บทเรียนโรงพยาบาลดัง “ผู้ช่วยพยาบาล” อนาจารสาวขณะล้างแผล

ขอขอบคุณ ภาพจากเฟซบุ๊ก “ฉลามขาว สมุทรสาคร”

ถือเป็นภัยสังคมที่สะเทือนวิชาชีพพยาบาล รวมทั้งชื่อเสียงของโรงพยาบาล เปรียบดังปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อผู้ช่วยพยาบาลกระทำอนาจารกับคนไข้สาวขณะทำแผล

สาวโรงงานวัย 20 ปีรายหนึ่ง ไปร้องเรียนกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ระบุว่า เมื่อค่ำวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ไปล้างแผลที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เนื่องจากเกิดแผลพุพองบริเวณโคนต้นขาข้างขวา เกิดจากถูกความร้อนของที่หนีบผม

ปรากฎว่า มีผู้ช่วยพยาบาลเป็นคนทำแผล ให้ขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียง ถกขากางเกงผ้าขาสั้น ขึ้นมาสูงเกือบถึงเอว แล้วก็ลงมือทำแผลให้ แต่รู้สึกใช้เวลานานมากกว่าปกติเกือบครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็ให้แหกขาอีกข้างหนึ่งออก ซึ่งคิดว่าน่าจะช่วยทำแผลง่ายขึ้นเลยทำตาม

ความผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อผู้ช่วยพยาบาลคนดังกล่าวถามถึงเรื่องส่วนตัว เช่น มีแฟนหรือยัง เพิ่งมีประจำเดือนมาหรือเปล่า และที่รับไม่ได้ คือ มือของผู้ช่วยพยาบาลไปสัมผัสของสงวนหลายครั้ง อยากร้องให้คนช่วยแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอยู่ในห้องเพียงแค่สองต่อสอง

กระทั่งทำแผลเสร็จ เธอจึงรีบออกจากห้องทำแผล แล้วกลับบ้านไปเลย โดยไม่ได้รอรับใบนัดจากพยาบาล เมื่อปรึกษาเพื่อนแล้ว จึงได้ร้องเรียนกับทางโรงพยาบาล แต่พบว่าทางโรงพยาบาลไม่ให้พบ จึงโทรศัพท์ปรึกษากับนายษิทรา ก่อนเข้าแจ้งความที่ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

ด้านโรงพยาบาลดังกล่าว ได้ทำหนังสือชี้แจงระบุว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ผู้ช่วยพยาบาลคนดังกล่าวทำงานมา 1 ปี แผนกประกันสังคม จากการสอบสวนให้การปฏิเสธ ซึ่งโดยปกติโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับเรื่องความเสี่ยงในการบริบาลในผู้ป่วยหญิงอยู่แล้ว

กรณีที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาล รู้สึกเสียใจ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เห็นว่า ควรเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ในส่วนของโรงพยาบาลได้ดำเนินการพักงานไม่มีกำหนด และกำชับให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับใช้ความระมัดระวังในการบริบาลกับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยหญิง

อย่างไรก็ตาม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวกับ “สาครออนไลน์” ว่า ได้มีการพูดคุยกันระหว่างฝ่ายผู้เสียหาย ผู้ช่วยพยาบาลคนดังกล่าว กับผู้บริหารโรงพยาบาลแล้ว ทีแรกผู้ช่วยพยาบาลดังกล่าวให้การปฏิเสธ แต่เมื่อซักถามไปเรื่อยๆ จึงยอมรับ แต่อ้างว่าได้ใส่ถุงมือ ไม่ได้สัมผัสโดยตรง

ด้าน นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ได้มอบหมายให้สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และกองกฎหมาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง

โดยเฉพาะบุรุษพยาบาลดังกล่าวเป็นพยาบาลวิชาชีพหรือไม่ ซึ่งจะพิจารณาให้สภาการพยาบาลเอาผิดในด้านจรรยาบรรณวิชาชีพต่อไป แต่ถ้าไม่ใช่พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลจะมีความผิดกรณีนำบุคคลอื่นซึ่งมิใช่พยาบาลวิชาชีพมาประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล

อีกประเด็นหนึ่ง คือ กระบวนการให้บริการ และความปลอดภัย เนื่องจากห้องที่ใช้รักษาพยาบาลเป็นห้องที่มิดชิด โรงพยาบาลจะต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิงให้บริการเพื่อความเหมาะสม ในกรณีเป็นผู้ป่วยหญิงควรจะให้เจ้าหน้าที่หญิงเป็นผู้ดูแล ไม่ควรปล่อยให้อยู่เพียงลำพังกับเจ้าหน้าที่ชาย

หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลยให้ผิดไปจากมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยทันที

ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะมีความผิดตามกฎหมาย 2 ส่วนด้วยกัน คือ บุรุษพยาบาลกระทำอนาจารผู้ป่วย ผิดกฎหมายอาญา อยู่ในความดูแลของตำรวจ

และโรงพยาบาล จะต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล คือ ไม่ควบคุม ดูแล ให้ผู้ที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลของตน และ ไม่ควบคุม ดูแลสถานพยาบาลให้สะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย และมีลักษณะเหมาะสม

หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายของโรงพยาบาล หรือคลินิกเอกชน แจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ หรือ กลุ่มโรงพยาบาล สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18406 และ กลุ่มคลินิก ต่อ 18407

แม้บทสรุปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากอารมณ์ชั่ววูบหรือความจงใจ แต่ก็ถือเป็นบทเรียนของบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ และทุกสถานพยาบาล ที่จะต้องให้ความใส่ใจกับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยหญิง ที่เสี่ยงต่อภัยต่างๆ โดยเฉพาะการถูกคุกคามทางเพศ เฉกเช่นคดีนี้

– กิตตินันท์ นาคทอง –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *