‘ดี-แลนด์ฯ’ ปรับหมากรับมือเศรษฐกิจ กระจายพอร์ตลงทุนอสังหาฯ โซนตะวันออก

ดี-แลนด์ กรุ๊ป เผยปรับแผนกระจายลงทุนในทำเลศักยภาพโซนตะวันออก หลังภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีแรกยังไม่ฟื้นตัว พร้อมเดินหน้า “เดอะพราว พระราม 2-พันท้ายฯ” เฟส 2 และต่อยอด “พอร์โต้ ชิโน่”

นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ว่า นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจทั้งประเทศยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และยังมีปัจจัยลบหลักอย่างภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงคอยรบกวนอยู่

สำหรับภาพรวมของบริษัท 6 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า บริษัทฯ มียอดขายอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากในช่วงไตรมาสสองของปี 2559 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐในเรื่องค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจำนอง 0.1% แต่ในขณะที่ครึ่งแรกปี 2560 กลับได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน รวมทั้งความเข้มงวดและล่าช้าในการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยของธนาคาร ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาประเมินสถานการณ์โดยตลอดเพื่อให้สามารถตอบรับกำลังซื้อ และภาวะเศรษฐกิจได้ทัน

ในปีนี้บริษัทฯ ได้วางแผนธุรกิจแบบการกระจายการลงทุนในทำเลศักยภาพต่าง ๆ โดยแบ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกเป็นประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม ประมาณ 70% อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและการลงทุน (Product For Investment) อีกประมาณ 20% และอสังหาริมทรัพย์ประเภทเช่าที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อีก 10%

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก คือ การเริ่มกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่โซนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศอย่างโซนภาคตะวันออกให้มากขึ้น ประกอบด้วย โซนศรีราชา ที่ได้เริ่มเข้าไปตั้งแต่ปี 2558 โดยในต้นปีนี้ได้เปิดตัว “ดีคอมเพล็กซ์ ดีทาวน์ 3” โครงการทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์บนเนื้อที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 120 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูส ดีทาวน์-สวนเสือศรีราชา ซึ่งเป็น Product Innovation ใหม่ของบริษัทฯ

นอกจากนี้ ยังได้เริ่มขยายตลาดเข้าไปยัง จ.ระยอง ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ในชื่อ “บ้านดี เดอะวัลเล่ย์ ปลวกแดง” มูลค่าโครงการรวมประมาณ 681 ล้านบาท ชูจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่อยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ และมีการขยายเพื่อรองรับ EEC ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ในส่วนของทำเลเดิมในโซนพระราม 2-สมุทรสาคร ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้นำอยู่นั้น ก็จะมีการเดินหน้าพัฒนาโครงการ “The Proud พระราม 2-พันท้ายนรสิงห์” ในเฟสที่ 2 ในรูปแบบบ้านเดี่ยวสไตล์ใหม่ในราคาที่ใกล้เคียงบ้านแฝดที่อยู่ในทำเลเดียวกัน แต่ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ในราคาเริ่มต้นที่ 3.99 ล้านบาท รวมทั้งการขยับขยายการลงทุนไปยังพื้นที่โซนกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้มีการซื้อที่ดินที่ศรีราชา และโซนบางบัวทองเพิ่มเติม โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ คาดว่าทั้ง 2 แปลงนี้จะเริ่มเปิดตัวในช่วงไม่เกินไตรมาส 2 ของปี 2561

นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีแผนการต่อยอดไลฟ์สไตล์มอลล์ “พอร์โต้ ชิโน่” (Porto Chino) ไปยังพื้นที่อื่นที่มีศักยภาพ โดยตั้งเป้าจะเปิดตัวให้ทันในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็นรายได้ประจำเพื่อแตกไลน์ธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคง และยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 1,200 ล้าน และเป้ารายได้ที่ 1,000 ล้าน ซึ่งใกล้เคียงกับรายได้ในปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 900 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้ มองว่าปัจจัยบวกจะมาจากการที่รัฐบาลผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง รวมไปถึงตัวเลขการส่งออกที่เติบโตดีขึ้นในรอบหลาย ๆ ปี และการท่องเที่ยวที่ยังเป็นฟันเฟืองหลักที่สำคัญ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า การลงทุนของภาคเอกชนจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ส่วนปัจจัยลบยังคงเป็นภาระหนี้ครัวเรือน และความเข้มงวดของธนาคาร ซึ่งยังเป็นปัญหาหลักของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ท้าทายผู้ประกอบการที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อม และปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้ทันกับกฎหมายใหม่ ๆ ที่จะออกมาในอนาคต

สาครออนไลน์ โดย กองบรรณาธิการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *