เมื่อวันก่อน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม เปิดสำนักงานแห่งใหม่ ตั้งอยู่บริเวณเยื้องสามแยกอัมพวา พร้อมกับแถลงผลงานเมื่อปีที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจคือ สถานการณ์นักท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด คือ สมุทรสงคราม นครปฐม และสมุทรสาคร ที่แม้เศรษฐกิจไทยจะซบเซา แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับสูงขึ้น

นับกันแบบปีงบประมาณ เฉพาะ จ.สมุทรสาคร ปี 2558 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมปี 2557 อยู่ที่ 2,683,658 คน เพิ่มขึ้นเป็น 2,738,480 คน หรือเพิ่มขึ้น 54,822 คน (2.04%)

ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ปี 2557 มีจำนวน 113,991 คน ปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 129,869 คน หรือเพิ่มขึ้น 15,878 คน (13.93%)

เบ็ดเสร็จแล้ว ปี 2557 มีนักท่องเที่ยวรวมกัน 2,797,649 คน ปี 2558 เพิ่มขึ้น 70,700 คน (2.53%) เป็น 2,868,349 คน!

โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นชาวกรุงเทพฯ ส่วนมากเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ ขณะที่กลุ่มพักค้างคืนส่วนมากจะมีในช่วงวันหยุด และช่วงลองวีคเอนด์

รวมทั้งมีกลุ่มสัมมนาเดินทางเข้าที่พักในช่วงวันธรรมดาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เดินทางได้สะดวก

กลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลักได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มทำงาน รองลงมาเป็นกลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มเยาวชน และกลุ่มความสนใจพิเศษ

ที่สำคัญ ยังพบว่าจังหวัดสมุทรสาครมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2558 อยู่ที่ 75.48% แม้จะน้อยกว่าสมุทรสงครามที่มีมากถึง 82.77% และนครปฐม 78.72% ก็ตาม

สำหรับแผนปฏิบัติการส่งเสริมการตลาดประจำปี 2559 ของ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม พบว่าจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลท่องเที่ยว และกระตุ้นค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ

โดยเฉพาะโครงการ “สุขใจเสริมบารมี ตามวิถีชุมชน” ที่เตรียมจัดทำคู่มือท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆ ทั้งเส้นทางไหว้พระราหู เที่ยวตลาดน้ำตลาดบก เที่ยวเพื่อสุขภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ

ทั้งนี้ วัดที่ ททท. สำนักงานสมุทรสงครามให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ จ.สมุทรสงคราม หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรฯ, หลวงพ่อนิลมณี ค่ายบางกุ้ง, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม

จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อปู่ วัดโกรกกราก และพระราหู วัดท่าไม้ ส่วน จ.นครปฐม หลวงพ่อโต วัดไร่ขิง, หลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ และพระราหู วัดศรีษะทอง

ส่วนกลุ่มเป้าหมายนักศึกษา และวัยทำงาน จะผลักดันโครงการ “วิถีชุมชน วิถีแห่งแรงบันดาลใจ” โดยจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน

โดยในส่วนของ จ.สมุทรสาคร จะแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยว 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น

ประกอบด้วย ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร โรงงานประกอบเซรามิก หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี และตลาดทะเลไทย

อีกโปรแกรมหนึ่ง คือ เส้นทางเรียนรู้วิถีชาวเล ประกอบด้วย ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศูนย์เรียนรู้การทำนาเกลือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร และโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น

นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์กระจายพื้นที่และช่วงเวลาท่องเที่ยว โดยเฉพาะการร่วมจัดหรือสนับสนุนกิจกรรมเทศกาลประเพณีในพื้นที่ รวมทั้ง สร้างความเข้มแข็งให้สังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม

ช่วงที่ผ่านมา ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม ให้การสนับสนุนกิจกรรมงานประเพณีใน จ.สมุทรสาคร ทั้งหมด 8 กิจกรรม อาทิ พันท้ายนรสิงห์ มินิฮาล์ฟมาราธอน, เทศกาลอาหารทะเลสมุทรสาคร

งานสืบสาน สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี, ประเพณีแห่เจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร, ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร และเทศกาลปลาทูอร่อยที่ท่าฉลอม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การท่องเที่ยวปี 2559 นั้น พบว่าจะมีโอกาสจากรัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยว กระแสปั่นจักรยานเที่ยว ราคาน้ำมันลดลง กระแสสังคมออนไลน์ และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

แต่ก็ยังพบอุปสรรคไม่น้อย ได้แก่ การแข่งขันทางการตลาดท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดต่อเนื่อง กระตุ้นให้คนไทยเดินทางไกล หรือเที่ยวต่างประเทศมากกว่าในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ

ที่สำคัญ สภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตรกรที่มีน้อยลง บางปีไม่สามารถจัดเทศกาลประจำปีได้

นอกจากนี้ ปัญหาการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ภาวะวิกฤตต่างๆ ที่เข้ามาแบบไม่รู้ตัว เช่น โรคระบาด โรคติดต่อ และความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว ที่ทำให้ความได้เปรียบต่อคู่แข่งลดลง

สิ่งเหล่านี้คือข้อมูลการท่องเที่ยว ที่คนสมุทรสาคร โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมบริการควรรับรู้ไว้ เพื่อหาแนวทางเป็นเจ้าบ้านที่ดี

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายหมุนเวียนในพื้นที่สมุทรสาคร สร้างงาน สร้างรายได้ และให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเมืองที่เคยเป็นทางผ่านเมื่อเข้าสู่ภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น.