มีร้านค้าหลายรายอยากได้เครื่องรูดบัตรเครดิต เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระค่าสินค้าแทนเงินสด ซึ่งต้องคิดหนักเนื่องจากมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องรักษายอดขาย นอกจากต้องเสียค่าธรรมเนียมการรูดบัตรซึ่งแตกต่างกันไป แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพียงแค่อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทำให้กลายสภาพเป็นเครื่องรูดบัตรได้อย่างง่ายดาย

อุปกรณ์ดังกล่าวเรียกว่า mPOS (Mobile Point-of-Sale) เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต เปรียบเสมือนเครื่องรูดบัตร (EDC) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยข้อมูลบนบัตรจะถูกส่งต่อไปยังแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้ง ซึ่งเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 3 จี หรือไว-ไฟไปยังธนาคาร

โดยร้านค้าจะระบุราคาสินค้าลงในแอปพลิเคชั่น จากนั้นลูกค้าส่งบัตรเครดิตให้ทางร้านนำบัตรไปเสียบเข้ากับเครื่อง mPOS เพื่ออ่านข้อมูลบนชิปการ์ด (หรือรูดกับแถบแม่เหล็ก) จากนั้นลูกค้าใช้นิ้วเซ็นชื่อลงบนโปรแกรม ใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อรับ SMS หรืออีเมลเพื่อรับสลิป ก่อนที่ร้านค้าจะใส่รหัสร้านค้าเพื่อขออนุมัติวงเงินกับธนาคาร กระทั่งทำรายการสำเร็จ ปัจจุบันมีอยู่ 2 ธนาคารที่ให้บริการเครื่อง mPOS ได้แก่

ธนาคารกสิกรไทย มีบริการ K-Merchant on Mobile ซึ่งให้บริการแล้วกับสายการบินนกแอร์ เมืองไทยประกันชีวิต ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ และธุรกิจขายตรงอย่างแอมเวย์ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ mPOS ที่รับเฉพาะบัตรที่เป็นชิปการ์ดเท่านั้น โดยสามารถรับบัตรเครดิต VISA และ MasterCard ทุกธนาคาร แต่ไม่รับบัตรเดบิต และบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว

ส่วนแอปพลิเคชั่น K-Merchant ใน App Store พบว่ารองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 5.0 ขึ้นไป App นี้เหมาะสำหรับ iPhone 5 นอกจากนี้ ยังสามารถใช้กับสมาร์ทโฟนยี่ห้อซัมซุง เช่น Galaxy S3 ผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้อีกด้วย แต่ต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ธนาคารอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีแอปพลิเคชั่นในเพลย์สโตร์โดยตรง

รายละเอียด คลิกที่นี่

ลูกค้าสามารถสมัครสมัครบริการได้ที่สาขาที่เปิดบัญชีเท่านั้น โดยผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติคือ เป็นบุคลธรรมดา ร้านค้า ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท โดยเอกสารประกอบการสมัคร ได้แก่ หลักฐานการจดทะเบียนประกอบธุรกิจ สำหรับร้านค้าทั่วไป ใช้ใบทะเบียนพาณิชย์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียน ออกให้ภายใน 1 เดือน

ส่วนบริษัทจำกัด ใช้ หนังสือรับรองการจดทะเบียน ออกให้ภายใน 1 เดือน พร้อมกับสำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ระบุ 2 ข้อ คือ 1. ขอเป็นร้านค้ารับบัตรเครดิต 2. ขอเปิดบัญชีกระแสรายวัน หรือบัญชีออมทรัพย์ (ในกรณีที่ยังไม่มีบัญชีกับธนาคาร)

อย่างไรก็ตาม กรณีบุคคลธรรมดาไม่จดทะเบียนสมัครใช้บริการ ให้ใช้เอกสารประกอบการเสียภาษี หรือเอกสารรับรองการประกอบธุรกิจที่ออกโดยทางราชการ หรือเอกสารการลงนามจัดตั้งคณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือหนังสือที่ระบุผู้มีอำนาจลงนาม โดยสาขา หรือทีมขายทำหนังสือยืนยันเป็นเจ้าของร้านค้า ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจ

ส่วนหลักฐานอื่น ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม, เอกสารแสดงฐานะทางการเงิน ได้แก่ รายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ถ้ามีงบกระแสเงินสด ย้อนหลัง 1 ปี หรืองบกำไร/ขาดทุน และงบดุลย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี ก็ให้แนบมาด้วย, หลักฐานสถานที่ตั้ง รูปถ่ายหน้าร้านค้า และภายในร้านค้าอย่างละ 1 รูป แผนที่สถานที่ตั้งของร้านค้า หรือหากในกรณีเช่าพื้นที่ แนบสัญญาเช่าสถานที่ร้านค้า ทั้งนี้ จะมีการเซ็นสัญญาแนบท้ายสำหรับอุปกรณ์เครื่องรับบัตรเพิ่มเติม

โดยในส่วนของค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Entrance Fee) การใช้อุปกรณ์เครื่องรับบัตร mPOS มาตรฐาน 3,000 บาทต่อเครื่อง ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ส่วนค่าธรรมเนียมในการรับบัตรมาตรฐานร้อยละ 3 ต่อครั้ง ทุกประเภทบัตร ซึ่งจะหักค่าธรรมเนียมออกไปจากยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีของผู้ค้า

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าธรรมเนียมในการรับบัตรจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 3 ต่อครั้ง เมื่อเทียบกับเครื่องอนุมัติวงเงินเครดิตอัตโนมัติ (EDC) ตามร้านค้าทั่วไป แต่ข้อดีของบริการนี้สำหรับร้านค้าคือ ไม่ต้องรักษายอดขาย เมื่อเทียบกับเครื่อง EDC ที่ต้องรักษายอดการรับบัตรต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 ถึง 300,000 บาท จึงเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก รวมไปถึงธุรกิจขายตรงและประกันชีวิต

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีบริการ Krungsri Quick Pay โดยใช้อุปกรณ์ mPOS สองส่วน คือ บริเวณด้านบนสำหรับอ่านบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว และด้านล่างสำหรับอ่านบัตรชิปการ์ด สามารถรับบัตรเครดิต และบัตรเดบิตทุกธนาคาร โดยมีบริษัท สวิฟฟ์ จากประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ

ส่วนแอปพลิเคชั่น Krungsri Quick Pay ใน App Store พบว่ารองรับ iPhone, iPod touch และ iPad ต้องใช้ iOS 5.0 ขึ้นไป

รายละเอียด คลิกที่นี่

สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครบริการได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดต่อผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ 1572 ในเวลาทำการ ซึ่งจะโอนสายไปยังฝ่ายบริหารการขายและการตลาดบัตรเครดิตร้านค้า โดยคุณสมบัติต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ใช้หลักฐานเป็นสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ส่วนหลักฐานอื่น ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด พร้อมวัตถุประสงค์ โดยต้องจดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน อายุไม่เกิน 30 วัน, ในกรณีนิติบุคคล แนบสำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20) หากเป็นชาวต่างชาติ แสดงสำเนาหนังสือเดินทางและใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit) ที่ยังไม่หมดอายุ เป็นต้น

สำหรับค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ แม้ในเว็บไซต์ธนาคารจะยังไม่เปิดเผย แต่จากการสอบถามไปยังฝ่ายบริหารการขายและการตลาดบัตรเครดิตร้านค้า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้คำตอบว่า ลูกค้าจะเสียค่าติดตั้ง 2,000 บาท ซึ่งจะได้อุปกรณ์ mPOS จำนวน 1 ชุด ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ส่วนค่าธรรมเนียมในการรับบัตร ร้อยละ 2.5 ต่อครั้ง ทุกประเภทบัตร

ปัจจุบันธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้นำเครื่อง mPOS มาใช้ตามร้านค้าต่างๆ ย่านเยาวราช โดยเฉพาะแผงขายอาหารข้างทาง เช่น ร้านขายเกาลัด ร้านก๋วยจั๊บ ร้านผลไม้ ร้านหูฉลาม ฯลฯ พร้อมกับทดลองให้บริการบนรถแท็กซี่ที่สนใจเข้าร่วมโครงการทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าให้ความสนใจใช้บริการและนำมาบอกต่อกันในระดับหนึ่ง

ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่อย่าง วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กำลังทำการส่งเสริมนวัตกรรมการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ หนึ่งในนั้นคืออุปกรณ์ mPOS เพื่อเพิ่มจุดรับบัตรพร้อมสร้างความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยในการชำระเงินแก่ผู้ถือบัตร โดยมีจุดขายคือสามารถเคลื่อนย้ายได้ เมื่อเทียบกับเครื่องรูดบัตรแบบอื่น และค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าสำหรับร้านค้า

ถึงกระนั้นสำหรับร้านค้า แม้ด้วยขั้นตอนการรับชำระเงินที่ไม่ยุ่งยาก แต่ด้วยค่าธรรมเนียมในการรับบัตรที่สูงถึงร้อยละ 2.5-3 ต่อครั้ง ซึ่งธนาคารจะหักจากยอดเงินค่าสินค้าที่ได้รับต่อครั้ง จึงควรพิจารณาถึงกำไรที่จะได้รับให้สอดคล้องกับค่าธรรมเนียมการรับบัตรเสมอ.

• กิตตินันท์ นาคทอง •