หลังจากที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบงก์) ได้ประกาศขายที่ดินพร้อมอาคารโรงงาน ของบริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) เนื้อที่ 61 ไร่ 51.1 ตารางวา บนถนนเศรษฐกิจ 1 หมู่ 2 ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ในราคาเริ่มต้นที่ 300 ล้านบาท เมื่อปี 2559
ปรากฎว่า ได้มีผู้สนใจซื้อที่ดินผืนงามดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้ทยอยรื้อถอนอาคารทั้งหมด รวมทั้งมีการถมที่ดินด้านหลังโรงงาน ซึ่งเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย และได้ซื้อที่ดินบ่อปลาของชาวบ้านเพิ่มเติม ทำให้ที่ดินผืนดังกล่าวเชื่อมไปถึงซอยตาแก๊ป โดยมีระยะห่างจากถนนเศรษฐกิจ 1 เกือบ 500 เมตร
“สาครออนไลน์” สอบถามแหล่งข่าวหลายฝ่าย ระบุว่า ที่ดินผืนดังกล่าวมีแผนที่จะพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยด้านที่ติดกับถนนเศรษฐกิจ 1 จะก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ ส่วนด้านในจะเป็นโครงการบ้านจัดสรร แต่ถึงกระนั้นยังคงต้องรอขออนุญาตก่อสร้างกับเทศบาลตำบลนาดี จึงจะมีความชัดเจนอีกครั้ง
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อปี 2515 หรือเมื่อ 46 ปีก่อน บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) ได้ก่อตั้งโรงงานบนพื้นที่เกือบ 62 ไร่ ริมถนนเศรษฐกิจ 1 เชื่อมระหว่างอ้อมน้อย ถึงตัวเมืองมหาชัย ซึ่งในอดีตเป็นเพียงถนนคอนกรีต 2 ช่องจราจรสวนทาง และมีคูน้ำข้างทาง
เหตุที่เรียกว่า “โรงสูง” เพราะมีอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งเด่นตระหง่านเพียงอาคารเดียว
โรงงานแห่งนี้ ผลิตเส้นใยและเส้นด้ายไนล่อนซึ่งใช้ในการทอผ้าหรือผ้าชนิดยางยืด มีพนักงานประมาณ 500 คน มีอาคารที่ใช้ประกอบการผลิตหลายอาคาร เครื่องจักร 146 เครื่อง และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีก 2 เครื่อง รวมทั้งโกดังจัดเก็บสินค้า และบ่อบำบัดน้ำเสียด้านหลังโรงงาน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2540-2544 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจขาดทุนติดต่อกัน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำตั้งแต่ปี 2540 กระทั่งบริษัทฯ ได้หยุดการผลิตตั้งแต่เดือน เมษายน 2548 เนื่องจากปัญหาขาดสภาพคล่อง ก่อนที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในวันที่ 12 กันยายน 2548
รวมระยะเวลาที่โรงงานแห่งนี้ดำเนินการผลิต 33 ปี มีการเลิกจ้างพนักงานประมาณ 346 ราย
เมื่อเอ็กซิมแบงก์ยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างผืนดังกล่าว พบว่าโรงงานแห่งนี้ถูกปล่อยทิ้งร้างว่างเปล่า เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลามากกว่า 11 ปี กระทั่งประกาศขายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และมีผู้สนใจซื้อที่ดินผืนดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วในขณะนี้
กลายเป็นการปิดตำนาน “โรงสูง” เหลือไว้เพียงความทรงจำไปตลอดกาล
– กิตตินันท์ นาคทอง –