“พิศุทธิ์ วีระจิตต์” ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ยับยั้งสอบครูผู้ช่วยฉาว

1126

พิศุทธิ์ วีระจิตต์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร

การสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี 2557 โดยกำหนดสอบภาค ก และภาค ข เสร็จสิ้นไปเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เกิดเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น

เมื่อมีผู้เข้าสอบรายหนึ่ง คือ พิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร หมู่ 11 ต.ลุมปุ๊ก อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ไปเข้าสอบครูผู้ช่วยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สมุทรสาคร

ทั้งที่คนที่เป็นระดับผู้อำนวยการโรงเรียน คงไม่มีความจำเป็นต้องมาสอบครูผู้ช่วยอีก

นอกจากนี้ ยังพบว่ามี ชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นน้องชายของพิทักษ์ และ ธนกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ไปเข้าสอบครูผู้ช่วยพร้อมกันอีกด้วย

จาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า กรณีนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะต้องสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลว่าอาจจะนำไปสู่การทุจริตก็จำเป็นต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

เรื่องนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าจะส่อไปในทางทุจริตอยู่แล้ว เพราะคนที่เป็นระดับผู้อำนวยการโรงเรียน และครู คงไม่มีความจำเป็นต้องมาสอบครูผู้ช่วยอีก จึงขอให้ สพฐ. ตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อให้การสอบครูผู้ช่วยครั้งนี้มีความโปร่งใสมากที่สุด

“มีอีกกรณีที่น่าสงสัยและต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ มีบางจังหวัด มีคนจากต่างพื้นที่รวมตัวมาเป็นกลุ่ม และสมัครสอบที่เดียวกัน โดยเฉพาะจากจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่เบื้องต้นทางสนามสอบแก้ปัญหาโดยการให้ผู้สมัครที่มาจากจังหวัดเดียวกันแยกให้นั่งห่างกัน และหากพบว่ามีสัญญาณที่ส่อว่าจะมีการทุจริต ก็จะให้มีผู้บริหารระดับผู้ใหญ่เข้าไปดูแลทันที”

ขณะที่ อภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งการให้เขตพื้นที่ฯ ที่ทั้ง 3 รายไปเข้าสอบ รวมถึงเขตพื้นที่ฯ ที่ทั้ง 3 รายได้ยื่นสมัครสอบไว้จัดทำรายงานส่งมายัง สพฐ. ได้รับรายงานว่า พิทักษ์ไปสอบภาค ก. ที่ สพป.สมุทรสาคร เพียงวันเดียว

ส่วนที่ สพป.นนทบุรี เขต 1 ชุมพลและธนกฤตไปสอบครบทั้ง 2 วัน ซึ่งเท่าที่ทราบไม่ได้มีการขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และมีการสมัครสอบซ้ำ 2-3 สนามสอบ ซึ่งต้นสังกัดของทั้ง 3 คนได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว

แต่ถึงกระนั้น หลังเรื่องนี้ตกเป็นข่าวก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแสว่า พิทักษ์เป็นติวเตอร์ โดยใช้ชื่อว่า “ติวเตอร์แอ๊ด ลำปลายมาศ” และที่นามสกุลเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกันหรืออาจเป็นแค่ญาติกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่ต้องไปตรวจสอบต่อไป

อีกด้านหนึ่ง หลังเป็นข่าวฉาว พิทักษ์ได้เปิดเผยกับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่เข้าสอบครูผู้ช่วยในครั้งนี้ เพราะต้องการความรู้เพิ่มเติมและแนวข้อสอบ ที่จะนำไปติวให้ลูกหลานที่จะสมัครสอบครู ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น

พิศุทธิ์ วีระจิตต์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร (สพป.สค.) ออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในการสมัครสอบดังกล่าวทั้ง 2 รายระบุในใบสมัครว่าประกอบอาชีพอื่นๆ ไม่ได้แสดงตนว่าเป็นข้าราชการ

ก่อนหน้าวันสอบเพียง 1 วัน เพิ่งได้ข้อมูลว่าทั้ง 2 รายเป็น ผอ.โรงเรียนและข้าราชการครู ในวันสอบภาค ก. วันที่ 20 เม.ย. ปรากฏว่า พิทักษ์เดินทางมาสอบเพียงคนเดียวนั้น ทางเขตพื้นที่ฯ ได้สั่งให้คณะกรรมการคุมสอบนั่งประกบพิทักษ์ตลอดการสอบเพื่อป้องกันทุจริตการสอบ

ขณะเดียวกัน ทางเขตฯ ได้ใช้ข้อสอบที่ออกโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นลักษณะคู่ขนาน สลับข้อสอบ สลับคำตอบ จึงเป็นไปได้ยากที่จะส่งสัญญาณ มพ์ชื่อผู้เข้าสอบลงในกระดาษคำตอบด้วย เพราะฉะนั้น พฤติกรรมที่ว่าอาจจะสวมรอยเข้าสอบจึงไม่เกิดขึ้นแน่นอน

ส่วนในพื้นที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็มีการเฝ้าสังเกตการณ์ รวมถึงกำชับให้จับตาพฤติกรรมของผู้เข้าสอบอีก 9 คนที่มาจากจังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งมาสอบที่เขตพื้นที่ สพป.สมุทรสาคร ด้วย ส่วนชุมพล แม้จะมีชื่อเข้าสอบ แต่ไม่มาสอบที่นี่ ทราบว่าไปสอบที่ สพป. นนทบุรี เขต 1

นอกจากนี้ ยังได้บันทึกภาพตลอดเวลาของการทำข้อสอบอีกด้วย ล่าสุด ภาพทั้งหมดและรายละเอียดทางด้านเอกสารนั้น ได้ส่งมอบให้กับส่วนกลางไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาครนั้น ถือว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างละเอียด รอบคอบ ดีที่สุด และหมดหน้าที่ความรับผิดชอบในเรื่องนี้แล้ว

กรณีที่ผู้บริหารสถานศึกษาไปสอบครูผู้ช่วย โดยอ้างว่าต้องการนำความรู้เกี่ยวกับข้อสอบไปแนะแนวลูกหลานที่สมัครสอบครู โดยไม่ได้ขออนุญาตจากต้นสังกัดนั้น เป็นสิ่งที่น่าเคลือบแคลงสงสัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความกระจ่างต่อสาธารณชนเพื่อไม่ให้กลายเป็นการสอบอื้อฉาวไปกว่านี้

สิ่งที่น่าชื่นชมคือ การออกมารับมือของ ผอ.สพป.สมุทรสาคร ที่เมื่อได้ยินสัญญาณไม่ดีเกี่ยวกับผู้เข้าสอบ ได้สั่งให้คณะกรรมการคุมสอบนั่งประกบ รวมทั้งการนำข้อมูลจากกล้องวงจรปิดมาใช้ประโยชน์

ถือว่าเป็นการยับยั้งความเสียหายจากการทุจริตในการสอบไม่ให้ลุกลามมากขึ้นไปอีก.



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง