“วรพงษ์ ชอบชื่น” สวนมะนาว-เกษตรอินทรีย์ต้นแบบ สร้างรายได้ปีละล้าน!
กระแสนิยมเกษตรหมุนเวียนปลูกพืชแบบผสมผสานต้องยอมรับว่า มีหลายจังหวัดยึดหลักตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และได้รับความสนใจต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้เกษตรกรมีรายได้หมุนเวียน ประหยัดเนื้อที่แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการเกษตรอีกด้วย
ปัจจุบันมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ประสบความสำเร็จ กลายมาเป็นสวนพืชผสมผสานและแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นตัวอย่าง อีกทั้งสร้างรายได้น่าพอใจ
อย่างเจ้าของสวนมะนาวแป้นต้นแบบ วรพงษ์ ชอบชื่น ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จในการปลูกมะนาวเข่ง และปลูกผักสวนครัวไร้สารพิษจำหน่าย บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ตั้งอยู่ริมถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน
กระทั่งล่าสุดได้ยกระดับเป็นแปลงสาธิตผสมผสานปลูกพืชหมุนเวียนปลอดสารเคมี และศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ จ.สมุทรสาคร ต้นแบบ สร้างรายได้กว่า 1 ล้านบาทต่อปี
วรพงษ์ เล่าว่า มีความชื่นชอบทำสวนผสมเป็นการส่วนตัว โดยที่ผ่านมาได้ประสบการณ์จากการคลุกคลีในวงการเกษตรมากพอสมควรหลายปี
กระทั่งเมื่อปี 2551 ได้จังหวะทำสวนมะนาวแบบผสมผสานตามความคิดและเริ่มต้นอย่างจริงจัง ควบคู่กับผักสวนครัว หลังเห็นความสำคัญของที่ดินว่างเปล่าประมาณ 2 ไร่เศษ ที่เห็นว่าสามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จึงตัดสินใจรวบรวมทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่
โดยค่อยๆ ดำเนินการหาซื้อดินมาปรับปรุง และปรับหน้าดินตามความต้องการ แบ่งเป็นโซนเพื่อทำพืชหมุนเวียนแบบผสมผสาน โดยเน้นเลือกใช้เข่งขนาด 70 เซนติเมตร มาปลูกมะนาวขายเพื่อประหยัดเนื้อที่
ต่อมาไม่นาน การทำสวนผสมของวรพงษ์ ต้องหยุดว่างเว้นไปช่วงหนึ่ง ราว 1-2 ปี เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างขยายถนนสายบ้านแพ้ว-พระประโทน ผ่านหน้าบ้าน ทำให้การสัญจรไปมาไม่สะดวก
กระทั่งกลับมาทำสวนผสมอีกครั้งในปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ถนนก่อสร้างแล้วเสร็จ
ในพื้นที่ตอนนี้มีมะนาวเข่ง หรือหลัว ประมาณกว่า 300 ต้น และยังมีโซนปลูกพืชผักสวนครัวแบบปลอดสารเคมีเกือบครบทุกชนิด มีโซนผลิตปุ๋ยและยาจากธรรมชาติ
ส่วนเนื้อดินที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นดินผสมจากใบต้มก้ามปูเป็นหลัก เพราะเหมาะกับพืชหลายชนิดต้องการ โดยเฉพาะมะนาวจะชอบดินร่วนซุย ทำให้ขณะนี้มีสินค้าขายเป็นรายได้หมุนเวียนหลายอย่างเข้ามา
เจ้าของสวนมะนาวเผยอีกว่า สำหรับมะนาวแป้นนั้นในสมุทรสาคร ถือเป็นพืชที่ทำเศรษฐกิจสำคัญตัวหนึ่งของจังหวัด ยิ่งช่วงหน้าร้อน ยิ่งทำรายได้ดี เพราะความต้องการของตลาดรับซื้อไม่อั้น ขณะที่การบริโภคก็ใช้กินกันอยู่ทุกวัน
ไม่ใช่ขายมะนาวอย่างเดียว ที่เป็นตัวชูโรงอันดับหนึ่ง ยังมีพันธุ์ผลไม้ใหญ่ที่ซื้อมาปลูกไว้ก่อนเพื่อช่วยบังแสงแดด ก็สามารถทำเงินได้เล็กๆ น้อยๆ แต่มีตลอดทั้งปี เช่น มะม่วง มะขาม ละมุด กระท้อน หมากไทย กล้วยน้ำว้า และกล้วยหอม
ส่วนข้อดีมะนาวบ้านแพ้วคือ ลูกใหญ่ เนื้อนุ่ม ให้น้ำมาก โดยเฉพาะผิวเปลือกบาง เป็นจุดเด่นซึ่งผ่านการพิสูจน์มาแล้ว แต่ราคาอาจจะสูงกว่าชนิดอื่นเล็กน้อย
“มะนาวบรรจุเข่ง จุดเด่นก็คือ ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ประหยัดเนื้อที่ ดูแลรักษาก็ง่าย และง่ายต่อการบังคับให้น้ำ อย่างการพรวนดินแค่เราเขย่าเข่งให้เคลื่อนไหวไปมา ข้อสำคัญมะนาวในเข่งสามารถบังคับให้ออกผลนอกฤดูได้แค่คำนวณไว้ล่วงหน้า 6-7 เดือน สวนแห่งนี้จึงเป็นหัวใจหลัก”
เจ้าของสวนย้ำด้วยว่า สำหรับมะนาวบรรจุเข่งที่ขาย สังเกตที่โคนต้นยังมีผักสวนครัวชนิดต่างๆ ซึ่งเหมาะสมกับมะนาว โดยมีคุณสมบัติกลิ่นฉุน อาทิ กะเพรา โหระพา พริก หรือผักชี ช่วยไล่แมลงให้ด้วยเกื้อกูลกัน
ขณะที่ราคาขายอยู่ ณ ขณะนี้เข่งแถมลูกไปด้วยสามารถนำไปทำเงินได้เลยเข่งละ 3,000 บาท หากเป็นมะนาวต้นกล้าราคาตั้งแต่ต้นละ 40 บาทขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ที่สวนมีจำหน่ายขายทั้งมะนาวและพืชผักรวมๆ แล้วกว่า 1 ล้านบาทต่อปี
ไม่เพียงการทำสวนมะนาวเข่งและพืชผักสวนครัวเท่านั้น แต่วรพงษ์ยังมีจิตสาธารณะ ช่วยงานสังคม ด้วยการเป็นวิทยากรความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์
พร้อมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประธานศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ จ.สมุทรสาคร ประธานสหกรณ์เพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส., ประธานสภาสิ่งแวดล้อมจังหวัด
และหลายปีก่อนยังเคยเป็นตัวแทนสภาเกษตรเยาวชน ที่ผ่านมาจึงออกเสวนาร่วมเวทีโครงการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้วิถีเกษตรในและนอกจังหวัด ไปเผยแพร่ประสบการณ์นับไม่ถ้วน
สำหรับเกษตรกรที่สนใจอยากจะเรียนรู้ดูงานหรือซื้อกิ่งพันธุ์และผลิตผลทางการเกษตรจากสวนแห่งนี้เจ้าของสวนยินดีต้อนรับตลอดเวลา.
(ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ และสวนมะนาว เลขที่ 30/9 หมู่ 3 ถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน ต.ชัยมงคล อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร)
มานพ พฤฒิวโรดม รายงาน / โทรศัพท์ 08-7151-2525