การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร หรือ ส.อบจ. ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 มีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้งมากถึง 131 คน
นอกจากพรรคเพื่อไทย สมุทรสาคร, ทีมรักษ์สาคร, ทีมฅนทำงาน, คณะก้าวหน้า สมุทรสาคร และทีมประชารัฐ สมุทรสาคร จะส่งผู้สมัคร ส.อบจ. ลงเลือกตั้งทั้ง 30 เขต ก็ยังมีผู้สมัครอิสระลงชิงชัยมากถึง 9 คนด้วยกัน
อะไรที่ทำให้คนเหล่านี้ ตัดสินใจอาสาเข้าทำงานการเมือง มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกันที่นี่
เริ่มต้นด้วยเขตเลือกตั้งที่ 8 อำเภอเมืองฯ ต.มหาชัย (บางส่วน) เป็นเขตที่มีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้สมัคร ส.อบจ.สมุทรสาคร มากถึง 7 คน
หนึ่งในนั้น คือ “หมุ่ย – ธนกฤษ ประสานสุทธิพร” วัย 41 ปี หมายเลข 6 อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรสาคร เขต 3 ที่คราวนี้ผันตัวมาอาสาทำงานการเมืองในอีกระดับหนึ่ง
ธนกฤต เปิดใจกับ “สาครออนไลน์” ว่า ตนเป็นเด็กมหาชัย ได้มีโอกาสเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ ที่ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ตั้งแต่ ม.1 และเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอล จนได้โควตาเข้า ม.มหิดล และจบการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา
เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากจะพัฒนาเด็กและเยาวชนของที่นี่ สร้าง mindset ที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่ผ่านทางกีฬา ดนตรี ศิลปะ และวิชาการ เปิดเวทีให้เยาวชนได้แสดงออก ควบคู่กับการสืบสานวัฒนธรรมในท้องถิ่น
รวมถึงเรื่องของผู้สูงอายุ ด้วยความที่เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลฯ มาก่อน ทำให้เห็นว่าการสนับสนุนในส่วนนี้ ยังไม่มีการรองรับอย่างเพียงพอ ซึ่งทางเทศบาลนครสมุทรสาคร มีโครงการที่จะสร้างศูนย์ผู้สูงอายุมาหลายปี แต่ยังติดปัญหาทั้งเรื่องพื้นที่และงบประมาณ ถ้าตนมีโอกาสก็ผลักดันตรงนี้
ส่วนการพัฒนาในด้านอื่น สมัยที่ตนเป็นสมาชิกสภาเทศบาลฯ ในพื้นที่ ก็ได้ดูแลเรื่องสาธารณูปโภคเป็นหลัก ทั้งน้ำประปา ถนน ไฟฟ้า ฯลฯ ตนจึงมองถึงเรื่องการพัฒนาพื้นที่มากกว่า โดยจัดระเบียบพื้นที่ของหน่วยงานราชการให้ใช้พื้นที่อย่างเป็นประโยชน์และเหมาะสม และเพิ่มสนามกีฬาตามชุมชนต่าง ๆ ให้เด็กและเยาวชน
ส่วนเหตุผลที่ตนลงสมัครในนามอิสระ เพราะอยากจะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ให้กับบ้านเมืองนี้โดยที่ตนถนัด สามารถทำงานกับผู้บริหารคนไหนก็ได้ที่เข้ามาเป็นนายก อบจ.สมุทรสาคร ถ้าทำเพื่อส่วนรวม และตนก็สนับสนุนในทางที่ตนถนัดให้กับเขา
ในการหาเสียง ด้วยความที่เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่มีทีมงาน ก็อาศัยญาติพี่น้อง พรรคพวก คนสนิทที่เคยดูแลกันมา เพราะตนเกิดและโตที่มหาชัย ด้วยความที่เป็นคนรักกีฬา สมัยอยู่ ม.6 เคยสอนบาสเก็ตบอลให้กับรุ่นน้องที่นี่ ทำให้มีน้อง ๆ ที่รู้จักพอสมควร เดี๋ยวนี้ก็ยังมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาให้ตนสอนบาสเก็ตบอลอยู่ทุกวัน
ธนกฤต กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากจะทำสิ่งดี ๆ เพื่อคนมหาชัย และตนขอโอกาสที่จะทำ ถ้ามีโอกาสจะทำสิ่งที่ตนทำมาต่อยอด ทำให้ลูกหลานคนมหาชัยมีโอกาสดี ๆ มากขึ้น ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างดีขึ้น
อีกสนามเลือกตั้งที่น่าสนใจ อยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 6 อำเภอเมืองฯ ประกอบด้วย ต.ท่าจีน, ต.บางกระเจ้า (เฉพาะหมู่ที่ 2, 3, 4 และ 7) มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ถึง 5 คน
“อากู๋ – กฤตกร แซ่เอี๊ยบ” วัย 67 ปี หมายเลข 5 ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย ปี 2561 ก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.สมุทรสาคร ในเขตนี้ด้วย
ด้านประสบการณ์ทางการเมือง อดีตเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางกระเจ้า รวมถึงสมาชิกสภา อบต.บางกระเจ้า 3 สมัย ก่อนจะพักจากการทำงานการเมือง มาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง และแปรรูปอาหารทะเล รวมถึงทำงานสาธารณะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
กฤตกร เปิดเผยกับ “สาครออนไลน์” ว่าก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ตนต้องลาออกจาก 18 หน่วยงานที่ตนอาสาทำงาน ทั้งระดับชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด กรม และกระทรวง ทุกคนคัดค้านหมด แต่ตนบอกว่าไม่เป็นไร ตนเคารพเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 อยากทำงานแทนคุณแผ่นดิน
ถ้าตนเข้าไปทำงานได้ จะพยายามทำให้ทุกคนมีความสุข ตนอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตและคมนาคมในพื้นที่ ซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมถนนบ่อยครั้งเนื่องจากอยู่ริมชายฝั่ง ไฟฟ้าที่บางพื้นที่ยังเข้าไปไม่ถึง ผลักดันให้โรงเรียนขนาดเล็กยังอยู่ได้ เพื่อให้เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่มีโอกาสทางการศึกษา และผลักดันอาชีพให้คนในท้องถิ่น
สำหรับเรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง อาศัยช่วงหลังจากดูแลกิจการแปรรูปอาหารทะเลในช่วงตี 4 ถึง 6 โมงเช้า ก็จะลงพื้นที่หาเสียงกับทีมงานและพรรคพวก ลงพื้นที่ตามจุดต่าง ๆ ทั้งชาวบ้านในชุมชนดั้งเดิมที่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง และหมู่บ้านจัดสรรเกิดใหม่ในพื้นที่ ต.บางกระเจ้า และ ต.ท่าจีน เดินครบทุกพื้นที่ใช้เวลาประมาณ 25 วัน และจะเดินหาเสียงซ้ำซ้ำจนถึงวันลงคะแนน
กฤตกร กล่าวทิ้งท้ายว่า จริง ๆ ตนอาสาเข้ามาเพราะเคารพรักและเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 รักสถาบัน อยากจะแทนคุณแผ่นดินให้มากที่สุดในชีวิตเรา และอยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีหนทางและวิธีคิด
เพราะหนึ่งสมอง สองมือ สองเท้า ที่บุพการีให้มา คิดว่าเป็นพรสวรรค์อันสูงสุดแล้ว แต่จะใช้อย่างไร ให้ครอบครัวหรือคนรอบข้างมีความสุข อยู่ดีกินดีในระยะยาว
– กิตติกร นาคทอง –