“บัตรเดียวเที่ยว 4 จังหวัด” ส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือปล่อยให้เสียของ?

ภาพจากทวิตเตอร์ @Tikky_Talk

หนึ่งในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 จังหวัด “สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์” คือการผลิตบัตรพลาสติกที่เรียกว่า “บัตรเดียวเที่ยว 4 จังหวัด” เพื่อใช้สำหรับเป็นส่วนลดแก่ผู้ถือบัตร ตามสถานประกอบการประเภทร้านอาหาร โรงแรม โดยมีเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ สาครออนไลน์สอบถามไปยังผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม “อังคณา พุ่มผกา” เปิดเผยว่า โครงการนี้มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรีเป็นแม่งานหลัก ททท.สมุทรสงครามให้การสนับสนุน แต่ไม่ได้มีส่วนในโครงการจัดทำบัตรโดยตรง อย่างไรก็ตามบัตรดังกล่าว ททท.ไม่ได้รับแจก แต่ให้กับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาทั้ง 4 จังหวัดเพื่อนำไปแจกจ่ายแทน

ลักษณะของบัตรเดียวเที่ยว 4 จังหวัด เป็นบัตรพลาสติกแข็ง มาพร้อมกับคู่มือสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนลดร้านอาหาร โรงแรม และสถานประกอบการต่างๆ จัดทำโดย บริษัท ฟิวเจอร์เพรส แอนด์ มีเดีย จำกัด จำนวน 50,000 ใบ โดยบัตรบางส่วนได้นำไปแจกจ่ายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2554 เมื่อวันที่ 8-12 มิถุนายน 2554 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี แต่ได้หมดลงอย่างรวดเร็ว ภายหลังได้ทยอยจัดพิมพ์และส่งให้กับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาทั้ง 4 จังหวัดเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป

แม้สาครออนไลน์จะยังไม่ได้ไปรับบัตรตัวจริงก็ตาม แต่รายละเอียดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนลดที่พักและร้านอาหารนั้น มีในเว็บไซต์ http://tourcentral.tourthaicard.com ซึ่งพอจะเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจ ก่อนไปติดต่อขอรับบัตรส่วนลดตัวจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร มีส่วนลดหรือร้านอาหารใดที่น่าสนใจพอที่จะมานำเสนอแก่ผู้อ่านได้บ้าง

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรวันเดียวเที่ยว 4 จังหวัดนั้น ในส่วนของที่พัก พบว่ามีโรงแรมและรีสอร์ทที่เข้าร่วมโครงการ 2 แห่ง ซึ่งมอบส่วนลดแตกต่างกัน ได้แก่ โรงแรมเซ็นทรัล เพลส ถ.เอกชัย ซึ่งเป็นโรงแรมหรูใจกลางเมืองสมุทรสาครเพียงแห่งเดียว คิดค่าห้องพัก 1,000 บาท/ห้อง/คืน จากปกติ 1,500 บาท/ห้อง/คืน และบ้านสวยน้ำใส รีสอร์ท ถ.สหกรณ์ ต.โคกขาม อ.เมืองฯ ค่าห้องพัก 850 บาท/ห้อง/คืน จากปกติ 1,250 บาท/ห้อง/คืน โดยส่วนลดดังกล่าวกำหนดไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 ถึง เดือนมีนาคม 2555

สำหรับจังหวัดใกล้เคียง ในส่วนของโรงแรมและรีสอร์ทที่พักนั้น พบว่ามี จ.เพชรบุรีและ จ.ประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วมโครงการมากที่สุด โดย จ.เพชรบุรีมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการ 19 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมบริเวณชายหาดชะอำ ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์มีโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ 37 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมบริเวณชายหาดหัวหิน ซึ่งทั้งชะอำและหัวหินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลอยู่แล้ว แต่สำหรับ จ.สมุทรสงครามกลับมีโรงแรมอยู่ 2 แห่ง ซึ่งเป็นรีสอร์ทในพื้นที่ อ.อัมพวาเท่านั้น

ในส่วนของร้านอาหารนั้น ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการจะให้ส่วนลดเฉพาะค่าอาหาร 10% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 ถึงเดือนมีนาคม 2555 โดยมีร้านอาหารในจังหวัดสมุทรสาครเข้าร่วมโครงการ 12 แห่ง ได้แก่ อ.เมืองฯ ประกอบด้วยร้านอาหารไผ่ ถ.เจษฎาวิถี, ร้านอาหารครัวริมเขื่อน ถ.ธรรมคุณากร, ภัตตาคารอ่าวไทย บ้านกำพร้า ต.บางหญ้าแพรก, ร้านอาหารป๋อป๋อสุกี้ คาราโอเกะ ถ.เอกชัย, ร้านอาหารสรศักดิ์ ถ.สรศักดิ์, ภัตตาคารท่าเรีอ ถ.เศรษฐกิจ, ภัตตาคารนิวรสทิพย์ ถ.เศรษฐกิจ, ร้านบ้านตูนคอฟฟี่ ถ.เอกชัย, ร้านเปี๊ยก ส้มตำปลากระพง สาขา 1 ถ.เอกชัย และสาขา 2 ซอยบ้านเช่า, ตี๋โภชนา ท่าฉลอม, เจ๊นุ้ย ซีฟู๊ด ต.ท่าทราย และห้องอาหารบ้านแป๊ะยิ้ม อ.กระทุ่มแบน

สำหรับ จ.สมุทรสงคราม มีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ 9 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารทะเล อยู่ในบริเวณดอนหอยหลอด และ ต.บางจะเกร็ง ให้ส่วนลดเฉพาะค่าอาหารแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 5-15% ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ 14 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ที่น่าแปลกก็คือ จ.เพชรบุรีกลับมีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการเพียง 6 ร้านเท่านั้น และส่วนมากตั้งอยู่ที่ริมเขื่อนแก่งกระจาน แต่ที่ อ.ชะอำกลับมีเพียง 2 ร้านเท่านั้น

เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 จังหวัดนี้ มุ่งหวังที่จะให้มีการรวมจุดเด่นของสถานประกอบการ ทั้งร้านอาหารและที่พักในแต่ละจังหวัดมารวมกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในลักษณะการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวร่วมกันในพื้นที่ 4 จังหวัด เพราะแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น จ.สมุทรสาครและ จ.สมุทรสงคราม มีจุดเด่นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และมีจุดขายเรื่องร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล ส่วน จ.เพชรบุรีและ จ.ประจวบคีรีขันธ์มีจุดเด่นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และมีจุดขายเรื่องที่พักตั้งแต่หลักร้อยถึงระดับห้าดาวเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของโครงการนี้ก็คือ แม้บัตรเดียวเที่ยว 4 จังหวัดจะขอรับได้ฟรี แต่สถานที่รับบัตรกลับกำหนดที่สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาใน 4 จังหวัด อาทิ จ.สมุทรสาคร, จ.สมุทรสงคราม, จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคนกรุงเทพฯ อาจจะไม่สะดวกที่จะขับรถไปรับด้วยตัวเอง อีกทั้งด้วยความที่สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานราชการ จึงไม่สามารถขอรับบัตรในวันเสาร์-อาทิตย์ได้เพราะปิดทำการ รวมทั้งจากการสังเกตถึงสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตร พบว่าไม่ได้มีความต่างกับส่วนลดสำหรับผู้ที่ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต โดยเฉพาะร้านอาหาร มีเพียงโรงแรมและที่พักใน จ.เพชรบุรีและ จ.ประจวบคีรีขันธ์เท่านั้นที่ราคาห้องพักน่าสนใจ

หากในโอกาสหน้าจะมีความร่วมมือในลักษณะเช่นนี้ออกมาอีก จะเป็นไปได้หรือไม่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเป็นเจ้าภาพในการกำหนดยุทธศาสตร์และทำการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะสถานที่รับบัตรควรอาศัย ททท.สำนักงานใหญ่ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ สามารถขอรับบัตรได้อย่างทั่วถึง หรืออาศัย ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม, สำนักงานเพชรบุรี และสำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวโดยตรง เพื่อความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าบัตรส่วนลดดังกล่าวไม่ได้มีระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) โดยเฉพาะการบันทึกข้อมูลเพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดของผู้ถือบัตร แม้จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์หากปล่อยให้บัตรใบนี้มีอายุเพียง 1 ปีและถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย แทนที่จะได้ฐานนักท่องเที่ยวเพื่อที่จะใช้สำหรับการมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มเป็นรายๆ ไป เช่น สิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มผู้สูงอายุ

ถ้าการแจกบัตรส่วนลด 5 หมื่นใบประสบความล้มเหลว วิธีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ประหยัดที่สุด และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สุด คือการมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษแก่ผู้ใช้บริการในพื้นที่ 4 จังหวัดเป็นการทั่วไป และทำการประชาสัมพันธ์รายการส่งเสริมการขายในช่องทางต่างๆ ออกมาเป็นเทศกาลหรือฤดูกาลกันไป เหมือนกับที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งผู้ค้าราชประสงค์จัดแคมเปญสำหรับนักช็อปเป็นฤดูกาลมาหายปี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำให้เป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง