แค้นสั่งตาย “ไอ้อี๊ด” มือชี้เป้าฆ่า “ทองนาค”

เหตุการณ์อุกอาจกลางเมืองมหาชัย เมื่อกลุ่มคนร้ายใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะ บุกยิงเผาขนหนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆ่านายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต่อต้านถ่านหิน จ.สมุทรสาคร ระหว่างเดินทางไปให้ปากคำต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร ชนิดที่ว่าเย้ยสายตาตำรวจ เพราะอยู่ห่างจากสี่แยกโรงพักมหาชัยไม่ถึง 100 เมตรเท่านั้น

เวลา 11.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ร.ต.อ.ประวิทย์ นันจันที ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งจากนายธนเดช คล้ายกล่ำ เจ้าหน้าที่รักษาความปลออดภัยของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) สาขาสมุทรสาคร วัย 47 ปี ว่าเกิดเหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิตในรถกระบะซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่ที่หน้าธนาคาร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ถจ 4613 กทม. จอดอยู่บริเวณริมถนนข้างทาง บริเวณกระจกขวาข้างคนขับถูกกระสุนปืนยิงเป็นรูโหว่ 4 รู ภายในรถพบศพคนขับสวมเสื้อยืดคอกลมลายทางสีม่วงขาว กางเกงยีนส์สีดำ นอนหงายคอพาดเบาะที่นั่งคนขับ และมีบาดแผลถูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตามจุดต่างๆ นับสิบนัด

ทราบชื่อคือ นายสุชชเดช หรืออิ๊ด ทับไกร วัย 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 7 ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 ผู้ต้องหาคดียิง นายทองนาค เสวกจินดา พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวและของชำวัย 46 ปี ซึ่งอีกสถานะหนึ่งเขาเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มต่อต้านถ่านหิน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตจังหวัดสมุทรสาคร เสียชีวิตเมื่อปี 2554

หลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมประชุมเร่งรัดคดียิงนายสุชชเดช จากนั้นแถลงข่าวว่า แนวทางการสืบสวนทางตำรวจทางตำรวจตั้งประเด็นการล้างแค้นผู้ตาย ไม่เฉพาะคดีที่ฆ่านายทองนาคเท่านั้น

แต่นายสุชชเดชยังเกี่ยวพันคดีฆ่าคนตายและอยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมใน จ.สมุทรสาครทั้งสิ้น 5 คดี เกี่ยวพันรวมทั้งเครือข่ายยาเสพติดที่จับกุมได้ขยายผลแล้วพบว่าเกี่ยวพันกับผู้ตายทุกคดี ฉะนั้นทุกประเด็นเรายังตัดไม่ได้ ทุกคดีที่ผู้ตายเข้าไปร่วม หรืออยู่เบื้องหลังในการสืบสวนเป็นสาเหตุการถูกสังหารได้ทั้งสิ้น

“การตายของนายสุชชเดชนั้น เรื่องของคดีเก่าที่ยิงนายทองนาคในชั้นจับกุม ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ให้การรับสารภาพ และนำชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ประกอบทั้งคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีทำให้เราสามารถยึดของกลาง วัตถุพยานอาวุธปืนรถยนต์ได้สอดคล้องกันทั้งหมด แม้จะปฏิเสธในชั้นศาล หรือเกิดเสียชีวิตไปแล้วยังถือว่ามีน้ำหนักอยู่” พล.ต.ท.หาญพล กล่าว

ส่วนเรื่องของกล้องวงจรปิดที่ตรวจพบขณะนี้ พบยานพาหนะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ 4 ประตู ทั้งนี้ในคดีฆาตกรรมทั้ง 5 คดี ที่ผู้ตายไปเกี่ยวพันเป็นสาเหตุการถูกสังหารได้ทั้งสิ้น ขณะนี้ทีมสืบสวนได้แบ่งงานกันแล้ว

นายสุชชเดช ทับไกร ผู้ต้องหาในคดีฆ่านายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต่อต้านถ่านหิน จ.สมุทรสาคร ในวันทำแผนประกอบคำรับสารภาพพร้อมกับนายนิพนธ์ ยันตะละพะ ทำหน้าที่ขับรถพามือปืนไปชี้เป้าที่เกิดเหตุ (ภาพจากเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ เมื่อ 2 ส.ค.2554)

นายสุชชเดช เป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมได้เป็นคนที่สาม หลังก่อนหน้านี้ได้จับกุมนายนิพนธ์ หรือหมู ยันตะละพะ วัย 34 ปี และนายจักรพงศ์ หรือพงศ์ ขวัญพันธุ์งาม วัย 22 ปี โดยนายสุชชเดชเป็นผู้รับงานและจัดหาอาวุธปืน นายจักรพงศ์ทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์พามือปืนสังหารนายทองนาค ส่วนนายนิพนธ์เป็นคนขับรถกระบะเพื่อคอยคุ้มกัน

ภายหลังมือลั่นไกปืนยิงนายทองนาค คือนายโยธิน หรือบอย เทพเรียน วัย 25 ปี และนายสิทธิโชค นอบน้อม หรือผู้ใหญ่เล็ก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.สวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และเป็นน้องชายของนายประยงค์ นอบน้อม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สวนส้ม ซึ่งมีชื่อพัวพันในคดีได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบปากคำนายสุชชเดช หนึ่งในทีมสังหารที่ตำรวจควบคุมตัวได้ ให้การซัดทอดว่ารับงานมาจากนายสิทธิโชค หรือผู้ใหญ่เล็ก ขณะที่นายสิทธิโชคให้การสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากผู้จ้างวานในราคา 3 แสนบาท จัดหาทีมสังหารนายทองนาค โดยเบื้องต้นได้รับเงินจากผู้จ้างวานมาแล้ว 1 แสนบาท จึงได้ไปจ้างให้นายสุชชเดชจัดหามือปืน

ต่อมา นายธนยศ หรือเบื๊อก วงศ์พิมพ์ อายุ 53 ปี เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. หลังศาลจังหวัดสมุทรสาครออกหมายจับ โดยขอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้จ้างวานฆ่านายทองนาค เนื่องจากไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ไม่เคยทะเลาะวิวาทและไม่เคยโกรธเคืองกัน

เสี่ยเบื๊อกกล่าวในวันที่เข้ามอบตัวว่า เป็นเจ้าของรถบรรทุกรับเหมาขนถ่ายถ่านหินมา 3 เดือนเศษแล้ว และยังมีอาชีพเร่งรัดหนี้สินด้วย โดยยอมรับว่าเคยรู้จักกับนายสิทธิโชค ก่อนหน้านี้จริง เพราะเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วเคยทำบ่อเลี้ยงกุ้งด้วยกัน ส่วนผู้ต้องหารายอื่นไม่เคยรู้จักกัน การที่มามอบตัวนั้นก็เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ

อย่างไรก็ตาม ในภายหลังนายธนยศหรือเสี่ยเบื๊อกได้รับการประกันตัว ต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยใช้วงเงินประกัน 1 ล้านบาท ประกันตัวออกไป ขณะที่นายสิทธิโชค มีพี่ชายคือนายประยงค์นำหลักทรัพย์โฉนดที่ดิน 1 แปลง ราคาประเมิน 1 ล้านบาท ประกันตัวออกไป ก่อนที่ผู้ต้องหาที่เหลือได้รับการประกันตัวในภายหลัง

การประกันตัวผู้ต้องหาทีมสังหารนายทองนาคให้ได้รับอิสรภาพในระหว่างดำเนินคดี สร้างความวิตกให้แก่บรรดาเครือญาติและแกนนำต่อต้านถ่านหิน ถึงรูปคดีและความปลอดภัยแกนนำที่เหลือ ถึงขนาดแกนนำและชาวบ้านกว่า 50 คนเดินทางไปยัง สภ.เมืองสมุทรสาครเพื่อติดตามความคืบหน้า และแสดงความเป็นห่วงต่อคดี

ในส่วนของตำรวจนั้นก็มีความเป็นห่วงในส่วนของผู้ต้องหาว่าจะถูกตัดตอน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อรูปคดี โดยครั้งหนึ่ง พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ถึงกับกล่าวยอมรับว่าโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยกลุ่มผู้ต้องหามากกว่า เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกตัดตอน จึงสั่งเจ้าหน้าที่คอยตามประกบบุคคลต่างๆ

นางจอมขวัญ เสวกจินดา ภรรยานายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต่อต้านถ่้่านหิน จ.สมุทรสาคร นำพยานเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่าถูกนายธนยศ วงศ์พิมพ์ หรือเสี่ยเบื๊อก เจ้าของรถบรรทุกับเหมาขนถ่านหิน และหนึ่งในผู้ต้องหาคดียิงนายทองนาคข่มขู่ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2554 (ภาพโดย มานพ พฤฒิวโรดม)

2 ต.ค. 2554 หลังคดีผ่านไปแล้วกว่า 2 เดือน นางจองขวัญ เสวกจินดา ภรรยานายทองนาค นำพยานเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.จำแรง อ้างว่าถูกนายธนยศออกมาข่มขู่ พยานคนดังกล่าวเปิดเผยว่าถูกนายธนยศซึ่งอยู่บนรถบริเวณหน้าปากซอยชี้หน้าข่มขู่ และยังมีชาวบ้านและแกนนำอีกหลายคนถูกข่มขู่ในลักษณะดังกล่าว เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิต

ขณะที่ความคืบหน้าของคดีนั้น พบว่าเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2553 ที่ผ่านมา นายจตุพร จันทรปลิน รองอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้ดูแลคดีเปิดเผยว่า สามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทั้ง 7 คน ในคดีดำเลขที่ 7281/54 และคดีดำที่ 2935/54 แต่ถึงกระนั้นกว่าจะเรียกจำเลยทั้ง 7 เข้าไต่สวนเป็นนัดแรกกลายเป็นวันที่ 3 พ.ค.2555

และในที่สุดในวันนั้น กลายเป็นวันที่ถือว่าเป็นจุดจบของ 1 ในผู้ต้องหาอย่างนายสุชชเดช ผู้ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อคดี เพราะเขาถือเป็นมือชี้เป้าและถือเป็น “ลูกพี่” กับทีมมือปืนลั่นไกสังการนายทองนาค รวมทั้งเป็นผู้ประสานงานกับฝ่ายผู้จ้างวาน คือนายสิทธิโชค หรือผู้ใหญ่เล็ก และนายธนยศ หรือเสี่ยเบื๊อก เจ้าของรถบรรทุกรับเหมาขนถ่านหิน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังขาให้กับคนในจังหวัดสมุทรสาคร ถึงขนาดแกนนำต่อต้านถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร นำโดยนายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงสมุทรสาคร และนายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร แกนนำ ต.มหาชัย นัดหารือกันที่สมาคมประมงสมุทรสาคร หลังเหตุยิงนายสุชชเดชเกิดขึ้นไม่นาน

ที่ประชุมแกนนำต่อต้านถ่านหินจังหวัดสมุทรสาคร แสดงความวิตกกังวลว่า การเสียชีวิตของนายสุชชเดชนั้น จะทำให้คดีสังหารนายทองนาค สาวไปไม่ถึงตัวการใหญ่ โดยเฉพะนายธนยศ หรือเสี่ยเบื๊อก ผู้ต้องหาในฐานะผู้จ้างวานฆ่านายทองนาค และพวกอีก 5 คน เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาที่เหลือจะรอดพ้นจากคดีนี้

แม้นายจตุพร อัยการเจ้าของคดีนายทองนาค จะเปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดี ภายหลังการเสียชีวิตของนายสุชชเดช ว่า เรื่องนี้ขอให้อย่าวิตกกังวล เนื่องจากคำให้การของนายสุชชเดชไม่ส่งผลต่อรูปคดี เพราะหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ในขณะนี้เพียงพอในการดำเนินกับผู้ต้องหา แต่ควางกังวลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ยังไม่หายไป

เพราะการเปิดประเด็นที่ว่า นายสุชชเดชเกี่ยวพันคดีฆ่าคนตาย และอยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมใน จ.สมุทรสาครทั้งสิ้น 5 คดี รวมทั้งเครือข่ายยาเสพติดที่จับกุมได้ขยายผลแล้วพบว่าเกี่ยวพันกับผู้ตายทุกคดีนั้น นอกจากจะสร้างความสับสนว่าใครเป็นฝ่ายสังหารนายสุชชเดช หากแต่การฆ่าผู้ต้องหาซึ่งเป็นมือชี้เป้าสังหารทองนาค แน่นอนว่าย่อมกระทบต่อคดี

เพราะนายสุชชเดชจัดว่าเป็น “ตัวกลาง” ประสานกันระหว่างฝ่ายมือปืนกับผู้จ้างวาน แม้อัยการจะอ้างได้ว่ามีหลักฐานอื่น แต่จะแน่ใจได้หรือว่านอกจากผู้ที่ทำหน้าที่สังหารนายทองนาค ทั้งมือปืน คนขับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ซึ่งน่าจะถูกลงโทษแล้ว แต่ผู้จ้างวานซึ่งรับกันมาทอดๆ ผ่านการประสนงานโดยนายสุชชเดชจะแน่ใจได้หรือว่าจะสาวไปถึงตัวได้

กระบวนการยุติธรรมที่ขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ นอกจากจะทำให้คนผิดยังลอยหน้าลอยตาในสังคม และข่มขู่พยานได้อย่างไม่สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมาย หากแต่เมื่อคดีนี้ในท้ายที่สุดถูกตัดสินออกมาแบบชนิดที่ว่าค้านสายตา นอกจากแกนนำต่อต้านถ่านหินแล้ว ประชาชนตาดำๆ ที่ไม่มีเส้นสายหรืออำนาจใดๆ จะพากันเดือดร้อนไปหมด

แค่คำว่า “ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความอยุติธรรม” ประชาชนคนธรรมดาเจ็บปวดพอแล้ว อย่าให้ความไม่ยุติธรรมบดบัง กลายเป็นว่าผู้สูญเสียนั้นต้องตายฟรี คนที่อยู่ต้องถูกข่มขู่ด้วยอิทธิพลมืดชั่วกัลปาวสานอีกเลย



1 ความคิดเห็น เรื่อง “แค้นสั่งตาย “ไอ้อี๊ด” มือชี้เป้าฆ่า “ทองนาค””

  1. ผู้รู้ กล่าวว่า:

    พ.ค. 06, 12 at 4:09 pm

    ขอบอกว่าคดีนี้ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอนจะต้องเกี่ยวกับคดีนายทองนาคเป็นการตัดตอนคุนตำรวจค่ะได้โปรดใช้ความเป็นทำพิจรานาคดีด้วยเถอะไม่ว่าจะมีอิทธิพลสูงส่งขนาดไหนก้อเอาเขามาลงโทดเถอะค่ะยิ่งอิทธิพลมากแค่ไหนคนในจังหวัดก็จะตายมากขึ้นเท่านั้นคุณตำรวจเข้าข้างคนผิดเขาก็จะทำแต่เรื่องผิดๆนะค่ะ อี๊ดเขาโดนกล่าวหารับจ้างแล้วทำไมคุนตำรวจไม่ไปจับคนที่จ้างเขาล่ะค่ะถ้าไม่มีคนจ้างเขาเขาก็ไม่รับจ้างจริงป่าวค่ะ


แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง