“ภาษีบ้าน” อุปสรรคใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สมุทรสาคร

1472-1

กระทรวงการคลังได้เปิดเผยอัตราภาษีที่ดินและที่อยู่อาศัยออกมาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกเป็นกฎหมาย

โดยอัตราภาษีที่ดินและที่อยู่อาศัยนั้น จะคิดอัตราภาษีอยู่ที่ 0.1% หากราคาประเมินไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี

ส่วนที่อยู่อาศัยราคาประเมินตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท จะคิด 50% ของอัตราที่เรียกเก็บ ซึ่งจะต้องจ่ายตั้งแต่ 500-1,500 บาท

และหากที่อยู่อาศัยราคาประเมิน 3 ล้านบาทขึ้นไป จะคิด 100% ของอัตราที่เรียกเก็บ ซึ่งจะต้องจ่ายในส่วนของ 3 ล้านบาทแรก 1,500 บาท บวกกับส่วนที่เหลือเสีย 1,000 บาท ต่อมูลค่าทุกๆ 1 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้หากผ่านการพิจารณาออกเป็นกฎหมายแล้ว จะยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที แต่จะมีระยะเวลาเว้นการใช้กฎหมายประมาณ 2 ปี เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศเป็นรายแปลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลในการเก็บภาษีที่อยู่อาศัย ระบุว่า รัฐต้องเดินหน้าพัฒนาประเทศ แต่งบประมาณภาครัฐนั้นตกลงไปเรื่อยๆ การส่งออกไม่เข้มแข็ง ภาคเกษตร ภาคเศรษฐกิจไม่ดี หากไม่มีการเก็บภาษีจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนพัฒนาประเทศ

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังยังต้องไปหารือในรายละเอียดเรื่องอัตราภาษี และจะมีมาตรการยกเว้นภาษีให้กับคนกลุ่มใดบ้าง ไม่ได้หมายความว่าจะไปรีดเลือด กำลังให้ไปหารือว่าจะมีข้อยกเว้นหรือไม่

1472-2

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยข้อมูลที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการสมุทรสาคร และนครปฐม)

พบว่าในปี 2557 มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทุกประเภทรวมกัน ประมาณ 1.31 แสนหน่วย ลดลงจากปีก่อน ซึ่งมีประมาณ 1.32 แสนหน่วย

แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในเขตกรุงเทพฯ ประมาณ 6.91 หมื่นหน่วย ลดลง 13% จากปีก่อน และ 5 จังหวัดปริมณฑล ประมาณ 6.23 หมื่นหน่วยเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน

แบ่งเป็นหน่วยห้องชุดประมาณ 7.29 หมื่นหน่วย (คิดเป็น 56% ของหน่วยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด) บ้านเดี่ยวประมาณ 3.45 หมื่นหน่วย (คิดเป็น 26%) ทาวน์เฮาส์ประมาณ 1.42 หมื่นหน่วย (คิดเป็น 11%)

อาคารพาณิชย์ประมาณ 6.9 พันหน่วย (คิดเป็น 5%) และบ้านแฝดประมาณ 2.9 พันหน่วย (คิดเป็น 2%)

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร พบว่าราคาส่วนใหญ่ หากเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ หรือทาวน์โฮมในปัจจุบันราคาจะเริ่มต้นที่ 1-2 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวราคาจะเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาทขึ้นไป

โดยกลุ่มเป้าหมายคนที่ซื้อบ้านในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานที่มีกำลังซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว นอกจากนี้ ถ้าจำนองกับสถาบันการเงิน ยังต้องเสียดอกเบี้ยผ่อนบ้านซึ่งมากกว่าเงินต้นทุกเดือน

ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงเงินฝืด ความต้องการบริโภคลดลงในวงกว้างเพราะไม่กล้าใช้เงิน ทำให้ไม่มีเงินสะพัดมากพอ ตรงกันข้ามรัฐบาลมีแผนเพิ่มภาษีจำนวนมาก ทำให้เอกชนเกิดความไม่แน่นอน การบริโภคและการลงทุนชะงักไปอีก

แน่นอนว่า กระแสเรื่องภาษีบ้านที่กระทรวงการคลังพยายามผลักดันในขณะนี้ จะยิ่งทำให้กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่มีแผนต้องซื้อบ้านในปีนี้ แม้กฎหมายจะยังเป็นแค่วุ้นที่ยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างก็ตาม

ต้องจับตามองไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ประกอบการท้องถิ่น ว่าจะปรับตัวในภาวะเช่นนี้อย่างไร เมื่อตัวเลือกการตัดสินใจซื้อบ้านมีเรื่องของ “ภาษีบ้าน” รวมอยู่ด้วย.

– กิตตินันท์ นาคทอง –



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง