สนามเลือกตั้ง อบจ.สมุทรสาคร 2563 ชิงขุมทรัพย์กว่า 4 พันล้าน

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระดับจังหวัด

นอกจากผู้ชนะการเลือกตั้งจะเข้าบริหารงบประมาณจำนวนมหาศาลหลักพันล้านบาทแล้ว ยังเป็นการชี้วัดคะแนนนิยมของนักการเมืองแต่ละขั้ว รวมทั้งพรรคการเมือง เพื่อใช้สู้ศึกเลือกตั้งระดับประเทศในปี 2565 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า

ในปีงบประมาณ 2563 อบจ.สมุทรสาคร มีสถานะการเงินมากกว่า 4,600 ล้านบาท โดยมีเงินฝากธนาคารกว่า 2,600 ล้านบาท เงินสะสมอีกกว่า 1,100 ล้านบาท อีกทั้งในปีงบประมาณ 2562 อบจ.สมุทรสาคร ยังจัดเก็บรายได้เองมากกว่า 1,100 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์มหาศาลที่กลุ่มการเมืองต่างๆ หมายปองที่จะเข้าไปบริหารเงินตรงนี้เพื่อทำโครงการต่างๆ

การเปิดรับสมัครนายกและสมาชิกสภา อบจ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เป็นการชิงชัยระหว่างนักการเมืองเจ้าของพื้นที่ กับนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองให้การสนับสนุน ท่ามกลางกระแสการเมืองระดับชาติที่เข้ามายังการเมืองท้องถิ่น ด้วยความคาดหวังที่จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเปลี่ยนแปลงจากบ้านเมืองสู่ระดับประเทศ

เริ่มจาก “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อายุ 53 ปี อดีต ส.ส.หลายสมัย บุตรชาย “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายก อบจ.สมุทรสาคร ที่คราวนี้ขอป้องกันแชมป์ ลงสมัครในนาม “ทีมฅนทำงาน” หลังการเสียชีวิตของ “นายกฯ ตุ่น” อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ เฮียม้อเข้ามาสานงานต่อโดยมีปลัดแตเป็นที่ปรึกษา มาคราวนี้ได้เวลาที่บิดาวัย 81 ปีจะได้ส่งไม้ต่ออย่างจริงจัง

ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 น้องชายอย่าง อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ สวมเสื้อสีชมพูสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่เมื่อกระแสการเมืองระดับชาติ ที่สู้ศึกกันระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรคพลังประชารัฐ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นว่า “กลบรัศมี” นักการเมืองเจ้าของพื้นที่ไปหมดสิ้น

ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาครครั้งนี้ จึงเป็นการทวงคืนศักดิ์ศรี “ตระกูลไกรวัตนุสสรณ์” อีกครั้ง ผ่านสโลแกน “เราทำงานให้กับทุกคน” ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ที่ทำงานทั้งทางราชการและทางการ ซึ่งจะต้องเจอกับผู้สมัครหน้าใหม่อีก 5 คน มีทั้งพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองให้การสนับสนุน รวมทั้งผู้ที่ขอชิมลางการเมืองระดับจังหวัด

เริ่มจาก “โต้” เชาวรินทร์ ชาญสายชล อายุ 48 ปี นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออก ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้ได้ฟอร์มทีมมาตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 โดยใช้ชื่อว่า “กลุ่มนิวเจน นิวซิตี้” และได้ขึ้นป้ายแนะนำตัวตามสถานที่ต่างๆ

ไพศาล สำราญทรัพย์ อายุ 68 ปี อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงสมัครในนามทีมรักษ์สาคร รับราชการในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครมาอย่างยาวนาน ทั้งปลัดอำเภอบ้านแพ้ว นายอำเภอกระทุ่มแบน นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร ตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เกษียณอายุราชการในปี 2556

อวยชัย จาตุรพันธ์ อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจอาหาร จาก “คณะก้าวหน้าสมุทรสาคร” ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงพื้นที่หาเสียงย่านท่าฉลอม-มหาชัย-กระทุ่มแบน แม้จะมีคนที่เห็นต่างชูป้ายโจมตีบทบาททางการเมืองระดับประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่ธนาธรยังคงชูนโยบาย “เปลี่ยนประเทศไทยเริ่มได้ที่บ้านเรา”

นอกจากนี้ ในกลุ่มคณะก้าวหน้าสมุทรสาคร ยังมี พิชญา เจริญสุขใส เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการเอริก้า วิลล์ และ นคร หาญไกรวิไลย์ บุตรชายของ อำไพ หาญไกรวิไลย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย ต้องดูว่าการเมืองระดับชาติ จะชนะสนามการเมืองท้องถิ่นได้หรือไม่

สนธิญา สวัสดี อายุ 60 ปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ลงสมัครในนามกลุ่มที่เรียกว่า “ประชารัฐสมุทรสาคร” เคยสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ลงเลือกตั้งใน จ.สมุทรสาคร มากว่า 10 ปี กระทั่งย้ายไปสังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ปัจจุบันไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด

ถือเป็นเซอร์ไพร์สที่แม้แต่ผู้สมัคร ส.อบจ.ของทีม รู้ล่วงหน้าเพียง 1 วัน ก่อนหน้านี้กลุ่มดังกล่าวจะส่ง “นายกถัง” วิชัย ถีระปราโมทย์ อดีตนายก อบต.กาหลง ชิงตำแหน่งนายก อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแนะนำตัวกับประชาชนในพื้นที่บ่อยครั้ง แต่ศึกเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเหลือโทษใบแดงอีก 3 เดือนเท่านั้น จึงพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

คนสุดท้าย “ด็อกเตอร์หนุ่ม” วรพงษ์ ชอบชื่น อายุ 46 ปี นักธุรกิจเจ้าของสวนมะนาวแป้นต้นแบบ ประธานอาสาสมัครเกษตรจังหวัดสมุทรสาคร และประธานอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร ลงสมัครในนามอิสระวันสุดท้ายพอดี ซึ่งในวันนั้นพบว่า เอนก ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร 7 สมัยเข้ามาให้กำลังใจด้วย

อาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 จะเป็นวันชี้ชะตาว่า ใครจะเหมาะสมได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.สมุทรสาครคนต่อไป อนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร อยู่ที่การตัดสินใจของชาวสมุทรสาครทุกคน

-กิตตินันท์ นาคทอง-

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *