84 วัน กับการรักษาอาการผิวหนังถูกไฟไหม้ ในที่สุดเมื่อเช้ามืดวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา “น้องจีโน่” หรือ ณขจร กิจฤกษ์ไทย หนุ่มวัย 18 ปี ที่เป็นเหยื่อจากการจุดไฟเผาของวัยรุ่นคู่หนึ่ง ก็เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

ย้อนกลับไปเมื่อเช้าวันที่ 27 ธ.ค. น้องจีโน่บอกกับย่าที่บ้านว่า กำลังจะไปรับ “ออย” มาที่บ้าน ก่อนที่จะเกิดเรื่องสลดขึ้น

“ออย” หรือ จันทราลักษณ์ ลั่นสิน หญิงสาววัย 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่น้องจีโน่คบหากันอยู่ ตัดสินใจร่วมกับ “ไอ้กัส” หรือ พชร เทียนชูศักดิ์ นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม วัย 19 ปี ใช้น้ำมันราดน้องจีโน่ ก่อนจุดไฟเผาแล้วหลบหนี

ทั้งคู่ลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจกลางวันแสกๆ อย่างรวดเร็ว บริเวณป้ายรถประจำทางถนนเศรษฐกิจ 1 เยื้องตรงข้ามหมู่บ้านทิพวณิชย์ หมู่ 3 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ก่อนที่ทั้งคู่จะซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไปทางมหาชัย

ทิ้งไว้แต่เพียงร่างของน้องจีโน่ ที่ถูกไฟเผาทั้งตัว ชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ต้องนำน้ำมาราดเพื่อดับไฟ พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลกระทุ่มแบน และในช่วงค่ำได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

สภาพของน้องจีโน่ในขณะนั้น อาการสาหัส ร่างกายถูกไฟไหม้ไปประมาณ 63 เปอร์เซ็นต์ เป็นแผลฉกรรจ์ มีอาการบวม ต้องให้ยาช่วย เนื่องจากดิ้นมาก ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากต้องต่อท่อช่วยหายใจอยู่ และรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง

จากคำบอกเล่าของ รัชวรรณ ครุธเนตร แม่น้องน้องจีโน่ ที่บอกกล่าวแก่ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความที่เธอขอความช่วยเหลือ ระบุว่า ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลรามาธิบดี ก็อยู่ห้องไอซียูมาตลอด หมอต้องตัดนิ้วและหูทั้งสองข้างออก ไม่สามารถให้ใครเยี่ยมได้

กระทั่งคืนก่อนที่จะเสียชีวิต น้องจีโน่หัวใจหยุดเต้น แพทย์ต้องทำการปั้มหัวใจ กระทั่งชีพจรกลับมาฟื้นอีกครั้ง แต่ในช่วงเช้ามืด ชีวิตของน้องจีโน่ที่ทุกข์ทรมานสุดจะยื้อ จึงต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบ เหลือไว้แต่เพียงความโศกเศร้าของพ่อแม่และญาติที่ต้องเสียลูกชายอันเป็นที่รัก

แม้ก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ตามล่า “ไอ้กัส-ออย” แบบพลิกแผ่นดิน กระทั่งสามารถจับได้ทั้งคู่ ที่ปั๊มน้ำมันมังกี้โกลด์ ถนนกาญจนบุรี-ด่านเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ขณะกำลังหลบหนีไปยังประเทศพม่า แต่ในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัว

พ่อของจีโน่อย่าง วิษณุ กิจฤกษ์ไทย ถึงกับพูดกับทนายษิทราอย่างอัดอั้นตันใจว่า คนที่ทำให้ลูกของตนอยู่ในโลงอย่าง “ออย” ล่าสุดได้กลับบ้านไปเรียนหนังสือ กอดแม่ ไปเที่ยวดูหนัง อย่างมีความสุข อยากรู้ว่าความยุติธรรมมีจริงไหม

“คดีร้ายแรงขนาดนี้ตำรวจยังไม่คัดค้านการประกันตัว ปล่อยผู้ต้องหาออกมา แล้วถ้าหนีไปจะทำยังไง ลูกผมไม่ตายฟรีเหรอ แถมผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิงยังมาแจ้งความลูกผมอีก แล้วจะให้ย่าน้องซึ่งแก่มากแล้วไปเป็นพยาน ทั้งๆ ที่ลูกผมยังไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้”

“ไอ้กัส” พชร เทียนชูศักดิ์ และ “ออย” จันทราลักษณ์ ลั่นสิน ผู้ก่อเหตุที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ ปัจจุบันได้รับการประกันตัว และฝ่ายหญิงได้ใช้วิธีแจ้งความกลับ “น้องจีโน่” อ้างข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เพราะฝ่ายชายพาขึ้นห้องนอน

เป็นไปตามคาดที่หญิงสาววัย 20 ปีอย่าง “ออย” จะใช้วิธีแจ้งความกลับว่าตนเองถูก “น้องจีโน่” หนุ่มวัย 18 ปี ข่มขืนกระทำชำเรา ตามที่เธอให้การรับสารภาพ ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลานั้น น้องจีโน่ยังต้องต่อท่อช่วยหายใจ พูดอะไรไม่ได้

ย้อนกลับไปที่คำให้การรับสารภาพของ “ไอ้กัส-ออย” หลังถูกจับ สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุเพราะช่วงนั้นคบหาเป็นแฟนกันอยู่ แต่ได้มีปากเสียงกัน ทะเลาะกัน และไม่เข้าใจกัน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะพอดีกับที่ “น้องจีโน่” เข้ามาพูดคุยและตีสนิทกับหญิงสาว

ไอ้กัสอ้างว่า ได้รับทราบจากหญิงสาวว่า น้องจีโน่ชวนไปที่บ้าน โดยบอกว่า จะให้ยืมคอมพิวเตอร์ทำงาน ก่อนพาขึ้นห้องนอนแล้วข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ข่มขู่ว่า หากนำเรื่องนี้ไปบอกใครจะเอาความลับนี้ไปเปิดเผย และจะอุ้มฆ่า

ด้วยความโกรธแค้น หลังปรับความเข้าใจกับหญิงสาว เมื่อน้องจีโน่โทรศัพท์มาหาเพื่อนัดไปที่บ้านอีกครั้ง จึงวางแผนหญิงสาวให้นัดมารับที่ป้ายรถเมล์แล้วค่อยเข้าไปแอบในพงหญ้าต้นไม้ข้างทาง เพื่อรอจังหวะที่น้องจีโน่พูดคุยลงมือล็อกคอ เอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผา

ด้านฝ่ายหญิงอย่าง ออย บอกว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนเจอน้องจีโน่ 3 ครั้ง ช่วงนั้นตนกับกัสทะเลาะกัน น้องจีโน่ได้เข้ามา จึงบอกว่ายังไม่คบ ดูๆ กันไปก่อน ถึงปีใหม่ค่อยดูว่าจะคบกันได้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าเคยเจอแม่ของน้องจีโน่ครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม เมื่อฟังความจากแม่ของน้องจีโน่ พบว่าคนละด้านโดยสิ้นเชิง เธอกล่าวว่า สาวออยคบหากับน้องจีโน่ได้ระยะหนึ่ง เคยพามาที่บ้านแต่ไม่บ่อยนัก ระยะหลังเห็นว่าฝ่ายหญิงหายไป จึงถามว่าเลิกรากันแล้วหรือไม่ น้องจีโน่จึงตอบว่าวันอาทิตย์นี้ ฝ่ายหญิงจะมาหาที่บ้าน

หลังเกิดเหตุ พ่อได้เปิดเฟซบุ๊กของน้องจีโน่ พบว่าทั้งคู่มีปัญหากัน ถึงขั้นฝ่ายหญิงพิมพ์ข้อความด่าพ่อแม่ของฝ่ายชาย จากนั้นช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ สาวออยนัดให้น้องจีโน่ออกไปเคลียร์ปัญหากันกลางดึก แต่น้องจีโน่ไม่ออกไป บอกแค่ว่าพรุ่งนี้แล้วกัน

เป็นไปได้ว่าช่วงที่น้องจีโน่มีปัญหากัน สาวออยได้นำไปเล่าให้หนุ่มกัสฟัง และวางแผนที่จะลวงน้องจีโน่ออกไปทำร้าย แต่น้องจีโน่ไม่ได้ออกไปในช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ตามที่สาวออยนัด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจจะถูกทำร้ายแล้วไม่มีใครมาพบเห็นก็เป็นได้

แม้ว่าฝ่ายสาวออยจะแจ้งความกลับน้องจีโน่ฐานข่มขืนกระทำชำเราเพื่อหวังผลอะไรก็ตาม แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงได้ ว่าร่วมกับไอ้กัส ร่วมกันวางแผนทำร้ายน้องจีโน่ และเมื่อน้องจีโน่เสียชีวิตแล้ว ก็จะเพิ่มข้อหาเป็น “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน”

หลังจากที่จับกุม “ไอ้กัส-ออย” ดูเหมือนว่าหลังจากที่อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว ศาลจังหวัดสมุทรสาครปล่อยตัวทั้งคู่ไปแล้ว พ่อแม่ของน้องจีโน่ก็กังขาเรื่องคดีความว่าทำไมล่าช้า เพราะหลังจากที่เป็นข่าวไม่นานก็ตามคาด กระแสโซเชียลมีเดียมาแล้วก็ไป แบบฉบับคนไทยลืมง่าย

กระทั่งเมื่อทนายษิทรายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และหลังจากที่น้องจีโน่เสียชีวิต กระแสสังคมจึงกลับมาจับตามองเรื่องนี้อีกครั้ง

พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน บอกแต่เพียงว่า จะทำหนังสือไปถึงอัยการ แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” ซึ่งทางตนจะไม่ปล่อยปละละเว้นจะลงไปคุมคดีด้วยตนเอง

“ไอ้กัส” เคยออกมาแสดงความมั่นใจระหว่างแถลงข่าวการจับกุมว่า “ไม่เคยจะมาด่าครอบครัวลับหลัง ผมเหี้ยจะทำให้เห็นต่อหน้าต่อตา” เพื่อแก้ต่างกรณีที่ฝ่ายหญิงพิมพ์ข้อความด่าพ่อแม่ของฝ่ายชาย ก่อนที่จะเคลียร์ปัญหาด้วยการจุดไฟเผา

สำคัญตรงที่เมื่อศาลจังหวัดสมุทรสาครปล่อยผู้ต้องหาไปแล้ว เมื่อทั้งคู่ต้องเจอข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” ซึ่งมีโทษหนักขึ้นถึงประหารชีวิต จะพิจารณาให้เพิ่มวงเงินประกันตัว หรืออาจต้องยื่นขอประกันตัวใหม่อีกครั้ง ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ศาลต่อไป

ต้องดูกันต่อไปว่า ทั้งตำรวจ อัยการ และศาลจังหวัดสมุทรสาคร จะคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวน้องจีโน่ผู้ล่วงลับได้หรือไม่ เพราะพ่อแม่ยังทำใจไม่ได้ ที่วันนี้บุตรชายต้องมานอนในโลงศพ ส่วนคนทำผิดยังกินอิ่ม นอนหลับ กลับเข้าสู่สังคมได้เหมือนเดิม.

ทีมข่าวเฉพาะกิจ