เผยเรื่องราวประทับใจ “ในหลวง” ทรงตอบกลับจดหมายเด็กหญิง 6 ขวบ เมื่อ 10 ปีก่อน
ช่วงค่ำวันที่ 13 ตุลาคม 2559 สำนักพระราชวังได้ออกประกาศว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” สวรรคต บังเกิดความเศร้าโศกวิปโยคอาลัยแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความเศร้า แม้ในสื่อสังคมออนไลน์ ต่างมีผู้โพสต์กล่าวถวายความอาลัยเป็นจำนวนมากมายตลอดคืน
หนึ่งในนั้นคือผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Numkhing230143 ได้เผยรูปภาพของจดหมายจากสำนักราชเลขาธิการหนึ่งฉบับ พร้อมข้อความระบุว่า ตนเคยส่งจดหมายไปหาในหลวงตอนปี 2549 ตอนนั้นยังเด็กมาก แล้วพระองค์ท่านตอบกลับมา ตนเพิ่งจะ 6 ขวบเอง
สร้างความประทับใจแก่ผู้ได้พบเห็นโพสต์ดังกล่าว มีจำนวนผู้ถูกใจและรีทวีตนับหมื่นราย อีกทั้งผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายรายต่างกล่าวว่าเธอโชคดีมาก และขอให้เก็บรักษาจดหมายนี้ให้ดีที่สุด
เราเคยส่งจดหมายไปหาในหลวงตอน2549 ตอนนั้นยังเด็กมากๆแล้วท่านตอบกลับมา เราพึ่งจะ6ขวบเอง 🙏😭#LongLiveTheKing #เรารักในหลวง pic.twitter.com/6JkUXj3s6g
— นข (@Numkhing230143) October 13, 2016
เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 หลังจากงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ผ่านพ้นไปไม่นาน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้ารับการถวายการรักษาผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ระดับบั้นพระองค์ โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ ณ โรงพยาบาลศิริราช
ในห้วงเวลานั้น พสกนิกรชาวไทย ต่างรู้สึกเป็นห่วงพระอาการประชวรของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก
มีเด็กหญิงในวัย 6 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร ณ ขณะนั้น ได้เขียนจดหมายถวายพระพรด้วยลายมือ ขอให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว และมอบให้ผู้เป็นแม่นำจดหมายฉบับนั้นไปส่งให้
โดยหวังว่า ความรู้สึกห่วงใยและคำถวายพระพรของตนผ่านจดหมาย จะส่งไปถึงยังพระองค์ท่าน
จนกระทั่งไม่นาน สำนักราชเลขาธิการได้ส่งจดหมาย มีถ้อยคำจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงตอบกลับมา สร้างความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งแก่ครอบครัว
__________
ถึง เด็กหญิงชลลดา พุ่มอิ่ม
ตามที่ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของคณะแพทย์ เพื่อถวายการรักษา เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ นั้น
ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงขอบใจ
สำนักราชเลขาธิการ
๔ กันยายน ๒๕๔๙
__________
เช้าวันที่ 14 ตุลาคม “สาครออนไลน์” พร้อมคณะสื่อมวลชนใน จ.สมุทรสาคร ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านกานดา หมู่ 3 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวชลลดา พุ่มอิ่ม หรือ “น้องน้ำขิง” ผู้เขียนจดหมายถึงในหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน
“น้องน้ำขิง” ชลลดา พุ่มอิ่ม ผู้เขียนจดหมายถึงในหลวง
“น้องน้ำขิง” ปัจจุบันเธออายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จ.กาญจนบุรี ได้เล่าถึงความทรงจำอันปลาบปลื้มใจว่า เมื่อตอน 6 ขวบนั้น ตนเห็นในหลวงไม่สบาย ก็เลยอยากจะเขียนจดหมายถึงพระองค์ท่าน เพื่อขอให้พระองค์ท่านทรงหายจากอาการพระประชวร
ซึ่งทีแรกก็ไม่กล้าเขียน ด้วยความเป็นเด็กลายมือก็ไม่สวย ใช้คำราชาศัพท์ก็ไม่เป็น ก็เลยถามแม่ว่าอยากจะเขียนจดหมายหาในหลวง ลูกจะเขียนได้ไหม และต้องเขียนอย่างไร ใช้คำแบบไหน แม่ก็บอกว่าเขียนได้ โดยใช้คำธรรมดาสามัญแบบนี้แหละ ซึ่งตนก็รีบเขียนทันที
โดยมีเนื้อความเท่าที่จำได้คือ ขอให้ในหลวงทรงหายป่วยโดยเร็ว จากนั้นก็ขอให้แม่เอาไปส่งให้ จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ มีจดหมายตอบกลับมา ก็ดีใจเป็นอย่างมากและขอให้แม่เก็บรักษาจดหมายไว้ให้
ทุกครั้งที่ลงมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อมานอนค้างบ้านที่ จ.สมุทรสาคร ก็จะต้องหยิบเอาจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาอ่านเสมอ
น้องน้ำขิง ยังกล่าวอีกด้วยว่า ตนนั้นรักและเทิดทูนในหลวงเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ท่านไม่เหมือนพระราชาหรือพระมหากษัตริย์ที่ใดในโลกในความรู้สึกของตนนั้นพระองค์ท่านทรงเป็นบุคคลที่คนธรรมดาสามัญอย่างเราสามารถเข้าถึงได้ พระองค์ท่านทรงดูแลและห่วงใยประชาชนทุกคน
พระองค์ท่านทรงมีคำสอนที่ยิ่งใหญ่คือ ให้คนไทยดำเนินชีวิตแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งทุกวันนี้ ครอบครัวของน้องน้ำขิง ก็นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง มาปรับใช้กับอาชีพการทำเกษตรกรรมของครอบครัว
นิลุบล สุวัฒนมงคลชัย มารดาของน้องน้ำขิง
ทางด้าน นางสาวนิลุบล สุวัฒนมงคลชัย ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า ตั้งแต่น้องน้ำขิงจำความได้ ก็จะสอนให้น้องได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจของในหลวง สอนให้น้องได้รู้จักพระมหากษัตริย์ไทยแห่งราชวงศ์จักรีทั้ง 9 พระองค์
ซึ่งน้องน้ำขิง ก็จะมีนิสัยรักและเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด และมักจะถามหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวกับในหลวงเสมอมา พ่อกับแม่ก็จะคอยสอนและตอบคำถามในสิ่งที่ลูกอยากรู้
ส่วนในเรื่องของจดหมายที่ได้รับกลับมานี้ ก็เป็นที่สร้างความปลาบปลื้มใจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะทรงตอบกลับ
โดยหลังจากนี้ก็จะนำจดหมายใส่กรอบไว้ที่บ้าน เคียงข้างพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อไป
น้องน้ำขิงในวัยเด็ก
เรื่องราวแห่งความประทับใจนี้ นับเป็นหนึ่งในหลายล้านความทรงจำที่ชาวไทยทุกคนมีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยพระบารมีล้นเกล้าที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาอย่างยาวนาน
“สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้”
บทสัมภาษณ์และภาพโดย ณัฏฐนันท์ ศิริสันติวรกุล / เรียบเรียงโดย กิตติกร นาคทอง