ถ่านหิน ศัตรูประชาชน จาก “เจริญ วัดอักษร” ถึง “ทองนาค เสวกจินดา”

เก้าโมงเช้าเศษของวันที่ 28 ก.ค. ในวันที่อากาศแจ่มใส ไม่มีใครคาดคิดว่าวันนี้ ชีวิตของชายวัยสี่สิบปลายๆ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวและของชำเล็กๆ ในหมู่บ้านคลองปีกนกที่ชื่อว่า “ทองนาค เสวกจินดา” จะต้องจากโลกใบนี้ เขาถูกคมกระสุนปลิดชีพ จากคนร้ายที่ลั่นไกสังหารอย่างเลือดเย็น ก่อนซิ่งจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างลอยนวล

ความเศร้าโศกเสียใจจากครอบครัวทั้งภรรยา ญาติๆ รวมทั้งแกนนำกลุ่มต่อต้านถ่านหินอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตสมุทรสาคร ที่ทองนาคเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันเกิดขึ้น ทุกคนต่างมีสีหน้าสลดหดหู่ บ้างก็ร้องไห้ ทำใจไม่ได้กับการสูญเสียที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว ไม่นึกว่าการต่อสู้กับนายทุนที่ผ่านมา จะบานปลายไปถึงการสังหารอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้

ที่ผ่านมา คนที่ร่วมกันเคลื่อนไหวต่อต้านผู้ประกอบการนำเข้าและจำหน่ายถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร ต้องเจอแรงเสียดทานสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ท้าทายของนายทุน สร้างความเดือดร้อนไม่รู้จบ การถูกข่มขู่คุกคามทั้งจากนายทุนและคนมีสีบางกลุ่ม รวมทั้งพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลางของข้าราชการระดับสูง และนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดบางคน

การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของทองนาค แน่นอนว่าแกนนำต่อต้านถ่านหินย่อมรู้สึกไม่มั่นใจถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง ถึงขนาดต้องร้องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยคุ้มกัน ใครจะเชื่อว่าจากโทรศัพท์ข่มขู่ ที่คิดว่าคงทำได้แค่ส่งเสียงให้เกิดความหวาดกลัว พอเอาเข้าจริงก็ถึงกับเอาชีวิตและเลือดเนื้อผู้อิ่น ถ้าไม่เรียกว่าความใจดำอำมหิตแล้วจะเรียกว่าอะไร

นึกแล้วไม่มีผิดที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อาจมีรายการ “เอาคืน” จากผู้ประกอบการถ่านหิน ซึ่งเสียผลประโยชน์จากการปิดท่าเรือและคลังสินค้า หรือถ้าไม่เช่นนั้นอาจมีข้าราชการและนักการเมืองบางคนที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการถ่านหิน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการขึ้นป้ายผ้าประณามการปิดถนนพระราม 2 ของกลุ่มต่อต้านถ่านหินและเรียกร้องให้มาชุมนุม แต่ล้มเหลว

นี่คงเป็นวิธีการที่ได้ผลของผู้บงการสังหารแกนนำต่อต้านถ่านหิน ที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิของชุมชน เพราะนอกจากแกนนำอย่างทองนาคจะถูกปลิดชีวิต และแกนนำคนอื่นๆ จะหวั่นไหวแล้ว จุดอ่อนที่สำคัญของฝ่ายที่ต้องต่อสู้กับนายทุน ที่มีทั้งเงินและกำลังมหาศาลก็คือ อำนาจรัฐไม่อาจปกป้องผู้ที่ต่อสู้เพื่อชาวบ้านและประชาชนได้อย่างแท้จริง ถือเป็นความล้มเหลวที่ไม่อาจแก้ตัวได้

กระบวนการยุติธรรมกับผู้มีอิทธิพลในช่วงที่ผ่านมา แม้ตำรวจในฐานะผู้ที่ต้องทำหน้าที่คลี่คลายคดีมักจะอ้างอยู่เสมอว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ที่ผ่านมาผู้มีอิทธิพลคนแล้วคนเล่าต้องทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตายฟรี ยิ่งใครมีเงินหรือมีอำนาจในมือมากเท่าไหร่ ประชาชนยิ่งไร้ค่ามากยิ่งขึ้น เป็นสองมาตรฐานที่ไม่ต้องนำเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งใดเปรียบเทียบ

แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร “จุลภัทร แสงจันทร์” จะรับหน้าเสื่อ ออกมารับปากกับกลุ่มชาวบ้านว่า จะสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูแลคดีเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และเร่งติดตามเอาผู้ลงมือก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ แต่ถึงกระนั้น เรายังไม่พบว่าตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครจะมีความกระตือรือร้นในการคลี่คลายคดี หรือกระทำเมื่อถึงขั้นไฟลนก้นแล้วจริงๆ

และแม้ในภายหลังจะจับกุมตัวคนร้ายได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนร้ายที่ถูกจับกุมเป็นผู้ลงมือก่อเหตุตัวจริง หรือเป็นแพะที่ถูกส่งมาเพื่อลดกระแสสังคม ไม่นับรวมการจับกุมคนร้ายเพื่อสาวไปถึงตัวผู้บงการ พอเอาเข้าจริงจะต้องสะดุดลงเพราะเจอ “ตอ” หรือไม่ แม้กระทั่งแกนนำในการเคลื่อนไหวคนอื่นๆ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ทองนาคอาจเป็นศพสุดท้ายที่สังเวยต่อวิกฤตถ่านหิน

การเสียชีวิตของทองนาค หากย้อนกลับไปในอดีต คดีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน แกนนำประกอบอาชีพสุจริตเหมือนกัน ต่อต้านถ่านหินเหมือนกัน และแม้กระทั่ง “สีเขียว” ที่สื่อถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคม ก็ยังมีเหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือคดีลอบสังหาร “เจริญ วัดอักษร” อดีตประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต.บ่อนอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และแกนนำต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก

สามทุ่มครึ่งของวันที่ 21 มิถุนายน 2547 เจริญ ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณทางเดินเข้าบ้านบ่อนอก ถนนเพชรเกษม หลังเดินทางไปยื่นข้อมูลความผิดปกติ ในการออกเอกสารสิทธิที่ดินสาธารณะ 931 ไร่ในเขต ต.บ่อนอก ให้กับ คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา โดยที่ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2538 เขาเริ่มเข้ามาคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน มูลค่า 12,000 ล้านบาทของบริษัท กัลฟ์ พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนถูกขู่ฆ่าหลายครั้ง กระทั่งการคัดค้านของชาวบ้านประสบผลสำเร็จ รัฐบาลมีคำสั่งให้ย้ายโรงไฟฟ้าออกจากพื้นที่

เจริญจัดได้ว่าเป็นแกนนำที่คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินแบบหัวชนฝา เนื่องจากประเมินแล้วว่า โรงไฟฟ้าจะนำหายนะมาสู่พื้นที่และชุมชน แม้คนที่เคยต่อสู้ร่วมกับเจริญจะแยกทางเพราะไปทำงานสนับสนุนโรงไฟฟ้า โดยเห็นแก่ประโยชน์ที่โรงไฟฟ้าหยิบยื่น แต่เจริญก็ยังคงยืนหยัด แม้บริษัทผู้ก่อตั้งโรงไฟฟ้าเคยพยายามติดสินบนเป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติการประท้วง แต่ก็ถูกนายเจริญปฏิเสธเนื่องจากต้องการต่อสู้เพื่อรักษาวีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน

คดีนี้ใช้เวลาของขั้นตอนในการนำเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมยาวนานกว่า 4 ปี แม้ตำรวจจะสามารถจับกุมได้ทั้งมือปืน 2 คน และผู้ต้องสงสัยจ้างวานได้อีก 3 คนจากการซัดทอดของมือปืน แต่ระหว่างที่คดีอยู่ในศาล ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความคลางแคลงใจ เพราะมือปืนทั้งสองคนเสียชีวิตในคุก ท่ามกลางความสงสัยว่าทำไมพยานปากสำคัญในคดีนี้ต้องตายหมด และเชื่อว่าไม่ได้ตายตามธรรมชาติ เกรงว่าจะทำให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่เหลือ

30 ธันวาคม 2551 ศาลอาญาได้พิพากษาประหารชีวิตนายธนู หินแก้ว ฐานจ้างวานฆ่านายเจริญ ส่วนนายมาโนช หินแก้ว อดีต ส.จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายเจือ หินแก้ว อดีตกำนันตำบลบ่อนอก สั่งยกฟ้องเพราะหลักฐานไม่พอลงโทษ ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขณะเดียวกันชาวบ้านบ่อนอกยกวันที่ 20 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันรำลึกถึงการเสียชีวิตของเจริญ

แม้การต่อสู้ของเจริญกับทองนาคจะมีความแตกต่างกัน ทั้งรูปแบบของกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการเคลื่อนไหวที่สั่งสมด้วยระยะเวลาต่างกัน แต่จุดจบของทั้งสองเกิดขึ้นในลักษณะที่คล้ายกัน คือ การที่เจริญและทองนาคมีบทบาทในการให้ข้อมูลกับทางการ ที่น่าสนใจคือ ทองนาคเพิ่งกลับจากการเดินทางไปศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีฟ้องร้องผู้ประกอบการถ่านหินในพื้นที่ คดีอยู่ในระหว่างการหาหลักฐานและสืบพยาน

วันนี้แม้ทองนาคจะจากลาโลกที่เต็มไปด้วยความโสมมของฝุ่นถ่านหินที่ฟุ้งกระจายในจังหวัด ไปอยู่ในภพหน้าที่สบายแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงความสูญเสีย ที่ทองนาคอาจจะไม่ใช่ศพสุดท้าย ถึงอย่างไรก็ตาม แกนนำและชาวบ้านที่เหลืออยู่ก็ยังคงเดินหน้าต่อต้านธุรกิจถ่านหิน พร้อมกับเรียกร้องความเป็นธรรม

เมื่อถ่านหินกลายเป็นศัตรูกับประชาชนมากขึ้นทุกขณะ พวกเขาย่อมมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า การสูญเสียทองนาคในวันนั้จะต้องไม่สูญเปล่า และไม่ตายฟรี…



8 ความคิดเห็น เรื่อง “ถ่านหิน ศัตรูประชาชน จาก “เจริญ วัดอักษร” ถึง “ทองนาค เสวกจินดา””

  1. คนไท กล่าวว่า:

    ก.ค. 29, 11 at 3:33 am

    อยากให้สู้ต่อไป อย่าหยุด สู้ๆๆครับ

  2. คนท่าทราย กล่าวว่า:

    ก.ค. 29, 11 at 4:40 am

    สู้เพื่อลูกหลานแม้ตายก็ยอม ตายช้าตายเร็วมันก็ต้องตายเหมือนกันทุกคน แต่ขอตายอย่างมีเกียรติเพื่อความถูกต้อง

  3. คนท่าศาลา กล่าวว่า:

    ก.ค. 29, 11 at 4:49 am

    เราต้องสู้ก่อนที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่

  4. คนท่าศาลา กล่าวว่า:

    ก.ค. 29, 11 at 5:00 am

    วันนี้กระบวนการต่อสู้เพื่อรักษาความชอบธรรมให้กับชาวบ้านอาจจะต้องมีกองทัพประชาชนเพื่อปกป้องตัวเองหรือเปล่าเพราะอำนาจรัฐไม่สามารถดูแลชีวิตของชาวบ้านได้รัฐไม่กล้าสู้กับกลุ่มอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์แต่วันนี้เราก็บอกได้คำเดียวว่ากฟผ.ระวังตัวไว้บ้างเกิดชาวบ้านอดทนไม่ได้วันไหนจะเกิดการปิดประตูตีแมวให้รัฐดูเป็นตัวอย่างก็ได้วันนี้คนท่าศาลาพร้อมต่อสู้กับกฟผ.ทุกรูปแบบแล้วครับ

  5. เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินลุ่มน้ำปากพนัง (อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมรา) กล่าวว่า:

    ก.ค. 29, 11 at 7:54 am

    ลุกขึ้นมาสู้เถิดพี่น้อง อย่าเห็นแก่เศษเงินของนายทุน ปากอ้างว่าไฟฟ้าไม่พอ มีความจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีฯ โรงไฟฟ้ายังไม่ได้สร้างเลย แต่นิคมอุตสาหกรรม ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา (พื้นที่ติดกัน) กำลังเขียนผังเมืองใหม่เพื่อรับอุตสาหกรรม น่าจะรู้แล้วนะว่ารัฐจะสร้างโรงไฟฟ้าไปให้ใคร ปากก็อ้างว่าทำเพื่อประชาชน แต่พวกเราอยากจะถามว่า เคยมีโรงงานซักโรงมั้ย ในประเทศไทยที่ชาวบ้านเป็นเจ้าของ พวกเราไม่ยอมแน่นอน แม้ว่าเราจะกลายป็นศพต่อไป

  6. คนหมู่ 4 ท่าทราย กล่าวว่า:

    ก.ค. 31, 11 at 6:00 am

    เห็นด้วยและขอร่วมแนวทางเดียวกับคุณ คนท่าทราย 100% เราอยู่ในพื้นที่ก็ต้องต่อสู้ในวิถีทางที่ทำได้จนถึงที่สุด มิฉะนั้น อยู่ไปก็หนักและรกแผ่นดินพื้นที่เกิด

  7. ปลายปากกา จากประชาชน ม.4 กล่าวว่า:

    ส.ค. 02, 11 at 1:33 pm

    ปลูกต้นไม้อะไรไว้ ก็ต้องได้กินผลนั้น…. เมื่อคนเลวทำอะไรก็ย่อมได้ผลนั้นเช่นกัน

    ขอให้น้านาคไปสู่ภพที่ดี ขอให้คนร้าย ได้รับผลนั้นเร็วๆๆ ขอให้ทุกคนสู้ๆๆ…ทุกอย่างมีทางแก้ไข เพียงแค่เห็นแก่ตัว มักง่าย มองอย่างกลางๆๆ ทุกอย่างทำได้ถ้าทำตามกฎกติกา มีวิธีการเก็บถ่านหินไม่ให้ฟุ้งกะจาย ..แค่ถ่านหิน…สารพิษเค้าก็ขนเยอะแยะ แต่ …เค้าทำตามกติกา ไม่ใช่มักง่าย
    เห็นแก่ตัว ไม่ตายวันนี้ แต่ก็ผ่อนส่ง … (ถนนก็พังเพราะขนถ่ายหิน ไม่เห็นมีใครทำถนนเลย มีแต่หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง)

    ขอให้ทุกคนสู้ๆ สู้เพื่อศักดิ์ศรี ไม่ใช่เงิน… สู้เพื่อลูกหลาน….

  8. น้องพี่นาค กล่าวว่า:

    ส.ค. 05, 11 at 3:28 am

    มันต้องชดใช้


แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง