คลื่นใต้น้ำไล่ ‘กุลวัชร’ เบรก ‘ศาลากลางน้ำ’ เลื่อยเก้าอี้!!!

เป็นที่พิศวงงงงวยกันไปทั่วตลาด เมื่อจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าตลาดมหาชัยเกือบ 100 คน ออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานของ “กุลวัชร หงษ์คู” นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร โดยหยิบสารพัดประเด็นมาโจมตีแบบไม่ยั้ง แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คือ เรียกร้องให้มีการยุติการสร้างศาลากลางน้ำ 5 หลัง ในคลองทหารเรือ

ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดมหาชัย นามว่า “ปิยะ ประเสริฐบูรณ์” ได้ชี้แจงต่อรองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร “อภิชาติ โตดิลกเวชช์” ถึงปัญหาสำคัญที่รวมตัวยื่นข้อเรียกร้องในครั้งนี้คือ ขอให้ทางเทศบาลยุติการก่อสร้างศาลากลางน้ำในคลองทหารเรือ ซึ่งเขากล่าวว่าเป็น “ศาลาอัปยศ” โดยทางเทศบาลอ้างว่าเพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยใช้งบประมาณเกือบ 10 ล้านบาท ตกหลังละ 2 ล้านบาท

ปิยะอ้างว่า ชาวตลาดมหาชัยส่วนใหญ่เห็นว่า การก่อสร้างดังกล่าวเป็นการบดบังทัศนียภาพ และยังจะเป็นที่อยู่ของคนจรจัด เป็นแหล่งก่ออาชญากรรม และหากสร้างมาแล้วใครจะเป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งหากทางเทศบาลจะทำอะไรนั้นก็ควรที่จะมีการถามความคิดเห็นจากชาวมหาชัยเสียก่อนว่าต้องการหรือไม่

น่าจะเอาเงินไปทำประโยชน์อย่างอื่นเสียมากกว่า ซึ่งหากเป็นไปได้ก็ขอให้ยุติการก่อสร้างศาลาทั้ง 5 หลังนี้ โดยเอาเงินก้อนนี้ไปสร้างอย่างอื่น เพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ หรือสร้างประโยชน์ให้กับชาวมหาชัยแทน

อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจก็มิอาจทราบได้ เมื่อ “กุลวัชร” ได้ออกมาร่วมรับฟังข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุม โดยชี้แจงในเบื้องต้นว่า การก่อสร้างศาลาทั้ง 5 หลังนั้น เป็นไปตามงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีการประชุมสภาและคณะกรรมการก็มีมติเห็นชอบแล้ว

หากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงก็เกรงว่าจะใช้งบไม่ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และงบในโครงการดังกล่าวก็รวมถึงการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างด้วย ส่วนเรื่องของการดูแลรักษานั้น ก็จะมีการจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน

ตลอดระยะเวลาที่มีการพูดคุยเจรจากันนานกว่า 3 ชั่วโมง บรรยากาศการหาข้อยุติในวันนั้นค่อนข้างเป็นไปอย่างตึงเครียด ในที่สุดรองผู้ว่าฯ อภิชาติ ตัดสินใจห้ามทัพ เสนอข้อยุติด้วยการจะนำปัญหาและข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่ายส่งให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด “วัลลภ พริ้งพงษ์”

พร้อมกันนี้ยังจะได้ให้นายกเทศมนตรี คณะผู้บริหาร และตัวแทนของพ่อค้าแม่ค้ามหาชัย มาเจรจากันอีกรอบหนึ่ง เพื่อสรุปว่าทางออกที่ดีควรทำอย่างไร ถึงจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับทุกฝ่าย และยังทำให้ทุกฝ่ายเกิดความพึงพอใจ สามารถดำเนินงานตามโครงการไทยเข้มแข็งต่อไปได้ ซึ่งก็สร้างความพึงพอใจให้แก่ทุกฝ่ายก่อนที่จะเดินทางกลับ

ปิยะ ประเสริฐบูรณ์

การประท้วงเทศบาลนครสมุทรสาครในยุคที่ “กุลวัชร” ดำรงตำแหน่ง ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2551 เมื่อมีกลุ่มพ่อค้าและแม่ค้าร้านโชห่วยในเขตเทศบาลนครสมุทรสาครมารวมตัวกัน เพราะสงสัยว่าห้างค้าปลีกอย่างบิ๊กซี เป็นที่โจษจันว่าจะก่อสร้างบริเวณ บขส.เก่า ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาล เกรงจะเป็นการซ้ำเติมผู้ค้า

หนึ่งในแกนนำต้านห้างยักษ์เวลานั้น ก็พบกับชื่อของ “ปิยะ ประเสริฐบูรณ์” ที่ขันอาสาเป็นแกนนำต้านห้างยักษ์ แต่การเคลื่อนไหวในครั้งนั้นเป็นไปในลักษณะการยื่นหนังสือเรียกร้องเท่านั้น ซึ่งภายหลังได้รับคำตอบว่าไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างห้างค้าปลีกในพื้นที่ ขณะที่บิ๊กซีก็ได้จัดหาที่ดินบริเวณ ต.ท่าทราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างฯ ในปัจจุบัน

มาคราวนี้ เมื่อได้จับกลยุทธ์ในการเคลื่อนไหว พบว่าเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา ใบปลิวลึกลับถูกแจกจ่ายไปทั่วตลาดมหาชัย จั่วหัวเอาไว้ว่า “ข่าวสารชุมชนมหาชัย” (30 กรกฎาคม 2553) โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการโจมตีการทำงานของเทศบาลนครสมุทรสาคร ในยุคที่ “กุลวัชร” เป็นนายกเล็กหลายประเด็น

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ใบปลิวดังกล่าวมีเนื้อหาที่รวบรวมความเดือดร้อนแบบสัพเพเหระ และยังกล่าวโทษฝ่ายเทศบาลนครสมุทรสาครแต่เพียงฝ่ายเดียว เสมือนจงใจที่จะโค่นให้ล้มกันไปข้าง ทั้งๆ ที่หลายประเด็นเทศบาลนครฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขื่อนกันน้ำท่วมที่ยังสร้างไม่เสร็จ ฝนตกน้ำท่วมเมือง การอนุญาตให้การประปาส่วนภูมิภาควางท่อประปาผ่านเมือง การจัดพื้นที่ขายสินค้าโอท็อป แฝงคาราวานขายสินค้าที่มาขายหน้าที่ว่าการอำเภอ ห้างคาร์ฟูร์จะมาเปิดข้างศูนย์ฮอนด้าใกล้เขตเทศบาล บ่อบำบัดน้ำเสียที่ท่าเรือรถไฟติดภัตตคารท่าเรือ

แต่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของเทศบาลมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการขยายที่กลับรถบริเวณหัวถนนเศรษฐกิจเพิ่มอีก 2 ช่องจราจร และกรณีโครงการปรับภูมิทัศน์คลองทหารเรือ อ้างว่าเทศบาลกำลังสร้างอาคารคร่อมคลอง 5 หลัง โจมตีทั้งเรื่องงบประมาณรวมทั้งความเหมาะสม

ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม 2553 เริ่มมีการแจกใบปลิวชักชวนให้ชาวบ้านตลาดมหาชัยออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าศาลากลางในวันที่ 9 สิงหาคม โดยโจมตีโครงการของเทศบาลสองโครงการหลัก ได้แก่ โครงการสร้างศาลาอัปยศ และโครงการบ่อดักน้ำเสียท่าเรือรถไฟ

นำมาซึ่งเหตุวุ่นวายที่หน้าศาลากลาง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตะตัดขา “กุลวัชร” นำไปสู่การกดดันขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่งในอนาคตอันใกล้ เพราะหากโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองทหารเรือถึงคราวชะงัก

นั่นหมายความว่าเราจะได้เห็นซากสิ่งก่อสร้างอัปยศกลางคลองทหารเรือราวกับโครงการรถไฟฟ้าโฮลปเวลล์ ที่กลายเป็นต่อม่ออัปยศริมทางรถไฟในกรุงเทพฯ พร้อมกับเสียงสาปแช่งรัฐมนตรีในยุคนั้นเลยทีเดียว

เป็นที่โจษจันว่า การออกมาเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่การขับไล่ให้นายกลุวัชรพ้นจากตำแหน่ง โดยเฉพาะการแสดงอาหารหวงแหนคลองทหารเรือแบบชนิดที่ว่าประหลาด ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน

ทั้งๆ ที่นับตั้งแต่สมัยนายกเทศมนตรีที่ชื่อ “สุชาติ ใบสมุทร” ไปจนถึง “ประวิทย์ มณีโรจน์” ยุคนั้นยังเคยปล่อยให้มีการบุกรุกที่หลวง สร้างภัตตาคารสูงเสียดฟ้าใจกลางมหาชัย คร่อมไปถึงปากคลองทหารเรืออย่างหน้าด้านๆ

น่าขบขันสิ้นดีกับประโยคหนึ่งในใบปลิวที่อ้างถึงภัตตาคารสูงระฟ้าว่า “ที่เคยรับเสด็จฯ” ทั้งๆ ที่เขตพระราชฐานก็ไม่ใช่ ที่หลวงก็ไม่เชิงสักนิด แต่ได้มาเพราะบุกรุกลำน้ำสาธารณะ นับเป็นความอัปยศที่ต่างก็ไม่มีใครพูดถึง เพราะครั้นตึกสูงเสียดฟ้าจะสั่งให้ทุบตึกทิ้งก็กระไรอยู่

ตลกยิ่งกว่ากับอดีตรองผู้ว่าฯ ที่นี่ ซึ่งมีคำนำหน้านามเป็นถึงหม่อมหลวง ก็ตอบได้เพียงอ้อมแอ้มว่า อย่างน้อยก็ใช้เป็นที่รับเสด็จได้ กลายเป็นการ “พายเรือให้โจรนั่ง” ชนิดที่ว่าเสียหมาไปตามๆ กัน…

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็มีการสันนิษฐานไปต่างๆ นานา ถึงกลุ่มคนที่จะมากดดันขับไล่นายกฯ กุลวัชรไว้หลายแนวทาง

ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งที่เหลือเพียงแค่ 1 ปี  7 เดือน ในปี 2555 ก็จะหมดวาระลง เป็นไปได้ว่าจะเป็นแผนดิสเครดิตระยะยาว นำมาซึ่งการแย่งชิงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งหน้า โดยหยิบยกโครงการศาลากลางน้ำเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง

ซึ่งเป็นที่จับตามองว่า อดีตนายกเทศมนตรีที่หวังจะครองอำนาจแบบอภิมหานิรันดร์กาล แบบไม่ลืมว่าจะต้องนอนพักผ่อนอยู่บ้าน นามว่า “ประวิทย์ มณีโรจน์” หลังจากที่พลาดท่าให้กับคนหนุ่มที่ชื่อกุลวัชร สมัยหน้าอาจจะกลับมาเล่นการเมืองเพื่อทวงคืนเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาครกลับคืนมา

อีกข้อสันนิษฐานหนึ่ง “แหล่งข่าว” ที่ไม่เปิดเผยตัวได้กล่าวกับสาครออนไลน์ว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กุลวัชรได้แต่งตั้งรองนายกเทศมนตรีคนใหม่ แทนอดีตรองนายกฯ 2 คนที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ “ศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล” ที่รับไม้ต่อจาก “รองเส่ง-ชวพล วัฒนพรมงคล” ซึ่งขอกลับไปดูแลกิจการสินเชื่อเบสท์บาย และ “วิเชษฏ์ กิตติชัยการ” ที่มาแทน “สุดาพรรณ จารุนุช”

แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตถึงแกนนำที่เข้าร่วมประท้วงขับไล่นายกฯ กุลวัชรบางคน เคยคาดหวังว่าจะได้เก้าอี้รองนายกเทศมนตรี แต่ก็พลาดหวัง โดยแกนนำคนดังกล่าวมีสายสัมพันธ์กับ 1 ใน 4 รองนายกเทศมนตรี ที่เป็นถึง “ขาใหญ่” ในวงการประมง และรองนายกฯ ผู้นี้ก็เคยสัญญาว่าจะให้เก้าอี้รองนายกเทศมนตรีแก่แกนนำผู้นั้น

แต่เมื่อกลายเป็น “สัญญาลมปาก” ก็ทำให้แกนนำผู้นั้นถึงกับไม่พอใจ กลายเป็นผู้ที่ออกมาเป่านกหวีดเรียกชาวบ้าน ชุมนุมขับไล่เพื่อกดดันนายกฯ กุลวัชรให้พ้นจากเก้าอี้ คาดหวังที่จะนำไปสู่การล้างไพ่เลือกตั้งใหม่ในที่สุด

แรงเสียดทานที่เข้ามาจะทำให้นายกฯ กุลวัชรแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้หรือไม่ โดยเฉพาะโครงการปรับภูมิทัศน์ที่ต้องให้แล้วเสร็จทันตามสัญญา นอกจากโจทย์ใหญ่ในระยะยาวที่จะดำรงตำแหน่ง ท่ามกลางคลื่นใต้น้ำที่รอวันปะทุขึ้นมาใจกลางเมืองมหาชัย

บทสรุปของเรื่องนี้ คงไม่พ้นคำว่า “ผลประโยชน์ทางการเมือง” อยู่เบื้องหลังนั่นเอง



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง