยวิธีเบ็ดราว โดยเปลี่ยนมาใช้วิธีเบ็ดตวัด หรือวิธีเบ็ดลากภายในปี 2560 และมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวดเพื่อลดการจับสัตว์น้ำพลอยได้ เพราะการทำประมงด้วยวิธีเบ็ดราวก่อให้เกิดความเสี่ยงในการได้สัตว์น้ำที่ไม่ใช่เป้าหมายของการจับติดมาด้วย อาทิ นกทะเล เต่า และปลาฉลาม รวมทั้งการใช้ระบบติดตามแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของปลาทูน่าและแสดงถึงวิธีการประมงที่ใช้

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนยินดีรับบทบาทการเป็นผู้นำ เพื่อเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกรีนพีซและไทยยูเนี่ยน เห็นชอบที่จะหารือทุก 6 เดือนเพื่อประเมินความคืบหน้าและการดำเนินงานของบริษัท และในปลายปี 2561 หน่วยงานอิสระจากภายนอกจะเข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าของการดำเนินการตามพันธสัญญาที่ให้ไว้

นายบันนี แมคดิอาร์มิด ผู้อำนวยการบริหารของกรีนพีซสากล กล่าวว่า ถ้าไทยยูเนี่ยนดำเนินการตามการปฏิรูปนี้ ย่อมจะสร้างแรงกดดันให้ผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมปฏิบัติตามในระดับเดียวกัน และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นอย่างมาก ถึงเวลาแล้วที่บริษัทอื่นๆ จะยกระดับและแสดงถึงความเป็นผู้นำเช่นเดียวกัน ไทยยูเนี่ยนได้ตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในการแก้ปัญหาการทำประมงแบบทำลายล้าง การกดขี่แรงงาน และการดำเนิน ธุรกิจอย่างไร้จริยธรรม นับเป็นวันที่ดีสำหรับคนนับแสนคนทั่วโลกที่ต้องการให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีการดำเนินการอย่างจริงจังในการขจัดปัญหาเหล่านี้

รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศแจ้งว่า ไทยยูเนี่ยนได้ใช้งบประมาณในครั้งนี้ราว 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3 พันล้านบาทเศษ ในแผนการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าปลาทูน่าที่บริษัทนำมาเป็นวัตถุดิบ จะมาจากแหล่งที่ทำการประมงแบบมยั่งยืน 100% โดยบริษัทฯ สัญญาว่าจะทำเช่นนี้ให้ได้อย่างน้อย 75% ภายในปี 2563 ก่อนหน้านี้ไทยยูเนี่ยนได้ขจัดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจัดหางานจากคนงานของบริษัทฯ เพื่อให้แรงงานไม่ให้ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อเอามาจ่ายให้นายหน้าจัดหางาน รวมทั้งไม่ให้แรงงานถูกขูดรีดหรือถูกล่วงละเมิด

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์มติชน รายงานเมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายธีรพงศ์ กล่าวแสดงความคิดเห็นในงานเดอะนิกเคอิ เอเชีย 300 โกลบอล บิซิเนส ฟอรั่ม ถึง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ที่เพิ่มโทษแก่นายจ้างและลูกจ้างด้วยค่าปรับที่สูงขึ้น ว่า ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะอุตสาหกรรมอาหารทะเลและประมงมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างถูกกฎหมายอยู่แล้ว ในส่วนของบริษัทฯ ใช้แรงงานต่างด้าว 30% ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งยอมรับว่ายังขาดแคลน แต่ก็มองว่าการจัดการแรงงานต่างด้าว เป็นนโยบายที่ดี ผู้เกี่ยวข้องต้องปรับตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย

สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *