กุลวัชร หงษ์คู : คุมโควิดอย่างไรให้สมุทรสาครอยู่ได้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จากจุดเริ่มต้นตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร ผนวกกับคลัสเตอร์บ่อนการพนันในภาคตะวันออก เฉกเช่นจังหวัดระยอง ล่าสุดมีการเสนอให้ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด แต่รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เลือกที่จะกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

“สาครออนไลน์” พูดคุยกับ กุลวัชร หงษ์คู ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ข้อเสนอภาครัฐต่อการเยียวยาประชาชน ช่วยเหลือภาคธุรกิจ รวมทั้งมุมมองต่อการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทำอย่างไรที่จะให้การควบคุมโรคกับเศรษฐกิจไปด้วยกันได้ ในฐานะสมุทรสาครเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของคนทั้งประเทศ

โควิด-19 ระลอกใหม่ สมุทรสาครกระทบอย่างไร?

โควิดเนี่ย อันนี้มันเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จังหวัดสมุทรสาครของเรามีผลกระทบ เพราะจังหวัดของเราเป็นเมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์ เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศก็ว่าได้ ครั้งแรกเรากระทบกันที่ชาวประมงก่อน จากชาวประมงเราก็มาเกิดโควิดครั้งที่หนึ่ง อันนี้เราก็กระทบหนักหนาสาหัสเหมือนกัน แล้วก็ทำท่าจะคลายตัว ก็มากระทบครั้งที่สอง ครั้งนี้เนี่ย ผมว่ากระทบรุนแรงที่สุดของจังหวัดสมุทรสาคร เราก็น่าเป็นห่วงว่า จังหวัดสมุทรสาครเราเนี่ย เป็นจังหวัดที่คล้ายๆ กับอู่ข้าวอู่น้ำ เวลามีปัญหาใดๆ เรามองข้ามไม่ได้ว่า เป็นจังหวัดสำคัญ ที่ขนส่งอาหารกระจายเกือบทั่วประเทศ เมื่อมีโควิด ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงเหมือนกัน แล้วสิ่งที่น่าเป็นห่วง เมื่อคนจังหวัดสมุทรสาครเราก็โดนมาสามรอบแล้ว สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการอย่างหนึ่งว่า รัฐจะดูแลกันยังไง เพราะว่าถ้าผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ คนยากคนจนยิ่งไปกันใหญ่ แล้วที่หาเช้ากินค่ำ เป็นประชากรที่ขายแรงงาน หรือขายเล็กขายน้อย หรือเป็นผู้ที่ด้อยโอกาส มีอีกเยอะเนี่ย เจอครั้งนี้ สำคัญเหมือนกันว่า รัฐจะต้องไปเยียวยาเขาอย่างไร ต้องให้ชีวิตเขาอยู่รอดให้ได้ก่อน เพราะว่าอันนี้มันยังเพิ่งเริ่มต้นเอง ผมว่าอีกสักอาทิตย์ สองอาทิตย์เนี่ย คนที่หาเช้ากินค่ำอาจจะลำบากขึ้น แล้วสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่นิ่ง ยังไม่ขาลง เราไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเข้มงวดอะไรเกิดขึ้นมาอีก ตอนนี้ก็มีส่วนหนึ่งที่ผมว่ารัฐจะต้องเข้ามาคอยดูแล อย่าให้จังหวัดนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เพราะว่ามันจะส่งผลกระทบทั้งประเทศระดับใหญ่ได้

มาตรการเยียวยา นอกจากรัฐจ่ายชดเชย อยากให้มีอะไรเพิ่มเติม?

ผมสังเกตครั้งที่แล้วเนี่ย เงินเยียวยา 5,000 บาท ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายแล้ว ความที่ไม่ค่อยรัดกุม ผมว่ามีบางคนทับซ้อนกันเยอะ ได้ 5,000 บาท ได้ 3,000 บาท ทับซ้อนอยู่คนเดียวกัน มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะกระจายไม่ทั่วถึง แต่หลักใหญ่ๆ ตอนนี้ ถ้าพูดถึงผู้ประกอบการ รัฐต้องเจรจากับแบงก์หรือว่าเจ้าหนี้ ชะลอการชำระหนี้ บางคนไหว ก็จ่ายแค่ดอกเบี้ย ต้นก็ยืดไป เพื่อจะให้ธุรกิจเขาอยู่ได้ เมื่อธุรกิจอยู่ได้ แรงงานกับผู้คนที่เกี่ยวข้องต่างๆ เขาก็อยู่ได้ อีกส่วนหนึ่งคือคนที่ด้อยโอกาส คนที่หาเช้ากินค่ำ หลังจากนี้ไปเรื่องเศรษฐกิจ จะพ่นพิษสำหรับคนที่ไม่มีรายได้ รัฐจะต้องคิดให้หนัก รัฐจะต้องมามีวิธีการที่จะเยียวยาเขาอย่างไร อันนี้สำคัญ เพราะว่าเป็นประชากรของประเทศไทยแล้ว มันจะส่งผลกระทบกัน ที่ทำให้เราเดือดร้อน อันนี้รัฐต้องไปคิดให้หนัก แล้วก็พยายามกระจายให้ทั่ว เพราะว่าผลลัพธ์จากครั้งที่แล้วออกมา ก็เห็นว่าได้ระดับหนึ่ง แต่บางส่วนทับซ้อน อย่างโครงการ “คนละครึ่ง” อันนี้ก็ยังพอได้ แต่ต้องมีโครงการในระยะเร็วๆ นี้ สำหรับคนที่กระทบเรื่องเศรษฐกิจระดับรากหญ้า อันนี้ต้องดูแลเขา

ฝั่งผู้ประกอบการ อยากจะให้รัฐช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?

รัฐต้องเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือเจรจาระหว่างผู้ประกอบการที่เกี่ยวพันอยู่กับแบงก์ ใช้ธุรกรรมกับแบงก์ แบงก์ต้องยืดระยะเวลาชำระใช้หนี้ไป ใครพอไหวจ่ายแค่ดอกเบี้ย ใครไม่ไหวก็พักทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยกันระยะหนึ่ง ให้เขาอยู่ได้ ยังไงต้องอย่าให้บริษัทล้ม เพราะถ้าบริษัทล้ม มันเป็นโดมิโนทั้งประเทศเลย อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ บางคนจะมองว่า บริษัทนี่ไม่ต้องไปช่วยเขาหรอก เพราะบริษัทก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้ามองที่เกี่ยวพันกันแล้ว ถ้าบริษัทล้มไป รากหญ้าระดับล่างก็ตายไปด้วย เพราะว่าคนที่จะเกี่ยวข้องอีกมากมาย คนขายแรงงาน คนที่ทำธุรกิจต่อเนื่องที่จะต้องส่งของเข้าโรงงาน ถ้าพวกนี้เขามีปัญหา มันล้มหมดเลย คนหาเช้ากินค่ำก็ส่วนสำคัญอีก เพราะถือว่าก็เป็นคนไทย

ข้อเสนอ “ล็อกดาวน์” กลายเป็น “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” มองถึงเรื่องนี้อย่างไร?

เราก็ต้องมองความเป็นธรรม เพราะว่าคนที่ดูเนี่ย ถ้าเป็นหมอนะครับ คุณหมอเนี่ยแน่นอนเขาดูแลเรื่องโรค เขาก็อยากจะล็อกให้อยู่ ทำให้มันนิ่ง ทำทีเดียวให้จบ ฝ่ายนักธุรกิจ ถ้าถึงทำแบบนี้เขาก็ตายด้วยเหมือนกัน ประชาชนก็ตาย รัฐบาลก็ต้องมองทุกๆ มิติ ฝ่ายประชาชนก็ไม่อยากให้ล็อก มองกันคนละมุม ผมเชื่อว่า จังหวัดสมุทรสาครเราเนี่ย รัฐต้องดูให้ละเอียด สมุทรสาครเนี่ยเป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำของคนทั้งประเทศ จะล็อกเนี่ย จะล็อกแบบไหน ถ้าล็อกเลยเนี่ย จะมีเคอร์ฟิว มีอะไรเนี่ย จังหวัดสมุทรสาครจะไม่โดน เพราะเหตุผลว่า เราเป็นเมืองอาหาร จำเป็นต้องขนส่งไปทั่วประเทศไทย ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ คงจะต้องคิดหนักเหมือนกัน ถ้าไปล็อกชนิดที่ไม่ให้เคลื่อนไหวเลยเนี่ย มันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศเรา

อย่างไรเราก็ต้องฟังหมอเขาด้วย เพราะว่าบุคลากรทางการแพทย์เขาก็กลัว ถ้าไม่ล็อก ไม่ทำอะไรเลย เขาจะรับไม่ไหว เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องทำศึกหนักทั้งสองด้าน หมายความว่า เขาจะล็อกเลยก็เรื่องเศรษฐกิจจะมีปัญหา ไม่ล็อกก็เดี๋ยวจะเรื่องโรค เพราะฉะนั้นต้องควบคุมเป็นจุดที่เสี่ยงอันตราย อันนั้นต้องควบคุมอย่างเด็ดขาดนะ แต่อะไรที่ประชาชนร้องขอว่าที่เขาปลอดภัย ก็ให้เขาขนส่งได้ เพราะว่าพวกนี้มันมีระบบที่ช่วยกันอยู่แล้ว เพราะว่าเข้มงวดมากขึ้น ทำอะไรที่มากขึ้น มันก็ไปด้วยกัน เพราะถือว่าทั้งการควบคุมโรคด้วย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจด้วย มันต้องไปด้วยกัน

มาตรการป้องกันควบคุมสถานการณ์โควิด-19 สมุทรสาคร มองอย่างไร?

ก็น่าเห็นใจผู้ทำงานนะครับ อย่างท่านผู้ว่าฯ ท่านทำจนกระทั่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดไปเลย เพราะว่าท่านก็ทำงานหนัก ผมว่าที่ท่านทำ ท่านทำหนักอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ปัญหามันใหญ่เกิดขึ้น เพราะว่าจังหวัดสมุทรสาคร เรามีโรงงานเยอะ แรงงานต่างด้าวเยอะ แรงงานถูกต้องกฎหมาย และไม่ถูกต้องกฎหมายมันเยอะ ผมว่าก็เกินกำลังท่านครับ สิ่งที่ผมว่าทางจังหวัดทำเนี่ยผมว่าท่านก็ทำเต็มที่แล้ว แล้วเรื่องนี้เกิดมาแล้ว และจังหวัดเราเป็นจังหวัดที่ติดโรคมากที่สุด อย่าโทษใครโทษมันเลยครับ เพราะว่าตอนนี้รัฐต้องโดดเข้ามาช่วยแล้ว เพราะว่า เห็นประกาศไปว่าเกิดที่ไหนให้ดูแลที่นั่น อย่างเช่น ตอนนี้เราเริ่มหาที่ไปกักตัวคนที่ติดเชื้อซึ่งเป็นต่างชาติ อุปกรณ์บางอย่างเราบอกว่าพร้อม มันก็ยังไม่พอ ถ้ารัฐรีบอนุมัติหรือหาเงินอะไรที่ออกมาบริหารจัดการได้เร็ว ผู้ป่วยอีกหลายคนก็ไม่ต้องออกจากจังหวัดสมุทรสาคร อย่างแรงงานต่างด้าว เพราะว่าเรายังมีพื้นที่ไปกักตัวได้เยอะ แม้ว่าบางพื้นที่ถูกประชากรต่อต้าน แต่หลายที่เขาก็ให้ แต่หลายที่มันต้องลงทุน ทีนี้เวลาเราจะลงทุน รัฐจะต้องมีเงินมา แล้วรีบทำให้เร็ว เพื่อความปลอดภัย เพื่อความสบายใจทุกๆ ฝ่าย ไม่ต้องไปที่อื่น คนในพื้นที่ก็สบายใจขึ้นด้วย

ความมั่นใจในการบริโภคอาหารทะเล และสินค้าจากสมุทรสาคร

สิ่งที่เขาได้รับข่าวมา เขาจะขาดความมั่นใจ เพราะว่าเริ่มสตาร์ทมาก็มีคนบอกว่ามาตลาดกุ้ง ตลาดขายกุ้ง ตลาดกลางกุ้ง มาซื้อกุ้ง ก็พูดกันเรื่องนี้ ทุกคนก็วิตกกังวล แสดงว่าติดเชื้อที่กุ้ง ไม่ใช่นะครับ มันไม่ได้ติดเชื้อที่กุ้ง ติดที่คนสู่คน กุ้งเนี่ยมันทำสุกแล้ว มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อย่าไปวิตกกังวลเลยครับ เพราะว่าถ้าเราวิตกกังวลมาก มันจะพาอย่างอื่นไปอีก ไม่มีใครกล้าพูดได้ว่า โควิดติดจากอาหาร ส่วนมากอาหารเรา พอสุกแล้วเราก็ปลอดภัย แล้วติดจากอาหารก็ยังไม่เคยมีหลักฐานยืนยันปรากฎ เพียงแต่คนสู่คนน่ะใช่ เพราะฉะนั้นผมว่ามั่นใจได้เลย อย่าไปวิตกกังวล อาหารเราต้องทานทุกวันอยู่แล้ว ถ้าสมมติว่าอาหารติดโรคเนี่ย คนจังหวัดสมุทรสาครทุกวันกินกุ้ง หอย ปู ปลาทุกวัน คงจะติดกันทั้งจังหวัดไปแล้วครับ ท่านมั่นใจได้ว่าอาหารที่เรากินปลอดภัย เพราะว่าขบวนการต่างๆ เราก็เข้มงวดมากขึ้นอยู่แล้ว

อยากฝากอะไรถึงชาวสมุทรสาคร กับสถานการณ์โควิด-19

ฝากถึงคนจังหวัดสมุทรสาคร และคนทั่วประเทศนะครับว่า สิ่งที่เราต้องคำนึง คือต้องดูแลตัวเราเองก่อนเป็นหลัก ต้องล้างมือสะอาด สวมหน้ากากอนามัย ห่างผู้คน เว้นระยะ นี่สิ่งที่เราต้องทำ แต่สิ่งที่ผมจะต้องขอความเห็นใจจากคนไทยทุกคน หรือแม้แต่คนจังหวัดสมุทรสาครก็ดี อย่างแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา เราต้องให้ความเห็นใจ ให้ความเมตตาเขา อย่าไปมองเป็นบุคคลผู้น่ารังเกียจ เพราะว่าเขามาช่วยเราทำงาน ช่วยสร้างเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเรา ช่วยกันสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ ท่านอย่าลืมนะครับ เขาเลี้ยงลูกคนหนึ่ง อายุ 18 19 20 มาให้เราใช้งาน เราก็มองในด้านดี ขอให้มองแบบ สงสารเขาดีกว่า เรามีอะไรช่วยเหลือเขา สิ่งที่ผมเห็นตามศูนย์ต่างๆ ที่กักเนี่ย คนไทยเราก็ไปช่วยกันเยอะแยะไปหมด แล้วโดยคนจังหวัดสมุทรสาคร ที่เราไม่เคยเกิดอุปสรรคใดๆ จะน้ำท่วม จะมีอะไรที่ไหนแล้วแต่ คนจังหวัดสมุทรสาครจะรวมรวมกันขนของไปช่วยเยอะแยะไปหมด ณ วันนี้คนจังหวัดสมุทรสาครโดนกันเองแล้ว ผมว่าอย่าไปรังเกียจเขาเถอะครับ มาช่วยกันดูแล เพื่อจะได้เห็นว่า เรามนุษย์เหมือนกัน อย่างมอญ พม่า ผมให้ความสนใจ เพราะว่าเรามองด้านดีว่าเขามาช่วยเศรษฐกิจของบ้านเรา ของประเทศเรา เพราะว่างานบางอย่างเนี่ย คนไทยเราไม่ทำแล้ว เราต้องอาศัยเขา อย่าไปรังเกียจเขา

ฝากให้กำลังใจคนทำงานป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในสมุทรสาคร

ผมก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเรา โดยเฉพาะตอนนี้จะเป็นข้าราชการประจำจังหวัด จะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการของเรา ท้องถิ่น อสม. อันนี้เราต้องให้กำลังใจเขา แล้วโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ พยาบาล ทำงานหนักมาก อันนี้ต้องขอเป็นกำลังใจให้ ตอนนี้ผมก็มีอะไรให้ช่วยเหลือได้ ผมก็ยังช่วยเหลือทางคณะแพทย์อยู่ เพราะว่าผมเห็นแต่ละคนต้องมาลำบาก ต้องมานอนอยู่ในพื้นที่ 15 วันอย่างนี้ แล้วเขาก็เสี่ยงอันตรายนะครับ ก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้ เพราะถือว่าท่านเป็นฮีโร่คนหนึ่ง แล้วโดยเฉพาะชาว อสม. ทั่วประเทศไทย ตอนนี้ก็ทำงานหนักขึ้นนะครับ อันนี้ถือว่าปิดทองหลังพระ บางคนอาจจะไม่ชอบหรอก แต่ว่าใจเสียสละต้องทำ อันนี้เราต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่ายนะครับ โดยทางปกครองก็ดี ทหารก็ดี ตำรวจก็ดี บุคลากรทางการแพทย์ ทางสาธารณสุข อสม. ประชาชนทั่วไปที่ร่วมกันส่งกำลังใจ ร่วมส่งของมาช่วยนะครับ ผมต้องขอขอบคุณแทนไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

เรื่อง : กิตตินันท์ นาคทอง / ภาพ : กิตติกร นาคทอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *