‘ม้อ’สานฝันลูก-‘อัคคเดช’รีเทิร์น

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร แทนนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิตก่อนหน้านี้ จะมีการเปิดรับสมัครชิงตำแหน่งในวันที่ 16-20 ม.ค. และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 19 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ บิดานายอุดร กับนายอัคคเดช สุวรรณชัย อดีตนายก อบจ.สมุทรสาครเมื่อสามสมัยที่แล้ว

เมื่อกล่าวถึงนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ชาวสมุทรสาครพันธุ์แท้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เฮียม้อ” ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีต ส.ส.สมุทรสาคร 5 สมัย ในนามพรรคความหวังใหม่ และพรรคพลังประชาชน รวมทั้งได้รับเก้าอี้เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปะอาชา นอกจากนี้ในทางธุรกิจยังเป็นเจ้าของธุรกิจประมงชื่อ บริษัท มณฑลชัยห้องเย็น จำกัด ซึ่งปัจจุบันให้นายกิตติ และนางเง็กย้ง ไกรวัตนุสสรณ์ดูแลกิจการ โดยมีญาติพี่น้องในตระกูลถือหุ้นอยู่

นายมณฑลหรือเอียม้อ ลงสนามการเมืองเมื่อปี 2535 โดยมี “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ให้การสนับสนุน ต่อมาพรรคความหวังใหม่ถูกยุบไปรวมกับพรรคไทยรักไทย นายมณฑลส่งบุตรชายอย่าง “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.สมุทรสาครเมื่อปี 2538 ซึ่งมีฐานเสียงในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว ต่อมาได้ส่ง “ตุ่น” อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ บุตรชายคนโต ได้รับเลือกให้เป็นนายก อบจ.สมุทรสาครปี 2547 ก่อนที่จะส่งบุตรชายอีกคนอย่าง “ต่อ” อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ บุตรชายคนเล็ก ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 (อำเภอเมืองฯ) ปี 2548

บุตรสาวอย่าง น.ส.อุไร ไกรวัตนุสสรณ์ ดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.สมุทรสาคร ส่วน ร.ต.อ.หญิงสมพร ไกรวัตนุสสรณ์ ปัจจุบันรับราชการเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อย่างไรก็ตามปี 2550 นายมณฑลได้รับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชนเพียงคนเดียว ล่าสุดปี 2554 เกิดปรากฏการณ์หักปากกาเซียนในพื้นที่เขต 3 (อ.บ้านแพ้ว) เมื่อนายมณฑลลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แพ้ให้กับนายนิติรัฐ สุนทรวร ผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนหน้านี้นายมณฑลเก็บตัวเงียบเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการหาเสียง และหวังให้ลูกชายอย่างนายอุดรลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นสมัยที่ 3 กระทั่งหลังการเสียชีวิตของนายอุดร มีการคาดการณ์กันว่าจะให้น้องสาวอย่าง น.ส.อุไรลงสมัคร แต่เมื่อคนในครอบครัวหารือกัน รวมทั้งพูดคุยกับที่ปรึกษาสมาชิกสภา อบจ. ในทีมของนายอุดร และประชาชนที่มาพูดคุยที่บ้าน มีความเห็นตรงกันว่า ควรให้นายมณฑลลงสมัครเลือกตั้งแทนตำแหน่งของนายอุดรที่ว่างลง

สำหรับนโยบายหลักๆ มันสมองจะอยู่ที่บุตรชายอย่างปลัดแต ซึ่งหลังพ้นโทษถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในวันที่ 31 พ.ค.นี้ จะลงมาช่วยสานฝันโครงการต่างๆ ที่พี่ชายริเริ่มเอาไว้ทั้งโครงการห้องสมุดมีชีวิต หรือ SK PARK, ครูอัตราจ้าง 200 อัตรา, การพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนบางหญ้าแพรกให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมทางด้านสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลน รวมทั้งการทำทีมฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟ.ซี.ก็ยังเดินหน้าโดยตั้งเป้าหมายเข้าไปสู่ฟุตบอลไทยแลนด์ดิวิชั่น 1 ให้ได้

สำหรับคู่ท้าชิงอย่างนายอัคคเดช สุวรรณชัย เคยเป็นนายก อบจ.สมุทรสาคร 1 สมัย ก่อนจะเสียตำแหน่งให้นายอุดรในการเลือกตั้งเมื่อ 14 มี.ค.2547 ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปอาหารทะเล และกิจการเดินรถบรรทุกขนส่งสินค้ารายใหญ่ภายใต้ชื่อบริษัท ยูพีทรานส์ จำกัด ร่วมกับนายพิสิฐ สุวรรณชัย และนายธงชัย พิมลไพบูลย์ นอกจากนี้ยังเป็นกรรมการในบริษัท น้ำแข็งบางหญ้า (2000) จำกัด ร่วมกับนายสมเดช ผลอินทร์หอม, นายนริศร์ นาวาเอี่ยมวิไล, นายสมเกียรติ กิจพ่อค้า และนายประเวช มณีโรจน์

หลังจากร้างลาสนามเลือกตั้งมานาน นายอัคคเดชก็เริ่มทำการบ้านและลงพื้นที่เผื่อไว้ลงสนามเลือกตั้งอยู่ก่อนแล้ว เพื่อรอหลังจากนายก อบจ.สมุทรสาครหมดวาระ แต่ก็ยอมรับว่าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับนายอุดร ทำให้ระยะเวลาในการเตรียมตัวเพื่อลงแข่งขันสู้ศึกเลือกตั้งอาจฉุกละหุกบ้าง ซึ่งหลังการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่ง จะมีการกำหนดประสัมพันธ์นโยบาย และจุดตำแหน่งติดตั้งป้ายเพื่อใช้ในแนะนำตัวเพื่อการหาเสียงต่อไป

• • •

หากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งนายก อบจ.พร้อมกันทั่วประเทศเมื่อปี 2547 นายอัคคเดชลงสนามเลือกตั้งโดยมี “เจี่ย ก๊กผล” ซึ่งขณะนั้นเป็นที่ปรึกษานายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรมขณะนั้นให้การสนับสนุน และมีฐานเสียงในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน ขณะที่นายอุดรก็มีนายมณฑลให้การสนับสนุน และมีฐานเสียงสนับสนุนมาจาก “ปลัดแต-อุดม ไกรวัตนุสสรณ์” ส.ส.เจ้าของพื้นที่บ้านแพ้วเวลานั้น

ในช่วงเวลาดังกล่าวตระกูลไกรวัตนุสสรณ์กับก๊กผลเป็นคู่กัดราวน้ำกับน้ำมัน แม้จะอยู่พรรคไทยรักเหมือนกัน จากการที่นายมณฑลส่งลูกชายลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคความหวังใหม่ ส่วนนายเจี่ยส่งบุตรสาวอย่าง “อรทัย ก๊กผล” ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะมีตาอยู่อย่าง “เอนก ทับสุวรรณ” จากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็น ส.ส.ร่วมกับนาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ ซึ่งชนะคนของนายมณฑลและนายเจี่ยในพื้นที่กระทุ่มแบนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีกระแสข่าวว่าฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.สมุทรสาครจะออกมาสนับสนุนนายอัคคเดชอีกแรง รวมทั้งมีการปลุกกระแสไม่อยากให้ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ครองเมือง ทั้งสนามท้องถิ่นและสนามระดับชาติ กระทั่งปลัดแตต้องออกใบปลิวขอคะแนนสงสารไปทั่วตลาดมหาชัย แต่เมื่อกระแสพรรคไทยรักไทยดีวันดีคืนในช่วงนั้น ทำให้นายอุดรเอาชนะนายอัคคเดชแบบเหนือชั้น ด้วยคะแนน 90,036 ต่อ 71,472 เสียง

หลังการเลือกตั้ง อบจ.ผ่านพ้นไป ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์อาจเรียกได้ว่าแกร่งกล้ามากขึ้น เพราะในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2548 พรรคไทยรักไทยก็ชนะทั้ง 3 เขต ทำให้ “ต่อ-อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์” เป็น ส.ส.สมุทรสาคร อีกคน กลายเป็นว่าสามพี่น้องครองอิทธิพลอย่างเบ็ดเสร็จ แทบจะมีคนประชดไปว่าเป็น “ไกรวัตน์นคร” ขณะที่ตระกูลก๊กผล รวมทั้งนายอัคคเดชนั้นเงียบหายจากสนามการเมือง โดยทราบแต่เพียงว่าบุตรสาวอย่างอรทัยหันไปสอนหนังสือแล้ว

ในการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อ 20 เม.ย.2551 นายอุดรขอลงเลือกตั้งชิงเก้าอี้ นายก อบจ.สมุทรสาครเป็นสมัยที่สองอีกครั้ง โดยที่ฝั่งนายอัคคเดชซึ่งประกอบอาชีพส่วนตัวก็ไม่คิดจะหวนสนาม อ้างว่าไม่สามรถปลีกตัวจากธุรกิจได้ และยังรู้สึกเบื่อหน่ายทางการเมือง ภายลังนายอัคคเดชได้ให้การสนับสนุนผู้สมัคร ส.อบจ.ในนาม “กลุ่มมิตรแท้” 5 คน ลงสู้ในเขตอื่นๆ พื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร โดยประกาศว่าจะไม่ร่วมฮั้วทางการเมืองกับกลุ่มใด

แต่ที่ฮือฮากับอดีต ส.ส.อย่างนายเอนกกลับเป็นผู้ท้าชิงนายก อบจ.สมุทรสาคร หลังจากปี 2550 บุตรชายอย่าง“ครรชิต ทับสุวรรณ” ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก จึงคาดหวังว่าสนามท้องถิ่นน่าจะสู้ได้ไม่ยาก แต่ปรากฏว่า นายอุดรเอาชนะแบบสบายๆ ด้วยคะแนน 85,584 ต่อ 53,346 เสียง ทำให้นายเอนกหันหลังให้กับการเมืองท้องถิ่นอย่างถาวร พร้อมกับขึ้นป้ายที่สาขาพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้จับตาเงินภาษีกว่า 2,000 ล้านบาทว่าจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าหรือไม่

ถึงกระนั้น ภาพลักษณ์ของนายอุดรที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง แม้จะมีข้อเสียในเรื่องความเป็นคนหนุ่มหัวรั้น กล้าได้กล้าเสียซึ่งเป็นธรรมชาติของบุตรคนโต แต่ที่ผ่านมาก็มีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะการสร้างโครงการห้องสมุดมีชีวิต และการก่อตั้งสโมสรฟุตบอล สมุทรสาคร เอฟ.ซี. ซึ่งต่อไปจะมีโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลจังหวัดสมุทรสาคร โดยเล็งพื้นที่ย่านหมู่บ้านกระซ้าขาว ต.บ้านบ่อ และหลังวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก แต่ก็ถูกยิงเสียชีวิตก่อน

• • •

จากการวิเคราะห์ของสื่อมวลชนในจังหวัดสมุทรสาคร พบว่านายมณฑลที่เป็นอดีต ส.ส.สมุทรสาครหลายสมัย มีประสบการณ์ทางการเมืองระดับเก๋าเกมส์ เมื่อรวมกับฐานเสียงในพื้นที่กระทุ่มแบนและบ้านแพ้วน่าจะสู้ศึกเลือกตั้งได้ไม่ยาก นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นบิดาของนายอุดร ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต และถูกประโคมข่าวอย่างไม่หยุดหย่อน ก็อาจจะเรียกได้ว่าอยู่บนพื้นฐานของความได้เปรียบเพราะได้คะแนนสงสารมาช่วย

ในส่วนของนายอัคคเดชที่มีสายสัมพันธ์กับฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2551 และเป็นอดีตนายก อบจ.สมุทรสาครเก่า แต่คราวที่แล้วส่งคนลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) แบบแบ่งเขตก็แพ้แบบฉิวเฉียด ที่ผ่านมาจึงซุ่มหาเสียงลงพื้นที่ตลอดเพื่อลงชิงชัยในตำแหน่งนายก อบจ.สมุทรสาคร โดยไปหาทีม สจ.เก่ามาช่วยเหลือรวมทั้งพรรคพวกในพื้นที่ และคะแนนเสียงจากคนที่รักพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน

อย่างไรก็ตาม หากดูจากสถิติการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา จากเดิมเป็นการเลือกสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ก่อนจะให้ ส.จ.เป็นฝ่ายเลือกนายก อบจ.อีกที กระทั่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 และกฎหมายว่าด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดคลอดออกมา ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เลือกนายก อบจ.โดยตรง โดยมีบัตรเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ ก่อให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2547

ในเมื่อระบบการเลือกตั้งนายก อบจ.ถูกออกแบบมา แทบจะเรียกขานกันว่าเป็นผุ้ว่าราชการจังหวัดคนที่ 2 รวมทั้งฐานเสียงแบบวันแมนวันโหวตอิงไปกับการเมืองระดับชาติอย่างการเลือกตั้ง ส.ส. การหวนคืนสนามเลือกตั้งของนายอัคคเดชจึงเป็นเรื่องลำบาก เพราะความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้สมัครจึงขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและสรรพคุณของแคนดิเดตว่าที่นายก อบจ. ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาจังหวัดเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป

สำหรับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครครั้งนี้ มีจำนวนประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 370,309 คน จากพื้นที่ 40 ตำบลใน 3 อำเภอของจังหวัดสมุทรสาคร การเลือกตั้งก่อนหน้านี้เมื่อเกือบ 4 ปีก่อน มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียงแค่ 47.45% เท่านั้น แต่สำหรับเที่ยวนี้ นายประชา ไพประพันธ์ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ 60-75%

วันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ.นี้ จึงเป็นวันที่คนสมุทรสาครจะร่วมกันกำหนดอนาคตของจังหวัด ด้วยการเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาคร พร้อมกับลุ้นว่าระหว่างอดีต ส.ส.สมุทรสาครหลายสมัย จะทวงคืนเก้าอี้ เพื่อให้พี่น้องในตระกูลได้สานงานต่อจากลูกชายที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ หรืออดีตนายก อบจ.คนเก่าคนแก่จะหาเสียงด้วยจุดขายประสบการณ์ในการบริหารงาน ฝ่ากระแสความสงสารนายกฯ ตุ่น คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้.



1 ความคิดเห็น เรื่อง “‘ม้อ’สานฝันลูก-‘อัคคเดช’รีเทิร์น”

  1. ตั้ม กล่าวว่า:

    ก.พ. 14, 12 at 4:40 am

    เบอร 2 เท่านั้น 5555


แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง