“เสกสรร” แลกหมัด! ฟังความ ‘อีกด้าน’ ในสงครามสื่อ

หลังจากที่สาครออนไลน์ สัปดาห์วิจารณ์ ได้นำเสนอเรื่องเด่นประเด็นร้อนในหัวข้อ “สื่อเบาะกระสือ วาทกรรมสื่อรบสื่อ” โดยนำเสนอปฏิกิริยาของสื่อมวลชนในจังหวัด ต่อสื่อต่างถิ่นฉบับหนึ่งนำเสนอโจมตีข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น และนักข่าวว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ก็ได้รับความสนใจจากผู้อ่านอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกัน ยังมีเสียงสะท้อนที่ออกมาจากสื่อที่เป็นคู่กรณี เฉกเช่นหนังสือพิมพ์ที่ชื่อว่า “เบาะแส” ซึ่งสื่อมวลชนในจังหวัดบางคนนำไปตั้งฉายาที่คล้ายกันเพื่อเสียดสี

ทุกข้อกล่าวหา ทุกเรื่องคาใจ วันนี้สาครออนไลน์ สัปดาห์วิจารณ์ จะขอเป็นพื้นที่กลาง เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา “เสกสรร ประเสริฐ” ผู้อำนวยการ นสพ.เบาะแส ได้ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านได้ฟังความรอบด้านยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในการสัมภาษณ์ทางอีเมลเมื่อวันก่อน กองบรรณาธิการขออนุญาตนำเสนอข้อความที่ ผอ.เสกสรร ประเสริฐ ตอบกลับทั้งหมด โดยตัดเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และจำเป็นต้องปฏิบัติตาม พรบ.คอมพิวเตอร์

สาครออนไลน์คำนึงถึงเจตนาที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจง ตามหลักการของสื่อสารมวลชนที่จำเป็นจะต้องฟังความและเปิดพื้นที่จากทั้งสองด้านเพื่อการตัดสินใจ และให้ผู้อ่านได้ชมไปพร้อมๆ กันด้วย โดยที่เราเชื่ออยู่เสมอว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ในท้ายที่สุดเราก็ทำได้เพียงแค่นำเสนอความจริง โดยผู้อ่านจะเป็นคนตัดสิน

• • •

ข้อความตอบกลับ

 

• อยากให้ท่านบอกความเป็นมาของหนังสือพิมพ์เบาะแสสักเล็กน้อยให้ผู้อ่านเข้าใจ

เบาะแส คือกลุ่มคนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม ในส่วนที่รัฐไม่สามารถทำได้ เพราะมีระบบอุปถัมภ์ ตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2541 พร้อมกับการขานรับรัฐธรรมนูญฉบับ ปี  2540  ที่ใช้ สิทธิ ของ ประชาชน ที่รวมตัวกันตั้งแต่  50,000  คน สามารถถอดถอน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองที่คดโกง คอรัปชั่น 

สมาชิกกลุ่มเบาะแสประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง นักบวช นิสิต นักศึกษา ยาจก ขอทาน คนพิการ

กลุ่มฯ เบาะแส ใช้สื่อสารมวลชน เป็นเครื่องมือในการทำงาน เช่นสื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุหมู่บ้าน,วิทยุชุมชน , วิทยุสื่อสาร V.R. , วิทยุสื่อสาร ประชาชน  ( CB. 245 MHZ. )  สื่อโทรทัศน์ , สื่อหนังสือพิมพ์และสื่อบุคคล เพื่อรายงานผลงานของกลุ่มฯ

กลุ่มฯ เบาะแส ใช้ความเป็นผู้ที่ผ่านเหตุการณ์จริงที่ไม่เกิดประโยชน์  ทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม  (พลิกผู้ร้าย กลายเป็นผู้ดี)   ปัจจุบันเข้าร่วมกลุ่มฯเบาะแส มากกว่าร้อยละ 70

กลุ่มฯ เบาะแส เสริมสร้าง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ให้ทำงานได้เป็นเอกเทศ เฉพาะส่วนที่ถูกกดขี่  ข่มเหงจากผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ปราศจากการคอรัปชั่น เชิงนโยบายและส่วนตัว

กลุ่มฯ เบาะแส สร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างอำนาจที่แท้จริง ให้แก่ประชาชนทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ  ด้วยเรามีสมาชิกมากกว่า ๕๐,๐๐๐ คน   โดยปราศจากสิ่งตอบแทน  เพื่อผลวันหนึ่งข้างหน้าที่ผ่องใสทั้งกายและใจของประชาชน  โดยมุ่งหวังเพื่อ….ลูกหลานไทย ทั้งชาติ….. กินดีอยู่ดี

กลุ่มฯเบาะแส ยึดถือหลักที่ว่า

“ มิได้มุ่งหวังทางการเมือง  ….แต่…หวังให้คนไทยทั้งชาติ..กินดี..อยู่ดี…”

กลุ่มฯเบาะแส ใช้กฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ๆ  ดูแลความเป็นธรรม โดยร่วมกับอำนาจที่ กลุ่มฯเบาะแส มีอยู่

กลุ่ม ฯ เบาะแส  มีสมาชิกองค์กร อยู่ทั่วทุกภาค ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล  โดยมีสมาชิกไม่น้อยกว่าตำบลละ ๒๕ คน เพื่อใกล้ชิดประชาชนและชี้นำแนวทางที่ถูกต้อง โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ    

กลุ่มฯเบาะแส ทุกคน ต้องผ่านการปฏิญาณตนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกคนนับถือก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกกลุ่มฯ เบาะแส

กลุ่มฯ เบาะแส สร้างทีมงานเบาะแส โดยคัดเลือกจากผู้ที่มีอาชีพ มีรายได้ โดยสุจริต เพื่อเป็นทีมงานกลุ่มฯเบาะแส  ซึ่งเป็นการสกัด การคอรัปชั่น หรือการหาประโยชน์  โดยบุคคล ในองค์กร

กลุ่มฯเบาะแส ไม่รับค่าจ้างในการทำงาน แต่จะรับเฉพาะที่มีผู้บริจาคเท่านั้น

ทีมงานเบาะแส กระทำผิดบทลงโทษ    คือ     คุก    กับ       ตาย

กลุ่มฯเบาะแส มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.  ตีแผ่ความไม่เป็นธรรมในสังคม เพื่อให้องค์กรรวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รับรู้ และแก้ไขปัญหา

2.  เผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสาร จากภาครัฐสู่สาธารณชน

3.  เสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ ให้กับบุคคลที่ทำประโยชน์ แก่สังคม

4.  สนับสนุนประชาชนทั่วไป ให้เป็นหูเป็นตา แทนหน่วยงานของรัฐ เพื่อสร้างความสงบสุข และความปลอดภัย

5.  เป็นสื่อกลาง ให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ที่เดือดร้อน และด้อยโอกาส

เพื่อประสานประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน

กลุ่มเป้าหมายสมาชิก กลุ่มฯเบาะแส

1.ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม

2.องค์กร บริษัท หน่วยงาน รวมทั้งห้างร้านต่างๆ ที่ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่ และแสวงหาผลประโยชน์ โดยผิดต่อกฎหมาย

3.นักข่าวที่ไม่กล้านำเสนอข่าว หรือ เบาะแสที่พบเห็น  เนื่องจากเกรงกลัวภัยมืด ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล

4.กลุ่มบุคคลทั่วไปผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน ร่วมมือกัน ต่อต้านพฤติกรรมอันผิดต่อกฎหมายของกลุ่มที่มีอิทธิพล ที่แสวงหาผลประโยชน์

5.ข้าราชการที่ถูกบีบบังคับ และข่มขู่ให้ต้องรับ ส่วย ฮั้วประมูล และคอรัปชั่น จากกลุ่มผู้มีอิทธิพล

นโยบาย

1.ให้ประเทศชาติ ปราศจาก ส่วย ฮั้ว คอรัปชั่น และธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

2.ขจัดกลุ่มบุคคลผู้ทุจริต และ คอรัปชั่น ให้หมดไปจากสังคมไทย

3.เสริมสร้าง สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ให้เกิดขึ้นกับทุกกลุ่มบุคคล องค์กรโดยเท่าเทียมกัน

4.ส่งเสริมและดำรงค์ไว้ซึ่งบุคคลผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต และประพฤติตน อันเป็นประโยชน์ ต่อสังคม ส่วนรวม

5.ให้เกิดความมั่นคงของประเทศ และความสงบสุข ของประชาชน โดยทั่วถึงกัน

ข้อควรสำนึกของกลุ่มฯเบาะแส

“เรามีองค์กรเพื่อประชาชนทุกคน ราทุกคนที่เป็นผู้สื่อข่าวเบาะแส ล้วนแล้วแต่ทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อสังคมทั้งนั้น เราเป็นสื่อต้องเข้าถึงมวลชนให้มากที่สุด ต้องรู้ถึงความต้องการของประชาชน ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นกระบอกเสียงแทนชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน เสนอข่าวอย่างมีจรรยาบรรณ และตามข้อเท็จจริง มีความรับผิดชอบต่อสังคม สื่อมวลชนจริงๆแล้ว มีอำนาจมาก แต่เราต้องใช้ให้ถูกต้อง  ”
ปรัชญาในการทำงานของผู้นำกลุ่มฯเบาะแส

“ การทำงานทุกวันนี้ ผมต้องเจออะไรมากมาย ทั้งดี และร้าย เจอกับคนที่รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจมากมาย เพราะงานที่ทำ จึงทำให้ผมต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ  ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของผม ก็คือ เราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท แม้แต่วินาทีเดียว ถามว่า มันโอเวอร์  มากไปรึเปล่า ผมว่า ไม่นะ ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ก็ได้   มันคงไม่ใช่ แค่งานนี้ อย่างนี้อย่างเดียวผมว่า  ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่ประมาท และมีสติอยู่ตลอดเวลา เราก็จะไม่ทำ อะไรที่ผิดพลาด และไม่มานั่งเสียใจ ในการกระทำของตัวเองภายหลัง และอีกอย่างหนึ่งที่ผมยึดถืออยู่ตลอดเวลาและมักจะสอนคนอื่นๆอยู่เสมอว่า   เวลาที่เราทำอะไร  ถ้าทำในสิ่งที่ดีแล้ว เราไม่ควรหวังอะไร  คนที่หวังจะไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองหวัง แต่กลับกัน คนที่ไม่ได้หวัง เมื่อทำความดีแล้ว มักจะได้ในสิ่งที่หวัง และอาจจะได้มากมายกว่า สิ่งที่หวังไว้   ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่คิดอยากจะทำความดี ทำตัวเป็นคนดี แต่มักจะท้อแท้กลางคัน เพราะเขามักจะคิดว่า  ทำดี-ไม่ได้ดี”

ผลงานเด่นที่ผ่านมา ของกลุ่มฯเบาะแส

ปี 2544    ฮือฮา…กับการปิดบ่อนเจ้าพ่อ..คนดังเมืองพิจิตรจนถูกวางแผนเก็บ….? (ไม่ตาย)

ปี 2546    ล้างมาเฟียเกาหลีพัทยา,สุขุมวิท,สาธรและรัชดา มีคนมีสีเป็นแบ็ค …จนถูกสั่งฆ่า ค่าหัว๑ล้าน…?(คนรับงานไม่กล้าลงมือคืนงาน)

ต้นปี 2547   ล้างผู้ขายรถยนต์ใหม่……ป้ายแดงเถื่อน….??? 

ปี 2547   จัดระเบียบสถานบริการ ล้าง…การค้าประเวณีเพื่อคืนศักดิ์ศรีให้สตรีไทย….?เสธฯ.อ… เดือดร้อนไปหาแม่ชี….คนดังอยุธยาให้ช่วย….แต่โดนกระชากร่วงทั้งสองคน..?

ปี 2547   เอาที่ดินจากผู้ยิ่งใหญ่ นครปฐม คืนให้ชาวนครชัยศรี ชาวบ้าน เฮ..เหมือนพระ…มาโปรด..?( มีการตาย ๑ ศพ )

ตุลาคม 2547   ผลงาน ล้างวัดโสธร..โค่นเจ้าพ่อแปดริ้ว……?  ดังกระฉ่อนตามคำเรียกร้องของลูกศิษย์….หลวงพ่อพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาสจึงทำหนังสือ เชิญเข้าไป เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์วัดโสธรฯและได้เรียกประชุมคณะกรรมการที่มีทั้งผู้ว่าฯ,นักการเมือง , ตำรวจ , ทหาร , อัยการ , ผู้ยิ่งใหญ่ในพื้นที่ นอกพื้นที่ เพื่อลงมือล้าง กลุ่มมาเฟีย ที่มีการโกงกิน มาประมาณสามสิบปี ที่ใครๆ ก็จัดการไม่ได้ (ออกรายการ ทีวี ถึงลูก-ถึงคน คุณสรยุทธ,รายการ คม ชัด ลึก,ช่อง ๑๑ และขึ้นหน้า ๑ หน้า ๒ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น คม ชัด ลึก และอีกหลายต่อหลายรายการทีวีจนถึงปี  48 ทั้งปีจบงานที่ปี 50 (คนเลวร่วง)

ปลายปี 2547   กับผลงานชิ้นโบว์แดง…..ที่สะเทือนทั้งประเทศ ……ปั่นป่วนกันทุกสี…. ผลงาน กระชากหน้ากากแม่ชีคนดังอยุธยา…แอบอ้างเบื้องสูงหาประโยชน์ ดังกระหึ่มไปทั่ว..ทุกวงการ จนในที่สุด รายการ คม ชัด ลึก ที่ออกอากาศทาง เดอะเนชั่นชันแนล เชิญไป ปะทะคารมกับแม่ชีคนหนึ่ง (คุณชูวิทย์รู้จักดี) ชนิดคำต่อคำ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครจะอยู่ ใครจะไป จนเป็นที่มาของ คดีหมิ่นรัชทายาท ที่มีการจับกุมเมื่อ ๖ ก.ค.๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. ตลึง..! ทั้งประเทศ อยากรู้ ถามคุณชูวิทย์ และเสธฯแดง หรือ อยากดู วี ซี ดี ติดต่อได้ที่ 081 404 2002 ฟรี… จำนวนจำกัด หลายผลงานนี้ไม่รู้งานไหน ผอ.เบาะแส ถูกสั่งฆ่า ค่าหัว ๑๐ ล้าน แต่ยิงไม่ได้ ในที่สุดคนสั่งรับกรรมตามระเบียบ ไม่คุกก็ตาย…?

ต้นปี 2548    สะเทือนทั้งวงการ รถตู้ และเกี่ยวข้อง เสธ.ทหาร กับผลงาน โค่นนายพล ป. มาเฟียรถตู้ รังสิต….และ อีกหลายเรื่องมากมาย… ที่เป็นผลงานที่คนทุกสังคมยอมรับ …กับการที่เบาะแสได้ ช่วยเหลือผู้ที่ ถูกรังแก ถูกโกง…. ถูกโยนให้เป็นแพะ…รับบาป…โพรงมะเดื่อ..? (แพะ…รอด) รถชน…บ.ประกันภัยไม่จ่ายค่าสินไหม…..โดนข้าราชการ…….ทหาร……ตำรวจ…นักการเมือง…มาเฟีย…รังแกด้วยความไม่เป็นธรรม…… ทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ ผอ .เสกสรร เป็นคนจริง ”  อะไร……ที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่…ผอ.เบาะแส…ทำได้…???

25 พ.ย. 2551    กลุ่มฯเบาะแส ชนะคดี มาเฟียรถตู้ ณ ศาลจังหวัดธัญบุรี และคดีแม่ชีที่อ้างเป็นแม่นมเบื้องสูงในที่สุดแม่ชีฯ  ได้รับโทษจำคุก  3  ปี  ณ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชั้นศาลอุทธรณ์/.

สิ้นปี 2552     กลุ่มมาเฟียรถตู้ จ่ายภาษีให้กรมสรรพากรหลัก…ล้านบาท โดยฝีมือ ผอ.เบาะแส ..ยังมีภาษีรอเก็บเข้ารัฐอีกหลายร้อยล้าน

6 ส.ค.2553    ผอ.เบาะแส  เก็บภาษีศุลกากรจากเรือเถื่อนสมุทรสาคร  กว่า 2 ล้านบาท

หาซื้อ หนังสือพิมพ์ เบาะแส ได้ตามร้านซีเอ็ดบุ๊คส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ,ร้านแพร่พิทยาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าและลาดพร้าว/.

ต้องการร่วมเป็นทีมงาน   กลุ่มฯเบาะแส  เพื่อปกป้องตนเองและครอบครัวให้พ้นจากความไม่เป็นธรรม ติดต่อ  seksonborsae@hotmail.com   หรือพบข้อมูลได้ใน http://borsae. net , http://seksonborsae. hi5. com , http://gn-foundation. org และ สถานีเบาะแส  www. rtv1. net

• กรณีการจับกุมเรือน้ำมันขนาดใหญ่ ที่เบาะแสเป็นฝ่ายทำข่าวนี้ เป็นอย่างไร

– เบาะแส  ไม่ได้เป็นฝ่ายไปทำข่าว แต่ ………

– ผอ.เบาะแส จับเรือเดินทะเลเถื่อน…. สมุทรสาคร ได้ภาษีกว่า 2 ล้าน….???  มีพฤติการณ์ดังนี้

วันที่ 11 มิ.ย. 2553  บ่าย ผอ.เบาะแส  ประสาน คุณนเรศ 02 667 7678 ฝ่ายสืบสวนปราบปราบกรมศุลกากร กรุงเทพฯ  5 โมงเย็น เจ้าหน้าที่ศุลกากร  มาตรวจสอบ เรือลำนี้ หน้าวัดป่าท่าทราย   ข้างสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน  วัดป่าท่าทราย อยู่ในเขต  สภ.เมืองสมุทรสาคร  แต่เรือ อยู่ในเขตตำรวจน้ำ สมุทรสาคร

ต่อมา เช้า 12 มิ.ย 2553  ไฟไหม้เรือ เถื่อนลำนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรสาคร  มาตรวจสอบลงประจำวัน ผอ.เบาะแส   ให้ พนักงานสอบสวน ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดี หากพบความผิด แต่พนักงานสอบสวน คนนั้น  บอกว่า “ไฟไหม้เฉยๆไม่มีอะไร”.

17  มิ. ย.  2553  วันนี้ 10  โมงเช้า ผอ. เบาะแส   ลุยจับ เรือเดินทะเล เถื่อน ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 50  เมตร  ที่ลักลอบนำเข้า  ผิดกฎหมายเพื่อตัดเหล็กขาย โดยการจับกุมนี้ได้รับความร่วมมือ จาก พ .ต.ท. สนธยาฯ  สารวัตรหัวหน้าตำรวจน้ำ สมุทรสาคร , ด่านศุลกากร แม่กลอง คุณวิภาสฯ  พร้อมทีมเฉพาะกิจ เบาะแส  อายัติ เรือส่ง ด่านศุลกากรแม่กลอง ดำเนินคดี พร้อมสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ ขั้นเด็ดขาดเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

13 นาฬิกา  ของวันที่ 17 มิ.ย. 2553  มีคนได้เบอร์มาจาก  ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร  โทร หา  ผอ.เสกสรร  และ ผอ. เสกสรร  แจ้งเขาว่าอัดเทปไว้ แล้ว น๊ะ..  เขาบอกหมดว่าไม่ได้เสียภาษี ใคร ดูแล ใคร เคลียร์ใคร หาเงินให้ ใครและมีการบอกตำรวจน้ำ ยศ สิบตรี แล้ว แต่ เขาก็ไม่ทำอะไร ให้เขาตัดได้ (ไม่รู้สารวัตรรู้หรือไม่) ชายคนนี้ขอเคลียร์กับ ผอ.เสกสรร เขาไม่รู้ว่า..เบาะแส เคลียร์ไม่ได้..?  ตรวจสอบ จาก dtac ได้ เวลา เกือบ 13 นาฬิกา 08X XXX XXXX ชื่อสมชาย แก่นจัน  โทรมา และตามวิธีการของ กลุ่มฯ เบาะแส เราสามารถสืบสวนหาข้อมูลผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาลงโทษได้จาก

1.เจ้าอาวาสวัดป่าท่าทราย อ.เมือง สมุทราสาคร

2.มักทายก วัดนี้

3.ผู้ใหญ่ ชื่อวิโรจน์

4. ชาวบ้านใกล้เคียง จะทราบหมดว่าใครนำเข้าไม่เสียภาษี
 
ต่อมามีผู้ใหญ่บ้าน ชื่อ “ น ” กำนัน “ ฉ ” ติดต่อ คนของ เบาะแส  ขอเคลียร์ กับ ผอ.เบาะแส เขาคุยใหญ่โต ว่า ยังไงก็เคลียร์ ได้ จะง่ายหรือยากเท่านั้นเอง เขาคงไม่รู้ว่า ผอ.เบาะแสเคลียร์ไม่ได้???

17 มิถุนายน  2553   ผอ.เบาะแส ยื่น หนังสือ ให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และ ศุลกากร ตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน ร่วม เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สมุทรสาคร หาตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย ทุกคน มาดำเนินคดี และ จะมีการขายทอดตลาด เรือ ประมาณ กลางเดือน กรกฎาคม 2553 เพื่อนำเงินจากการขาย เข้ารัฐ

วันที่  ผอ.เบาะแส  เข้า เยี่ยม นายด่านศุลกากร แม่กลอง จึงรู้ว่ามี   ข่าวดี ….. นายด่าน ศุลกากร  แจ้งว่าจะมีเงิน รางวัลนำจับให้  ผอ.เบาะแส 30 % ของราคาที่ประมูลขายได้ และให้ เจ้าหน้าที่ ที่ร่วมจับกุมเรืออีก 25 % แบ่งกัน ตำรวจชั้นผู้น้อย ทราบเรื่อง ดีใจเป็นแถว เพราะ ไม่เคยมีเรื่อง อย่างนี้ ปรากฏในสารบบ เมืองสมุทรสาครแปลก แต่ จริง ปราบมาเฟียรถตู้ เก็บ ภาษี เข้า กรมสรรพากร หลักล้าน บาท ไม่มีรางวัล แต่ จับเรือเดินทะเลเถื่อน ได้รางวัล นำจับ …น่าคิด….????

และแล้วก็ มีการ  ประกาศ ขายเรือเดินทะเลเหล็กที่  กลุ่มฯ เบาะแส นำจับ ได้ที่หน้าวัดป่าท่าทราย สมุทรสาคร   จากกรณี  วันที่ ๑๐ มิถุนายน   ๒๕๕๓    กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เบาะแส ได้รับแจ้งข้อมูลร้องเรียน  เกี่ยวกับเรือเดินทะเล จำนวน ๑ ลำ   ชื่อ ENTERPRISE 58 260 F    ยาวประมาณ ๕๐ เมตร ได้ถูกลากจูงมาจอดไว้หน้าวัดป่าท่าทราย เขต ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง สมุทรสาคร    เป็นเวลา มากกว่า ๑๕ วัน และตัดเหล็กเพื่อจำหน่าย   โดยไม่ได้รับอนุญาตและเจตนาหลีกเลี่ยง ภาษี ศุลกากรและภาษีอื่นๆ ซึ่งเช้าวันที่ ๑๒  มิถุนายน   ๒๕๕๓  ก็เกิด ไฟไหม้เรือลำดังกล่าว   เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงได้เข้าดับไฟ พนักงานสอบสวน ในขณะนั้นได้ลงประจำวันไว้   ต่อมา  วันที่  ๑๗  มิถุนายน   ๒๕๕๓   กลุ่มฯเบาะแส ได้ประสานงาน นายด่านศุลกากรแม่กลองและนำตำรวจน้ำ   พ.ต.ท.สนธยาฯ และ นายด่านศุลกากรแม่กลอง  (คุณวิภาส รุจนากร)   เข้าตรวจสอบและยึดเรือลำดังกล่าวเพื่อเก็บภาษีเข้ารัฐและดำเนินคดีกับเจ้าของเรือและผู้ร่วมกระทำผิดทุกคนและต่อมาเวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ได้ มี โทรศัพท์หมายเลข  08X XXX XXXX  อ้างว่าชื่อ สมชาย แก่นจัน โทรมาขอเคลียร์ ผอ.เบาะแส   ต่อมา  ผอ. เบาะแส ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร , อธิบดีกรมศุลกากร , อธิบดีกรมเจ้าท่าฯลฯ สืบสวนสอบสวน ทั้งเรื่อง พยานบุคคล ,พยานแวดล้อมและ พยานหลักฐานต่างๆ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ กับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทุกคน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓   ตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๓.๐๐ น.   เปิดซองเวลา 13.30 น. ได้มีผู้ยื่นซองประมูลราคา  ที่ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 1 ฝ่ายบริการศุลกากรเอกชัย ด่านศุลกากรแม่กลอง เลขที่ 79/3 หมู่ที่ 1 ถนนเอกชัย ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โทร. 034 861 037   ผู้ใดให้ราคาสูงสุด   เป็นผู้ได้ซื้อและต้องวางมัดจำร้อยละ 25 ของราคาที่ประมูลได้ ส่วนที่เหลือชำระภายใน 15 วัน 

วันประมูล  มีเรื่อง  ฮั้วกันแปลกๆ  ราคาที่ควร ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,500,000 บาท  เหล็กประมาณ  300 ตัน  อย่างต่ำ  กิโลกรัมละ 5 บาท   แต่  พวกนี้ ยื่น ราคา  300,000 ,  500,000  บาท  ถ้า ผอ.เบาะแส  ไม่วาง หมากไว้  รับรองมีหวังถูกพวก ฮั้วประมูล เอาไปกิน แน่  ราคาที่ประมูล มีดังนี้   (1)  300,000   (2)  500,000  (3)  556,555  (4)  1,010,000  (5)  1,150,000  (6)  1,500,000  (7)  1,610,500   (8)  1,865,599  บาท    สุดท้ายในวันนั้น  มีผู้ประมูลได้ไปในราคา  ประมาณ 1,865,599 บาท   แต่รอแล้วรอเล่า  ผู้ซื้อไม่นำเงินมาวางมัดจำ 25 %  จึงเป็นอันต้องยกเลิกไป

และต่อมา ได้มีการประมูลใหม่ ในวันที่  6  สิงหาคม  2553    โดยในครั้งนี้   ต้องวางเงินซื้อซองประมูล  คนละ 100,000 บาท   มีราคาประมูล ดังนี้ คือ   ราคามีแตกต่าง  รายที่   (1)  350,000     (2)  400,000     (3)  450,000     (4)  500,000     (5)  510,000      ( 6)   527,500     (7)  625,000    (8) 711,000   (9)  1,280,000   (10)  1,350,000    (11)  2,051,999  และรายที่   (12)   2,052,319 บาท   รายนี้ได้ไป  ในราคาที่ค่อนข้างสูง……โดยฝีมือ  ผอ.เบาะแส  อีกตามเคย  อยากรู้โทรมาถามส่วนตัวได้    เพราะเรามีวิธีการแก้เผ็ด พวกฮั้วประมูล แบบ เจ็บแสบจริง  ดูได้จากราคา ที่ปรากฏออกมา/.

• คิดอย่างไรกับฉายา “สื่อเบาะกระสือ” ที่สื่อในจังหวัดตั้งให้ และดูเหมือนจงใจจะเสียดสีท่านอย่างชัดเจน

– คนเขาเป็นอย่างไร เขาก็คิดว่าคนอื่นเป็นอย่างเขา แต่เบาะแส เป็นเช่นไร ผมเชื่อว่า สังคม รู้ เพราะผลงาน ปรากฎชัดมาโดยตลอด

• ข้อกล่าวหาที่ว่านักข่าวที่นี่มีการเรียกเก็บผลประโยชน์ จนสื่อมวลชนในจังหวัดไม่พอใจ แท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไร และเห็นว่า สื่อมวลชนในจังหวัดนี้เป็นอย่างไร

– ผมเชื่อว่าทุกท่านที่มีวิจารณญาณ ทราบดี ว่าสื่อในสมุทรสาครเป็นเช่นไร..?   ผลมาจากเหตุจริงไม๊…แรงงานเถื่อน,น้ำเน่าเสีย,ซ่อง…ค้าประเวณี,แท็กซี่เถื่อน,คาราโอเกะ..หญิงนั่งดริ้ง พรบ.สถานบริการ มาตรา 3 (2) มีได้ไง ใคร อนุญาต…?  watch dog  คืออะไร…? และทำไม เบาะแส จึงไม่เข้า สมาคมหรือชมรม ใดๆ  นี่แหละครับคือคำตอบ…???

• ที่สื่อมวลชนในจังหวัดกล่าวว่า พวกท่านไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่สื่อมวลชน ท่านมีคำอธิบายอย่างไร

– ก็คงเพราะ เบาะแส  ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ใน  การเก็บส่วย โรงงาน หรือ แรงงานเถื่อน

• จริงหรือไม่ที่สื่อมวลชนในจังหวัดกล่าวหาว่า สื่อของท่านใช้วิธีปราบไปกินไป

– ต้องกลับไปถามคนที่กล่าวหาเบาะแส..เคยเห็น หรือพบ หรือมีใครบอก  หรือร้องว่า เบาะแส กินบ้างหรือไม่….?    เพราะคนเราจะเชื่อสิ่งไหน ต้องมีเหตุมีผล มีหลักฐานอ้างอิง หรือมีแนวคิด ทฤษฎีรองรับ จึงจะน่าเชื่อถือ แต่ถ้าคนไหน พูดหรือเขียนข้อมูลที่ ไม่มีสิ่งใดรองรับ คงต้องพิจารณาตัวเอง เพราะการศึกษาและความมีสำนึกนั้นแยกคนดี-คนชั่ว ออกจากกัน  และที่สำคัญ  สังคม รู้ดีว่า  ที่นี่มีแต่ ขาว ไม่มีเทา นั้นคือ  เบาะแส

• จริงหรือไม่ที่สื่อมวลชนในจังหวัดกล่าวหาว่า คนของท่านบางคนถูกหลอกใช้งานแล้วถีบหัวส่ง

– จริงครับ คนชั่วที่เข้ามาแอบแฝงหาประโยชน์  ก็จะถูกหลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือ ไปปราบคนตรงข้ามที่ชั่ว เหมือนการเอาหนู  มาผูกหางด้วยระเบิด เมื่อหนูมันมีสันชาติญาณ กินของเสีย – เน่าเหม็น  มันก็จะวิ่งไปตามที่ เราต้องการ ตามแผนที่วางไว้

– แต่คนดีๆที่อยู่เบาะแส  คนเก่าๆ ก็ยังอยู่    ชุดเริ่มแรกก็ยังอยู่   ไม่มีใคร พูดว่าหลอกใช้สักคน….มีแต่ชื่นชมและศรัทธาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เสร็จนาฆ่าโคถึก…เสร็จศึก..ฆ่าขุนพล  นั้นต้อง ไปถามนักการเมือง กลุ่มฯเบาะแส ไม่มีใครเป็นเช่นนั้น  เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์หรืออำนาจ เรามีแต่ให้กับให้……?  ถ้าเป็นสมุทรสาคร สอบถามได้ที่ หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก หรือ ชาวบ้าน ท่าทราย  08X XXX XXXX , 08X XXX XXXX  ล่าสุด โรงน้ำแข็งสะพานปลากรุงเทพฯ ถูก มาเฟีย นายพล ป. คุกคาม ก็ชัดเจน เบาะแส ปราบฯ คนที่ถามมาน่าจะเป็น นายสมชาย คนที่อยู่เบาะแส ไม่ได้ เพราะ มีพฤติกรรม ตรงข้ามกับเบาะแส  เรื่องเกิดขึ้นที่ จ.ระยอง มี คนหนึ่งมาร้องทุกข์ ให้ช่วยเพราะถูกตามฆ่า เนื่องจากรับมรดก 100 ล้าน ผมจึง ปกป้องไว้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้ว่า เบาะแส ดูแลอยู่จึงไม่กล้า ต่อมาระหว่าง ช่วยเรื่องรับมรดกอยู่นั้น นายสมชาย และ ทนายความคนหนึ่งของ เบาะแส  หักหลังไปติดต่อรับทำงานนี้เอง โดยอ้างว่า ผอ.เบาะแส  ทำงานไม่เป็น อยู่แต่ในห้องแอร์ สั่งอย่างเดียว  ทั้งๆที่ ทุกงาน ผมออกหน้าชนเอง ทำงานแนวหน้าตลอด  แต่กรรมบังตา คนคนนั้น  สุดท้ายเชื่อนายสมชาย และจบลงด้วยการไม่ได้รับมรดก จบทั้ง สมชาย และคนร้องทุกข์คนนั้น กรรมแท้ๆ   และต่อมา นายสมชายได้ไปเข้า ฝ่ายแม่ชี ที่ถูกจับ คดีอ้างเบื้องสูง และนายพล ป. ที่ ผมปราบและก็พังกันหมด ทั้งแม่ชีและนายพล ป. เรื่องนี้ ต้อง ถามคุณ จีรวัฒน์ จารุสิทธิพิทักษ์ หรือ ส.มหาชัย จะทราบดี หรือ จ่าเริง ที่ถูก นายพล ป. มาเฟียรถตู้ รังแก  โดยผมดึงจ่าเริง ขึ้นมาต่อสู้ กับนาย พล ป. 08X XXX XXXX  และถามดูว่า เบาะแส เคยหลอกใช้ใคร…หรือไม่…?

• จากกระแสโจมตีจากสื่อในจังหวัดดังกล่าว คิดว่านักข่าวเบาะแส กับนักข่าวในจังหวัด มีความขัดแย้งมากน้อยขนาดไหน และต่อไปนี้จะทำงานด้วยกันได้ไหม

– มีความขัดแย้งชัดเจน เพราะ เบาะแส สร้างให้ทุกคนเป็นคนดี ปกป้องช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในส่วนที่รัฐไม่สามารถช่วยเหลือได้

– คงจะทำงานด้วยกันไม่ได้เด็ดขาด  ขาว กับ ดำ อยู่ด้วยกันไม่ได้  คนเรานิสัยเหมือนกันคบกันได้ ฉะนั้น เมื่อความคิดของพวกเขาเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด  คนเราสันดอนขุดได้ แต่สันดานแก้ไม่ได้

• สุดท้ายนี้ อยากจะบอกอะไรกับสื่อมวลชนในจังหวัด ต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวท่าน

– กลับตัวเสียเถิดก่อนที่จะสายไป      ใคร สีขาวให้แยกตัวออกมาซะ….ปล่อยให้เหลือแต่ดำ…..????  ที่สำคัญ นักข่าวที่มีปัญหา กับ เบาะแส  คือนักข่าวที่เคยอยู่เบาะแส  แต่อยู่ไม่ได้ ด้วยมีพฤติกรรม ตรงข้ามกับเบาะแส  เหมือน คำกล่าวที่ว่า ฝนตกขี้หมูไหล  คนจัญไรมารวมกัน   และไปยุยงปลุกปั่นให้ นักข่าว คนอื่นๆที่ไม่รู้จัก เป็นพวกพ้องตนเองเพื่อเป็นเครื่องมือในการหาทางโค่น เบาะแส ทั้งๆที่เขาผู้นั้นได้กระทำมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จ…ก็พยายามหาทางแต่คงหาไม่พบ……?????

ขอความกรุณาลงให้ครบ  เพราะทุกคำพูดมีความหมาย เพื่อความกระจ่างชัดของนักข่าว สมุทรสาคร ที่จะแยก คนดี คนชั่ว ออกจากกัน และขอขอบคุณในความตรงของท่าน มา ณ ที่นี้

เสกสรร ประเสริฐ



3 ความคิดเห็น เรื่อง ““เสกสรร” แลกหมัด! ฟังความ ‘อีกด้าน’ ในสงครามสื่อ”

  1. 74329 กล่าวว่า:

    ส.ค. 27, 11 at 3:29 am

    ท่านที่อ่าน ทั่งหลาย ผมเป็นคนหนึ่งทำงานร่วม เบาะแส 2ปีกว่า ให้ผมไปอยู่สำนักข่าวอื่นมีเงินเดือนเท่าไหร่ คงไม่เอา ทั่งหนังสือพิมพ์ ที วี บางช่อง บ้านเมืองไม่ได้รับข้อมูล ที่แท้จริง เกิดความวุ่นวาย ไม่เหมือนเบาะแส เบาะแสช่วยคน ช่วยให้คนเป็นคนดี พวกผมดื่มนำ้สาบานก่อน เข้าร่วมงาน กับท่าน ผ.อ คุก ตายคือความ ผิดของเบาะแส ทุกคน ทำในสี่งที่ถูกต้อง ผมภูิมิใจท่าน ท่านเป็นคนงาน เบาะแสทำให้พวกผมมีเพื่อน ทุกจังหวัดทุก อำเภอ การทำงานของพวกผม ทำความดี คนดีเท่านั้นที่จะอยู่ในเบาะแสได้ พวกไมยอมคนชั่ว โดยเด็ดขาดผมชอบท่านผ.อมากที่สุดคือทำผิดเครียร์ไม่ได้

  2. ผอ.เบาะแส กล่าวว่า:

    ธ.ค. 24, 11 at 4:30 pm

    ติดตามผลงานเพิ่มเติมที่ http://sekson-borsae.blogspot.com

  3. คนรัก กล่าวว่า:

    ก.พ. 16, 12 at 7:25 am

    บื่อจิงทำไมตำรวจไม่เห็นมาจับพวกที่ขายยาบ้านะที่วัดวัง ต.คลองจินดาเนี้ยที่บ้านคนชื่อเชื่อมนะบ้านมันขายยาลูกมันเป็นคนทำเวลาอยากได้ก็ขับรถไปสั่งมันรอแป๊บเดียวเดี๊ยวลูกมันก็ไปเอามาให้แล้วแต่ไม่รู้ว่าตำรวจนี่โง่หรือแกล้งโง่กันแน่


แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง