ถอยคนละก้าว’ปลดล็อก’ระงับถ่านหิน

ในที่สุด บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ก็เป็นผู้ประกอบการถ่านหินรายแรกในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ได้รับการยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหิน หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้นำเสนอมาตรการโดยใช้ระบบปิดจนเป็นที่ยอมรับ แต่ถึงกระนั้นการปลดล็อกคำสั่งครั้งนี้ เอเชีย กรีนฯ ทำได้แค่ซื้อมา-ขายไป โดยไม่มีการลำเลียงถ่านหินทางเรือ ซึ่งเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการกับชาวบ้านในช่วงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ออกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3112/2555 ลงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหิน บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อนุสนธิคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 1179/2554 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เรื่อง ให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหิน โดยจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้ผู้ประกอบการถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร ระงับการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น

จังหวัดสมุทรสาคร พิจารณาแล้ว บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ได้ปฏิบัติตามแนวทาง มาตรการ และขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาจากการประกอบกิจการถ่านหินที่จังหวัดสมุทรสาครได้กำหนดไว้ครบถ้วนแล้ว และได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเทศบาลตำบลนาดี สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และอำเภอเมืองสมุทรสาคร กับบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 จังหวัดสมุทรสาคร จึงยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหิน ของบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) และให้บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ดำเนินการประกอบกิจการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ลงชื่อ นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

ต่อมาในวันเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดส่งสำเนาคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 3112/2555 ลงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหิน บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) มาเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

• ทำเอ็มโอยูหลายฝ่ายก่อนปลดล็อก ทำได้แค่ขนส่งทางรถบรรทุก

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการประกอบกิจการถ่านหิน ของบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) โดยมีนายพันธ์เทพ ศรีวณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการเบญจภาคี คณะกรรมการไตรภาคี หน่วยงานจากส่วนราชการ กลุ่มแกนนำอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร และสมาคมประสมุทรสาคร ซึ่งภายหลังบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงและจัดทำระบบปิดภายในโกดังเก็บถ่านหินแล้วเสร็จ ก่อนจะมีการยื่นอุทธรณ์ขอเปิดประกอบกิจการตามปกติอย่างเป็นทางการ หลังก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ไปแล้วก่อนหน้านี้

ภาพ : มานพ พฤฒิวโรดม

นายพันธ์เทพ กล่าวว่า จังหวัดได้เรียกทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) เพื่อรับประกันปัญหาด้านป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่าจะรับผิดชอบปัญหาต่อสังคมและสาธารณะ โดยมีลายลักษณ์อักษรอย่างโปร่งใส มีเทศบาลตำบลนาดี และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายหากเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งสร้างความพอใจแก่ทุกฝ่าย

โดยยืนยันว่าบริษัท เอเชีย กรีนฯ สามารถประกอบกิจการถ่านหินเฉพาะทางบกหรือทางรถบรรทุกเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้วรายนี้ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ประกอบการที่กระทำผิดกฎหมายหรือสร้างความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งประกอบด้วย ท่าเรือบริษัทเสริมสินฯ, ท่าเรือรุ่งเจริญผล, ท่าเรือเซ็นจูรี่, บริท ยูนิค ไม่นิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เทคนิทีม (ไทยแลนด์) จำกัด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับแผนและมาตรการดำเนินประกอบกิจการคัดแยกและขนส่งถ่านหิน อย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากทางบริษัทฯ แล้ว โดยจะต้องจัดทำเป็นระบบปิดทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหามลภาวะทางอากาศ น้ำเสีย และถนนสาธารณะ จึงได้ทำการยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหินของบริษัทดังกล่าว ซึ่งในอนาคตชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าตรวจสอบได้ตลอดเวลา

• เผย “ระบบ 3 ปิด” เอเชีย กรีนฯ เน้นความสะอาดตั้งแต่คลังสินค้า-รถบรรทุก

ขณะที่นางสมสุข คงคเชนทร์ ผู้บริหารบริษัท เอเชีย กรีนฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้เกื่ยวข้องที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งยอมรับในข้อบกพร่องของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหลังคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหิน บริษัทฯ ได้ลงทุนปรับปรุงระบบภายในโรงงานเป็นจำนวนเงินมากพอสมควร ส่วนบันทึกข้อตกลงนี้จะเร่งยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงตามระเบียบของบริษัทมหาชน

สำหรับแผนและมาตรการดำเนินประกอบกิจการคัดแยกและขนส่งถ่านหิน อย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนหน้านี้ได้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยได้มีการประชุมทวิภาคีระหว่างบริษัท เอเชีย กรีนฯ กับตัวแทนชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตจังหวัดสมุทรสาคร ผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้าน

นางสมสุขชี้แจงว่า บริษัทฯ ขอแสดงจุดมุ่งมั่นที่จะทำโรงงานถ่านหินเป็นระบบปิด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดสมุทรสาคร ควบคู่ไปกับการดูแลและใส่ใจรักษาสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยมาตรการที่ทางบริษัทได้นำมาใช้จะใช้ระบบ 3 ปิด คือ 1. การคัดแยกและการขนถ่ายถ่านหิน ทำในอาคารโรงงานระบบปิดเท่านั้น โดยพื้นภายในโรงง่นเป็นพื้นซีเมนต์ ไม่มีการเก็บกองถ่านหินนอกบริเวณอาคารโรงงาน ประตูทางเข้า-ออก มีระบบป้องกันการฟุ้งกระจาย โดยติดตั้งม่านกันฝุ่น ขณะรถเข้า-ออก พร้อมจัดทำระบบสเปรย์น้ำ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย

2. การขนส่งและการบรรทุกระบบปิด โดยมีระบบ 10 ขั้นตอน การขนส่งสินค้าก่อนนำรถบรรทุกออกสู่ถนนสาธารณะ คือ เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจสภาพรถบรรทุกทุกคันก่อนรับสินค้า จากนั้นพนักงานขับรถนำรถบรรทุกรับสินค้าภายในโกดัง ขึ้นชั่งน้ำหนักที่เครื่องชั่ง จุดที่ 1 คลุมผ้าใบให้มิดชิด เพื่อป้องกันการตกหล่น จากนั้นนำรถบรรทุกไปที่จุดล้างรถ โดยมีเจ้าหน้าที่บริการฉีดล้างล้อ และทำความสะอาดตัวรถบรรทุก เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจสอบความเรียบร้อยของผ้าใบและความสะอาดรถบรรทุก

จากนั้นพนักงานขับรถนำรถบรรทุกออกจากจุดล้างรถ และนำรถบรรทุกไปลงบ่อล้างล้อที่ 1 แล้วนำรถขึ้นเครื่องชั่ง จุดที่ 2 เพื่อชั่งน้ำหนัก และให้ธุรการออกตั๋ว เมื่อได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้ว นำรถบรรทุกลงบ่อล้างล้อที่ 2 แล้วจึงนำรถบรรทุกออกภายนอกบริษัทได้ โดยกำหนดความเร็วของรถบรรทุกในเขตโรงงานให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 3. การดูแลความสะอาดระบบปิดภายในบริเวณรอบอาคารโรงงาน ถนนทางเข้า-ออก โดยใช้รถดูดฝุ่นระบบปิด

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีมาตรการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศ และคุณภาพน้ำทุกๆ 3 เดือน และส่งรายงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ รวมทั้งออกเยี่ยมเยียนและสำรวจความคิดเห็นโดยการทำแบบสอบถามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน เม.ย.55 และทำการเก็บข้อมูลเสนอเป็นรายงานและเก็บภาพถ่ายขณะทำผลสำรวจ ขณะเดียวกันยังมีมาตรการสร้างสภาพแวดล้อมโดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การป้องกันด้านอัคคีภัยโดยจัดให้มีรถน้ำสำหรับดับเพลิง จำนวน 2 คันประจำโรงงาน ระบบบ่อน้ำสำรองจำนวน 3 บ่อ มีเครื่องหาบหามเคลื่อนที่ได้ 1 ชุด ติดตั้งถังดับเพลิงบริเวณรอบอาคารโรงงาน และยังเข้าร่วมกิจการด้านสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมความรับผิดชอบต่อชุมชน หรือซีเอสอาร์ เป็นต้น

ภาพ : สุรางค์ นาคทอง

ก่อนหน้านี้ภายหลังจากจังหวัดสมุทรสาคร สั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหินเกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการขนย้ายถ่านหินออกไปตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. 2554 กระทั่งสิ้นสุดหมดไปเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา จำนวน 124,140.10 ตัน ก่อนที่ทางโรงงานจะดำเนินการทำระบบปิดครบวงจร ได้แก่ อาคารเก็บกองถ่านหินระบบปิด การปิดกองถ่านหินบนรถบรรทุก และมีรถดูดฝุ่นในบริเวณโรงเก็บ มีการล้างรถบรรทุกทั้งคัน ล้างล้อรถและคลุมกระบะรถบรรทุกถ่านหิน ซึ่งจะดำเนินการขอจัดทำบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) กับเทศบาลตำบลนาดี และยื่นเอกสารชี้แจงถึงกระบวนการต่างๆ ต่อไป

• “แกนนำถ่านหิน” ยันไม่เกี่ยวเอ็มโอยู ชี้หากขนส่งทางเรือควรคุยกันก่อน

หลังคำสั่งจังหวัดสมุทรสาครเกิดขึ้น มีรายงานว่าในเร็วๆ นี้ ทางเทศบาลตำบลนาดี สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร แกนนำอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร และตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาดี จะเข้าเยี่ยมชมและตรวจสอบโรงงานของบริษัท เอเชีย กรีนฯ อีกครั้ง ซึ่งหากเห็นพ้องต้องกันก็จะดำเนินการอนุญาตประกอบกิจการแก่บริษัทฯ ต่อไป

ที่ผ่านมาในช่วงที่มีการชุมนุมประท้วง นำมาสู่การออกคำสั่งให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาครนั้น บริษัท เอเชีย กรีนฯ นำสินค้าจากโรงงานอีก 3 แห่ง ได้แก่ คลังสินค้าและคัดแยกถ่านหินสาขาเขาย้อย จ.เพชรบุรี, คลังสินค้าสาขานครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และคลังสินค้าและคัดแยกขนาดถ่านหินสาขาศรีราชา จ.ชลบุรี มาส่งให้ผู้ประกอบการในสมุทรสาครแทนการนำเข้าทางเรือ ซึ่งมีผลทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหินในครั้งนี้ บริษัท เอเชีย กรีนฯ จะยังคงประกอบกิจการจัดจำหน่ายถ่านหินในลักษณะซื้อมาขายไป โดยใช้คลังสินค้าและคัดแยกขนาดถ่านหินใน ต.นาดี เพื่อจัดเก็บเป็นสต็อกสินค้าและจัดส่งแก่ลูกค้าตามโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เท่านั้น แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ที่ใช้ท่าเรือขนถ่ายถ่านหินโดยตรง ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการกับชาวบ้านจนถึงปัจจุบัน

ในส่วนของกลุ่มต่อต้านถ่านหินอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตจังหวัดสมุทรสาครนั้น เสียงสะท้อนจากหนึ่งในแกนนำอย่าง นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ในฐานะแกนนำยืนยันว่า ในเรื่องบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) นี้เราไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางกลุ่มถือเป็นคนกลางเท่านั้น อย่างไรก็ตามการมีเอ็มโอยู ยังดีกว่าไม่มี ซึ่งไม่ขอออกความเห็นใดๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้หากมีปัญหาก็พร้อมออกเคลื่อนไหวต่อต้านอีก โดยหลังคำสั่งระงับขนถ่ายขายถ่านหินริมฝั่งท่าจีน ทำให้บรรยากาศสถานการณ์น้ำในแม่น้ำขณะนี้ดีขึ้นมากโดยสัตว์น้ำ อาทิ กุ้งหอย ปูปลา และอื่นๆ กลับคืนสภาพมาเช่นเดิม

ขณะที่การออกตรวจสถานประกอบการต่างๆ ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาครนั้น ตัวแทนกลุ่มต่อต้านถ่านหิน ต.มหาชัย อย่างนายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร เคยกล่าวว่า ถ้าต่อไปผู้ประกอบการถ่านหินตกลงกันได้แล้วประกอบกิจการต่อไป ตนเสนอว่าน่าจะทำเป็นระบบปิด ซึ่งจะมีความรู้สึกว่าไม่มีฝุ่น ไม่มีละออง ก็จะเกิดความรู้สึกปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แม้ฝั่งผู้ประกอบการจะกล่าวว่า ขนถ่านหินมาทางเรือไม่ได้ก็จะลำบาก แต่พอขนทางเรือกลุ่มชาวประมงก็จะไม่พอใจ ซึ่งเห็นว่าการคุยกันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทำความเข้าใจกันให้ได้มากที่สุด

ภาพจากแฟ้ม

• แค่ถอยคนละก้าว-ปมมลพิษทางเรือไม่จบ ยังมี “ศาลปกครอง” ชนักติดหลัง

การปลดล็อกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีจุดเริ่มต้นจากบริษัท เอเชีย กรีนฯ อาจไม่ใช่บทสรุปของการต่อต้านถ่านหินในครั้งนี้ แต่เป็นเพียงทางออกที่ทำให้ผู้ประกอบการและกลุ่มต่อต้านถ่านหินแบบถอยคนละก้าวเพื่อความสบายใจมากขึ้น เพราะอย่างน้อยการที่ผู้ประกอบการกลับมาประกอบกิจการได้ โดยเลือกที่จะเก็บกองถ่านหินระบบปิดอย่างรัดกุมเพื่อลดกระแสต่อต้านจากชาวบ้าน รวมทั้งยกเว้นการขนส่งทางเรือไปก่อนเพื่อไม่ให้กลุ่มชาวประมงเกิดความไม่พอใจ น่าจะพอทำให้ผู้ประกอบการหายใจรดต้นคออยู่บ้าง

หากแต่การประกอบกิจการถ่านหินแบบครบวงจร โดยเฉพาะการลำเลียงทางเรือและขนถ่ายถ่านหินผ่านแม่น้ำท่าจีนนั้น ยังต้องเจอกฎเหล็กจากคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ซึ่งมีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยราชการอย่างเคร่งครัดไม่ให้มีการขนถ่ายถ่านหินที่บรรทุกทางเรือผ่านแม่น้ำท่าจีนเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการถ่านหินรายอื่นๆ ไม่สามารถประกอบกิจการได้เต็มรูปแบบ

และแน่นอนว่า หากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่จะอุทธรณ์คำสั่งของจังหวัด และคำสั่งศาลปกครองกลาง เพื่อปลดล็อกคำสั่งระงับการประกอบกิจการถ่านหินในจังหวัดสมุทรสาครแบบถอนรากถอนโคน อาจจะต้องพบกับแรงเสียดทานจากชาวบ้านที่ยังต่อต้านผู้ประกอบการถ่านหิน โดยเฉพาะชาวประมง ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากถ่นหินในอดีต และผู้ที่มีทัศนคติต่อผู้ประกอบการถ่านหินในทางลบ หากการปลดล็อกคำสั่งมีผลต่อพวกเขา รวมทั้งยังต้องชี้แจงเหตุผลต่อศาลปกครองกลาง ว่จะมีหลักประกันใดที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการขนถ่ายและเก็บกองถ่านหินเกิดขึ้นมาอีก

เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ผู้ประกอบการถ่านหินจะต้องเจอ หากต้องการลงหลักปักฐานในจังหวัดสมุทรสาครแบบครบวงจร มากกว่าแค่เก็บกองและซื้อมา-ขายไป.



1 ความคิดเห็น เรื่อง “ถอยคนละก้าว’ปลดล็อก’ระงับถ่านหิน”

  1. Weekly | Sakhon Online» Blog Archive » 2 ปี ‘ทองนาค’ ตายหนึ่งเกิดแสน กล่าวว่า:

    ก.ค. 27, 13 at 7:23 pm

    […] • ถอยคนละก้าว’ปลดล็อก’ระงับถ่านหิน… • แค้นสั่งตาย “ไอ้อี๊ด” มือชี้เป้าฆ่า “ทองนาค” (5 พฤษภาคม 2555) • บันทึกไว้ในโลกา นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน “ทองนาค เสวกจินดา” (28 มกราคม 2555) • หมายเหตุสาครออนไลน์ : หยุดวิกฤตนองเลือดสมุทรสาคร (25 ธันวาคม 2554) • ถ่านหิน ศัตรูประชาชน จาก “เจริญ วัดอักษร” ถึง “ทองนาค เสวกจินดา” (28 กรกฎาคม 2554) […]


แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง