เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดสมุทรสาคร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน 2566
โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดสมุทรสาคร กำหนดให้ใช้สถานที่ห้องประชุมสาครบุรี ชั้น 3 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรสาคร เป็นสถานที่รับสมัครฯ ที่เดิมเหมือนเมื่อครั้งการเลือกตั้ง 4 ปีก่อน
แม้บรรยากาศจะคึกคักไม่เคยเปลี่ยน แต่ในการเปิดรับสมัครฯ วันแรกกลับแตกต่างกัน ด้วยมีจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบ่งเขต ลดลงจากเมื่อครั้งที่แล้ว 40 คน จาก 26 พรรคการเมือง เหลือ 28 คน จาก 10 พรรคการเมือง
ส่วนหนึ่งเพราะมีการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งใหม่ จากระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้งคนทั้งพรรค “คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ” ที่พรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางได้ประโยชน์
มาเป็นระบบเลือกตั้งแบบผสมเสียงข้างมาก “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส. แบ่งเขต อีกใบหนึ่งเลือก ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เอื้อต่อพรรคขนาดใหญ่มากกว่า
โดยมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ เพื่อไทย ไทยสร้างไทย ประชาธิปัตย์ ไทยภักดี ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย และก้าวไกล ส่วนพรรคคลองไทย มีผู้สมัคร ส.ส. ลงในเขต 2 เท่านั้น
ส่วนพรรคการเมืองขนาดใหญ่ อย่าง “ชาติไทยพัฒนา” ซึ่งบ้านใหญ่ตระกูล “ไกรวัตนุสสรณ์” ตัดสินใจย้ายกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
หรือพรรคขนาดเล็กที่เคยอยู่บนหน้าสื่อต่าง ๆ เช่น ไทยศรีวิไลย์ พลังธรรมใหม่ รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงสนามเลือกตั้งสมุทรสาครในครั้งนี้
แต่ด้วยจำนวนผู้สมัคร ส.ส. แบ่งเขต 28 คนนี้ สร้างปรากฎการณ์หนึ่งให้เป็นที่พูดถึงกันไปทั่วประเทศ ขณะที่การเลือกตั้งในหลายจังหวัดมีปัญหาสับสนเรื่องหมายเลขผู้สมัครไม่ตรงกันในแต่ละเขตเลือกตั้ง แต่สมุทรสาครกลับตกลงกันนอกรอบได้สำเร็จ
พรรคเดียวกัน ได้หมายเลขเดียวกันทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง
จุดเริ่มต้นมาจากผู้สมัคร ส.ส. รายหนึ่ง เสนอความคิดเห็นต่อเจ้าหน้าที่รับสมัครเลือกตั้ง ขอออกไปตกลงนอกรอบกับผู้สมัคร ส.ส. จากทุกพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 3 เขต ร่วมกันจับสลากให้ทุกเขตเลือกตั้งเป็นหมายเลขเดียวกัน เพื่อช่วยกันทำให้พี่น้องประชาชนไม่สับสนกับการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง
โดยแต่ละพรรคได้ส่งผู้แทนร่วมหารือนอกห้องประชุม อาทิ “ชวพล วัฒนพรมงคล” จากประชาธิปัตย์ “จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ” จากพลังประชารัฐ “บุญมี นิลถนอม” จากเพื่อไทย “พลภวัฒน์ ชำนาญวาด” จากรวมไทยสร้างชาติ “ปัญญา ชวนบุญ” จากภูมิใจไทย “ศิริโรจน์ ธนิกกุล” จากก้าวไกล เป็นต้น
แต่พรรคคลองไทย มีผู้สมัคร ส.ส. รายเดียวลงในเขต 2 คือ “ชัยภัทร สุวรรณรัตน์” จึงต้องมีการเจรจา สุดท้ายเป็นอันตกลงกันได้ แล้วจึงร่วมกันจับสลาก
โดยครั้งแรกเป็นการเลือกลำดับในการจับสลาก และครั้งที่สองเป็นการจับสลากเลือกหมายเลข หากพรรคการเมืองใดได้หมายเลขอะไร ก็จะไปยื่นใบสมัครเรียงตามลำดับได้หมายเลขนั้น
ซึ่งมีผู้แทนพรรคการเมืองต่าง ๆ และสื่อมวลชน นำโดย “ณัฐวุฒิ เอกจิโรภาส” นายกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมเป็นสักขีพยาน
ผลปรากฏว่า หมายเลข 1 พลังประชารัฐ, หมายเลข 2 รวมไทยสร้างชาติ, หมายเลข 3 เพื่อไทย, หมายเลข 4 ไทยสร้างไทย, หมายเลข 5 ประชาธิปัตย์, หมายเลข 6 ไทยภักดี, หมายเลข 7 ภูมิใจไทย, หมายเลข 8 เสรีรวมไทย, หมายเลข 9 ก้าวไกล, หมายเลข 10 คลองไทย
มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นในการจับหมายเลข เช่น จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ เล่าว่าตอนจับสลากได้ลำดับที่ 9 เป็นคนสุดท้าย แต่กลับได้หมายเลข 1 ส่วน บุญมี นิลถนอม ได้หมายเลข 3 เหมือนเมื่อครั้งลงสมัครสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสาคร ในปี 2563
หรือ ปัญญา ชวนบุญ ที่จับสลากได้หมายเลข 7 ซึ่งวันถัดมาพรรคภูมิใจไทยจับสลากหมายเลขปาร์ตี้ลิสต์ได้เบอร์ 7 เหมือนกัน และ ศิริโรจน์ ธนิกกุล จับสลากได้หมายเลข 9 พ้องเสียงกับชื่อพรรคก้าวไกล เรียกได้ว่าเข้าทางเวลาหาเสียง
บทสรุปภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เบ็ดเสร็จใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงกัน แล้วผู้สมัคร ส.ส. ทั้งหมด กลับไปดำเนินการยื่นเอกสารสมัคร ส.ส. ตามปกติอีกครั้ง
ส่วนบรรดาผู้สมัครของผู้สมัคร ส.ส. แต่ละราย ที่รออยู่ด้านนอกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสมุทรสาคร เมื่อทราบหมายเลขของตนเองแล้ว ก็ดำเนินการติดสติ๊กเกอร์หมายเลขที่เตรียมไว้บนรถแห่หาเสียงเลือกตั้งและป้ายกองเชียร์ พร้อมส่งเสียงให้กำลังใจผู้สมัครของตนเองอย่างคึกคัก
แม้อุณหภูมิการเมืองในประเทศจะร้อนแรงพอ ๆ กับอากาศในหน้าร้อนก็ตาม ถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นนักการเมืองสมุทรสาครร่วมมือตกลงกันได้ อยู่เหนือความขัดแย้ง เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
-กิตติกร นาคทอง-