กรมบัญชีกลาง ร่วมกับแบงก์กรุงไทยและรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 7 จังหวัดรวมสมุทรสาคร นำบัตรไปซื้อบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ ใช้วงเงินเดียวกับค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟฟ้า รฟม. 500 บาทต่อเดือน
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง พร้อมด้วยนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) ร่วมเปิดการใช้ช่องทางการรับชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และสมุทรสาคร สามารถนำบัตรไปซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารทุกสถานี รวม 43 สถานี ผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ของธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐครั้งแรกในปี 2560 ประเภทบัตรแมงมุม เวอร์ชั่น 2.0 และ 2.5 จำนวน 1.3 ล้านราย และผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมในปี 2561 ประเภทบัตร Contactless (EMV 4.0) จำนวน 0.16 ล้านราย รวมทั้งสิ้น 1.46 ล้านราย ซึ่งจะได้วงเงินค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน สามารถใช้วงเงินนี้ซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ นอกเหนือจากรถประจำทาง ขสมก. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ได้ให้บริการมาก่อนหน้านี้
น.ส.สุทธิรัตน์ อธิบายว่า การเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล ที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีวิตในแต่ละวัน โดยผู้ถือบัตรที่ได้รับบัตรแมงมุมและบัตร Contactless จะได้รับวงเงินค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน จะมีการใช้จ่ายหรือไม่ จำนวนเท่าใดก็ตาม ทุกสิ้นเดือนจะตัดวงเงินที่เหลือ และใส่วงเงินให้ใหม่ จำนวน 500 บาททุกเดือน หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทรศัพท์ 0-2109-2345 หรือคอลเซ็นเตอร์กรมบัญชีกลาง โทรศัพท์ 0-2270-6400 กด 3 ในวันและเวลาราชการ
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่ใช่การแตะบัตรเหมือนบัตรแรบบิท แต่เป็นการซื้อบัตรโดยสารที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารบีทีเอสทุกสถานี โดยนำบัตรส่งให้เจ้าหน้าที่ แล้วบอกสถานีปลายทาง เจ้าหน้าที่จะทำการออกบัตรโดยสารให้ โดยหักจากวงเงินค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน ซึ่งต้องมีวงเงินคงเหลือขั้นต่ำ 16 บาท เพื่อให้ออกบัตรโดยสารราคาต่ำสุดได้ หากไม่พอ เจ้าหน้าที่จะออกบัตรโดยสารราคาต่ำสุด 16 บาท และให้ไปจ่ายส่วนต่างด้วยเงินสดที่สถานีปลายทาง สงวนสิทธิ์จำหน่ายตั๋วโดยสารให้กับเจ้าของบัตรตัวจริง และต้องเป็นบัตรที่แจกให้เฉพาะ 7 จังหวัดเท่านั้น โดยผู้ถือบัตร 1 คน สามารถซื้อบัตรโดยสารได้ครั้งละไม่เกิน 2 ใบ สำหรับเดินทางขาไปและขากลับ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนกว่าวงเงินค่าโดยสารในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาทจะหมดลง
สาครออนไลน์ เรียบเรียงโดย กองบรรณาธิการ