คนสนิท‘เฉลิม’จ่อนั่งผู้การตร.สมุทรสาคร

524

แม้ในช่วงที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะปรากฎผ่านสื่อน้อยลง หลังถูกปรับตำแหน่งจากรองนายกรัฐมนตรี ไปเป็น รมว.แรงงาน ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด แต่สำหรับจังหวัดสมุทรสาครยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ด้วยความที่เจ้าตัวอยู่ในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้แรงงาน ประกอบกับจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 5 พันแห่ง

ซึ่งปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ ปัญหาแรงงานต่างด้าว

ล่าสุด ในการจัดทำบัญชีรายชื่อพิจารณาข้าราชการตำรวจผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ และผู้บังคับการทั่วประเทศ ในการแต่งตั้งประจำปี 2556 เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 27 กันยายนนี้ พบว่ามีชื่อของ พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 คุมพื้นที่หัวหมาก ลาดพร้าว บางกะปิ คันนายาว

ขยับขึ้นเก้าอี้สำคัญเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร แทน “ผู้การโด๊ะ” พล.ต.ต.ธยาน์ฤทธิ์ (ชัยฤทธิ์) เอกเผ่าพันธุ์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 28 สาย พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่เกษียณอายุราชการ

524-2

พ.ต.อ.จิรพัฒน์ หรือที่เรียกกันว่า “รองอุ๋ย” นั้น เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 38 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช. บุตรชายของ “จุน ภูมิจิตร” เกิดในสายเลือดครอบครัวผู้พิพากษา ที่สำคัญยังเป็นสายตรงของ ร.ต.อ.เฉลิม และครั้งหนึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)

โดยมีกระแสข่าวว่าการโยกไปเป็นผู้การตำรวจสมุทรสาครในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลเพื่อ “ดูแลแรงงานต่างด้าว”

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ในช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงานใหม่ๆ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อพบกับผู้ประกอบการประมงทะเลและล้งในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ตลาดทะเลไทย โดยมีนายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และ “เฮียม้อ” นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ให้การต้อนรับ

ร.ต.อ.เฉลิม ได้หยอดคำหวานว่า “สมุทรสาครเป็นเมืองศิวิไลซ์ เป็นเมืองแห่งความน่ารัก และผมรักมหาชัย” ประกาศว่าผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานต้องเดินไปพร้อมกัน ก่อนทิ้งท้ายว่า หากมีปัญหาอะไรให้บอกกับ “เฮียม้อ” นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร แล้วตนจะมาแก้ปัญหากับเพื่อนข้าราชการ

ระหว่างนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ยังแนะนำ “บิ๊กเปี๊ยก” พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา สบ.10 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 30 นายตำรวจคนสนิทกลางที่ประชุม พร้อมกล่าวสรรพคุณว่า เป็นคนดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม 2 ปี พร้อมกล่าวอย่างมั่นใจว่า วันที่ 1 ตุลาคมปีนี้ จาก สบ.10 จะได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

แต่ถึงกระนั้น “บิ๊กเปี๊ยก” ก็ได้รับตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ก่อนถึงฤดูโยกย้ายจะมาถึง

ขณะเดียวกัน การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวในยุค ร.ต.อ.เฉลิม คุมกระทรวง ก็เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ด้วยการออกนโยบาย “แก้ผิดให้เป็นถูก” ให้นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวยังไม่ได้รับรองสถานะจากประเทศต้นทาง ไปยื่นคำร้องขอตรวจสอบเอกสาร จัดทำทะเบียนประวัติ ท.ร. 38/1 ตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพ ก่อนยื่นคำขอและรับใบอนุญาตทำงาน กับกรมการจัดหางาน

คอลัมน์ กากีกะสีเขียว นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 15 กันยายน ก็มองว่า แม้ ร.ต.อ.เฉลิมถูกโยกย้ายจากรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปยังกระทรวงแรงงาน จะถูกมองว่าพาวเวอร์น่าจะลดลง แต่เมื่อมีชื่อนายตำรวจคนสนิทขยับขึ้นเก้าอี้ผู้การจังหวัด เสมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าหากใครจะไปเลื่อยขา “เด็กเจ้าพ่อบางบอน” ต้องไตร่ตรองให้ถ้วนถี่

สอดรับกับการที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังคงมีบทบาทเกี่ยวข้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนในการเอาชนะยาเสพติด ทำหน้าที่บริหารจัดการ อำนวยการ กำกับ สั่งการ ประสานงานการแก้ไขปัฐหายาเสพติดกับทุกหน่วยงาน

การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ส่ง “รองอุ๋ย” เข้าไปเป็นผู้การสมุทรสาครไม่ใช่ครั้งแรก หากยังจำกันได้ เมื่อเดือนเมษายน 2555 ได้มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตร 1,517 ตำแหน่ง ซึ่งพบว่า พ.ต.ท.จารึก อยู่บำรุง น้องชาย ร.ต.อ.เฉลิม ถูกเลื่อนขึ้นจากสารวัตรธุรการ สถานีตำรวจนครบาลหนองแขม กรุงเทพฯ เป็นสารวัตรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร

ด้วยความที่ ร.ต.อ.เฉลิม มีสายสัมพันธ์อันดีกับ “เฮียม้อ” มาตั้งแต่ลงสมัครการเมืองในสังกัดพรรคความหวังใหม่ ยุคที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรคมาอย่างยาวนาน จึงเป็นไปได้ว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามาแผ่บารมีวงการสีกากีในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ด้วยการแต่งตั้งน้องชายและคนสนิทลงพื้นที่ครั้งนี้ จึงน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา

เช่น การขยายฐานเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม มายังสมุทรสาคร อาจจะอาศัยคะแนนนิยมจากเฮียม้อมากขึ้น จากเดิมที่ฐานเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ ส.ส.เพื่อไทยทางภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ปัญหาสังคมในจังหวัดสมุทรสาครไม่ได้มีเพียงแค่แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเท่านั้น คดีอาชญากรรมในจังหวัดสมุทรสาครที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ปัญหายาเสพติดที่ยังไม่มีทีท่าจะลดลง ธุรกิจสีเทาทั้งบ่อนการพนัน ซ่องโสเภณี ยังเป็นที่กล่าวขานแก่ชาวบ้าน การจัดระเบียบสังคมที่ขาดความต่อเนื่อง และอีกสารพันปัญหา

คงต้องรอดูว่า หาก “รองอุ๋ย” เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้การจังหวัดตามโผแต่งตั้งโยกย้ายได้จริง จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เป็นผลชะงัด สยบภาพความเป็นสายตรงของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ถูกมองว่าเข้ามาได้เพราะเส้นสายและบารมีทางการเมืองได้หรือไม่

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์.



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง